ตอนที่ 307 นายกล้าหาเรื่องตัวสร้างปัญหา (1)
ตอนที่เข้าใกล้เมืองความหวัง ฟางผิงก็เห็นยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งยืนอยู่กลางอากาศหน้าประตูเมืองแล้ว
เห็นได้ชัดว่ายอดฝีมือระดับสูงสองคนที่ทำสงครามอยู่ไกลๆ ได้ดึงดูดความสนใจของเมืองความหวังแล้ว
การปะทะกันของยอดฝีมือขั้นเจ็ดขั้นแปด บางทีพวกฟางผิงที่อยู่ไกลอาจจะจับสังเกตไม่ได้ แต่ปรมาจารย์ยอดฝีมือรับรู้ได้อยู่แล้ว
ปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งปลดปล่อยพลังจิตใจออกมาครอบคลุมอาณาเขตไม่ได้เยอะเท่าไหร่ หากต่อสู้กันจริงๆ พลังจิตใจของยอดฝีมือขั้นเจ็ดอาจจะครอบคลุมแค่สี่สิบห้าสิบเมตรเท่านั้น
แต่คลื่นพลังงาน ยอดฝีมือพวกนี้กลับสามารถสัมผัสได้ไกลอย่างมาก
ผู้แข็งแกร่งระดับสูงทำสงครามกัน คลื่นพลังงานจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ยอดฝีมือของเมืองความหวังที่นั่งรักษาการณ์อยู่สัมผัสได้อยู่แล้ว
—
ห่างจากเมืองความหวังประมาณห้าร้อยลี้
จู่ๆ ฟางผิงก็ตะโกนว่า “รายงาน! ฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ล่อยอดฝีมือถ้ำเข้าไปในป่าราชันเจี่ยว วางแผนสังหารระดับสูง!”
“…”
ทั่วทั้งเมืองมีแต่ความเงียบ
—
กลางอากาศเมืองความหวัง
สวี่โม่ฟู่มองชายชราเจ้าเนื้อที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นแหล่งถือกำเนิดอัจฉริยะจริงๆ ด้วย…”
‘อัจฉริยะ’ คำนี้ พูดเน้นหนักเป็นพิเศษ
ชายชราเจ้าเนื้อหัวเราะ “เป็นอัจริยะจริงๆ ข้างหน้านั้นเป็นเจี่ยวและฝ่ายศัตรูระดับสูงทำสงครามกันสินะ?”
สวี่โม่ฟู่ยังไม่ทันได้เปล่งเสียง กลับมีเงาหนึ่งหายวับไปปรากฏอยู่ข้างหน้าฝูงชนอย่างว่องไว
“เป็นลมหายใจของเจี่ยว…แข็งแกร่งกว่าเดิมด้วย!”
คนที่พูดเป็นชายชราผมสีดอกเลา เอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ขั้นแปด เจี่ยวทะลวงด่านแล้ว ไม่แปลกใจที่ช่วงนี้ป่าราชันเจี่ยวมีร่องรอยการขยับขยาย เจี่ยวขั้นแปด…”
ร่างทองขั้นแปด สัตว์ประหลาดร่างทองขั้นแปดนั้นแข็งแกร่งไร้เทียมเทียบจริงๆ
หากขั้นแปดของมนุษย์ประมือกับสัตว์ประหลาดขั้นแปด มีโอกาสแพ้มากกว่าชนะ
พูดจบ ชายชราก็ขมวดคิ้วว่า “น่าเสียดาย”
น่าเสียดายที่เจี่ยวไม่ได้อยู่ฝั่งมนุษย์ชาติ ไม่งั้นตอนนี้ชายชราคงจะมุ่งหน้าไปร่วมชมสงคราม ถือโอกาสลอบสังหารยอดฝีมือถ้ำที่ถูกเจี่ยวสกัดไว้เช่นกัน
แต่สัตว์ประหลาดและยอดฝีมือถ้ำต่อสู้กัน ยอดฝีมือมนุษย์ไม่กล้าจะบุ่มบ่ามบุกเข้าไปเท่าไหร่
หากบุกเข้าไป บางทีอาจก่อให้เกิดความเกลียดชังกับทั้งสองฝ่าย สุดท้ายนอกจากจะไม่สามารถสังหารยอดฝีมือถ้ำ กลับยังจะถูกเจี่ยวและอีกฝ่ายร่วมมือกันฆ่าตัวเองด้วย
ชายชราเสียดายอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะมองไปทางชายชราเจ้าเนื้อ “ไอ้หนูสองคนนี้มาผสมปนเปกันได้ยังไง?”
ชื่อเสียงของฉินเฟิ่งชิง ยอดฝีมือที่ประจำการณ์ในถ้ำใต้ดินรู้แทบทั่วกันแล้ว
ไม่เว้นแม้แต่ฟางผิงเช่นกัน เข้ามาในถ้ำเป็นครั้งแรกก็ถูกยอดฝีมือขั้นหกไล่ฆ่า นำข่าวเมืองตงขุยเคลื่อนทัพมารายงาน
ขึ้นชื่อว่าเป็นยอดฝีมือที่รักษาการณ์ในถ้ำใต้ดิน พวกเขายังคงรู้จักสองคนนี้อยู่บ้าง
ชายชราเจ้าเนื้อเป็นยอดฝีมือขั้นหกสูงสุดที่รักษาการณ์ในถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ ได้ฟังจึงหัวเราะว่า “ผู้เฒ่าโค่ว เป็นลูกศิษย์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ทั้งนั้น ออกเดินทางด้วยกันไม่ใช่เรื่องปกติหรือไง? ทำไมถึงใช้คำว่าผสมปนเปกันล่ะ?”
ชายชราหัวเราะ สวี่โม่ฟู่ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างปวดหัวอยู่บ้าง “คุณยังไม่รู้อีกหรือไง? สองคนนี้ตอนอยู่ขั้นสามกลัวอย่างเดียวว่าโลกจะไม่วุ่นวาย ตอนนี้เข้าสู่ขั้นสี่แล้ว นี่เพิ่งจะหนึ่งวัน…ทำไมถึงก่อเรื่องไปถึงพวกระดับสูงได้?”
เมื่อวานเพิ่งจะเข้าถ้ำเท่านั้น!
นี่มันยังไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ!
ผลลัพธ์ล่ะ?
ด้านหน้ากลับมีระดับสูงสองฝ่ายปะทะกันแล้ว!
ชายชราเจ้าเนื้อไม่ใส่ใจนัก เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องดีหรือไง? หมายความว่านักศึกษาของพวกเรามีความสามารถ ลองคิดดูสิ ครั้งนี้ไม่ว่าเป็นเจี่ยวฆ่าคนผู้นั้น หรือคนผู้นั้นฆ่าเจี่ยว สำหรับพวกเราแล้วมีอะไรเสียหายหรือไง? หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายหรือตายไปทั้งคู่ นั่นถึงจะเป็นเรื่องดี”
การมีอยู่ของเจี่ยว เป็นภัยคุกคามของเมืองความหวังเช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายอยู่ใกล้กันเกินไป
ป่าราชันเจี่ยวและเมืองความหวังระยะห่างเป็นเส้นตรงแค่ร้อยลี้เท่านั้น สำหรับยอดฝีมือระดับสูง สิบกว่านาทีอาจจะไล่ตามมาถึงแล้ว
การมีอยู่เช่นนี้ถือเป็นภัยอันตรายที่แฝงตัวอยู่ภายใน
แต่เจี่ยวแทบไม่ออกจากป่า ทางเมืองความหวังไม่อยากจะบุ่มบ่ามทำสงครามกับสิ่งมีชีวิตระดับสูงเพียงเพราะภัยคุกคามที่เล็กน้อยเช่นกัน แบบนี้จะทำให้เมืองเทียนเหมินแอบฉวยโอกาสโจมตีได้ง่าย
ชายชราแซ่โค่วนั้นแค่นยิ้ม “เป็นเรื่องดี…แต่ยังต้องระวังไว้หน่อย อายุน้อยกันถึงขนาดนี้”
ทั้งสองคนสร้างภัยให้ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำและสัตว์ประหลาดเป็นเรื่องดีสำหรับมนุษย์
แต่สองคนนี้ต่างเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอด
หากไม่เหนือความคาดหมาย ทั้งสองคนมีโอกาสจะทะลวงเป็นปรมาจารย์เกินกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เมล็ดพันธุ์ดีเช่นนี้ สูญเสียไปตั้งแต่ระดับกลาง ถือเป็นความสูญเสียของมนุษย์ชาติเช่นกัน
ชายชราเจ้าเนื้อพยักหน้าว่า “พวกเขาทั้งสองเข้าสู่ระดับกลาง อันที่จริงมหาวิทยาลัยไม่ได้ร้องขออะไรกับพวกเขามาก…แต่ทั้งสองดึงดันจะออกเดินทางให้ได้ ไม่อาจขัดขวางได้อยู่แล้ว ส่วนให้คนคุ้มกัน…”
ชายชราเจ้าเนื้อส่ายหัว นี่แทบเป็นไปไม่ได้
ทั้งสองคนต่างฝีมือไม่อ่อนด้อย ใครจะคุ้มครองกัน?
อย่างน้อยก็ต้องเป็นยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์
ปรมาจารย์ถือเป็นอาวุธเชิงกลยุทธ์ของมนุษย์ชาติ ไม่พูดถึงดึงกำลังคนออกมาไม่ได้ แม้ว่าจะดึงออกมาได้จริงๆ ก็ต้องป้องกันการสูญเสียของปรมาจารย์
แต่หากมีปรมาจารย์มนุษย์ติดตามกลับจะเป็นปัญหา เจี่ยวเจอพวกเขา เกรงว่าคงจะเปิดสงครามกับปรมาจารย์มนุษย์ตั้งแต่ชั่ววินาทีแรก
ชายชราแซ่โค่วฟังจบก็ถอนหายใจ อัจฉริยะของมนุษย์ชาติยังจำเป็นต้องให้พวกเขาขัดเกลา
แต่แบบนี้ก็ดี ผู้แข็งแกร่งที่ข้ามผ่านพายุคาวเลือดมาได้ถึงจะเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
เขาก้มมองสองคนด้านล่าง หวังว่าไอ้หนูสองคนนี้จะสามารถเดินได้ไกลกว่านี้หน่อย
—
หน้าประตูเมืองความหวัง
ฟางผิงยังคงตะโกนเสียงดัง “รายงาน! ฟางผิงจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้วางแผนสังหารระดับสูง…”
ฉินเฟิ่งชิงใบหน้าดำคล้ำ ทำไมไม่พูดถึงฉันแล้วล่ะ?
บนกำแพงเมือง
คนกลุ่มหนึ่งมองหน้ากันไปมา ผ่านไปสักพัก มีคนเอ่ยอย่างจนใจว่า “เรื่องจริงหรือเปล่า?”
“สังหารระดับสูง…ไอ้หนูสองคนนี้เกรงว่าจะหนีตายมาจากข้างนอก คงไม่ใช่ว่า…ถูกยอดฝีมือระดับสูงไล่ฆ่าเลยชักนำภัยพิบัติไปที่ป่าราชันเจี่ยวให้คนอื่นรับเคราะห์แทน?”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนกลับเชื่ออยู่บ้าง
หลายคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มีคนเอ่ยว่า “เจ้าสองคนนี้ไปปล้นรังของระดับสูงมา? ดูสิ แบกของกลับมาเยอะแยะ”
เวลานี้ทุกคนจึงพบว่าทั้งสองคนแบกสัมภาระขนาดใหญ่อยู่
“เปิดประตูเมืองเถอะ…”
ยอดฝีมือหน่วยทหารคนหนึ่งบนกำแพงเพิ่งจะบอกให้เปิดประตู กลับมีคนกระแอมไอว่า “แค่กๆ คือว่า…เจ้าสองคนนั่นสวมชุดผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ พวกเรา…ถ้ามีความแค้นก็ควรต้องชำระหรือเปล่า?”
ท่ามกลางฝูงชนมีคนเอ่ยไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ “นี่ไม่ดีมั้ง?”
“กลัวอะไร ซ้อมพวกเขาสักชุด ซ้อมแล้วก็บอกว่าจำไม่ได้…”
“นั่นมัน…ฉินเฟิ่งชิง ปีก่อนตีลูกชายฉันจนลุกไม่ได้เกือบเดือน…”
“เจ้าเด็กฟางผิงบังคับให้ครอบครัวฉันจ่ายเงินสามสิบล้าน ไม่งั้นจะส่งหลานชายขั้นสองของฉันเข้าไปในถ้ำใต้ดิน…”
“ทุกคนใจเย็นๆ กันก่อน ท่านผู้นั้นจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน”
“แค่กๆ ไม่ต้องกังวล ผู้เฒ่าจางมีหลานสาวคนหนึ่ง ถูกบังคับให้จ่ายยี่สิบล้านเช่นกัน ไม่เป็นไรหรอก”
“จริงเหรอ?”
“แน่นอน”
“งั้น…”
—
ด้านนอกประตูเมือง
ฟางผิงตะโกนอยู่พักใหญ่ หอบหายใจว่า “นายว่าครั้งนี้พวกเราจะได้รางวัลหรือเปล่า วางแผนสังหารระดับสูง นี่เป็นผลงานอันใหญ่หลวง…”
“นายคิดมากเกินไป”
ฉินเฟิ่งชิงเบะปาก ตอบกลับว่า “หน่วยทหารขี้เหนียวจะตายไป นอกจากคนผู้นั้นจะถูกฆ่าจริงๆ บางทีอาจจะพิจารณาให้รางวัลพวกเราเล็กน้อย ไม่งั้นอย่าหวังเลย!”
“เฮ้อ ขี้เหนียวจริงๆ”
“ใช่ ขี้เหนียว”
ฉินเฟิ่งชิงบรรลุข้อตกลงร่วมกับฟางผิงอีกครั้ง ทั้งสองคนพยายามอย่างยากลำบากล่อให้ระดับสูงคนหนึ่งมาต่อสู้กับเจี่ยว หน่วยทหารไม่ให้รางวัลสักหน่อย พูดได้ไม่เต็มปากจริงๆ หลังจากนี้ใครจะกล้าเสี่ยงลงแรงอีกล่ะ?
ระหว่างที่พูด ประตูเมืองก็เปิดออก
ยอดฝีมือระดับกลางขั้นเจ็ดเดินออกมา ผู้เป็นหัวหน้าทำราวกับเพิ่งเห็นพวกฟางผิง จู่ๆ ก็ตะโกนว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำบุกมาถึงเมืองแล้ว เหล่าสหาย สังหารศัตรู!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงต่างตกตะลึงไป
มองยอดฝีมือที่เผยท่าทีประสงค์ร้ายพวกนั้นจับหมัดถูฝ่ามือ จู่ๆ ฟางผิงก็ตะหนักอะไรบางอย่างได้ หันไปมองฉินเฟิ่งชิงแวบหนึ่ง กัดฟันว่า “ศัตรูเก่าของนาย?”
ฉินเฟิ่งชิงเผยท่าทีงุนงง เอ่ยอย่างสับสนว่า “จำไม่ได้”
ใครจะรู้ว่าใช่หรือเปล่า ชีวิตนี้ฉันล่วงเกินคนไปตั้งมากมาย ใครจะไปจำได้
———————-