ตอนที่ 312 ออกด่าน (2)
ซ่งอิ๋งจี๋จำได้แล้ว ตัวเขานั้นจากขั้นสี่ตอนกลางถึงตอนปลาย ใช้เวลาไปเกือบสามปี
ในช่วงเวลาขั้นสี่ เขาใช้เวลาไปประมาณแปดปี
ขั้นห้าใช้เวลาไม่น้อยเช่นกัน ประมาณสิบปี
นี่ถือว่าเร็วแล้ว ปีนี้เขาเพิ่งจะอายุห้าสิบ หากเข้าสู่ขั้นหกก็นับเป็นผู้ที่มีฝีมือโดดเด่นคนหนึ่งในประเทศจีนเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ซ่งอิ๋งจี๋ยังพอใจไม่น้อย
แต่ตอนนี้…มักรู้สึกว่าตัวเองแก่จริงๆ
แต่ฉันเพิ่งจะห้าสิบปีเอง!
“อาจารย์ พวกเราไปกันเถอะครับ”
ซ่งอิ๋งจี๋ยังกำลังตั้งคำถามกับชีวิต ฟางผิงก็เรียกหลู่เฟิ่งโหรวออกไปแล้ว
ซ่งอิ๋งจี๋คิดว่าฟางผิงอาจจะฝึกวิชานานเกินไป สติกลับมาไม่เต็มที่ จำเป็นต้องเอ่ยเตือนออกไป “ฟางผิง เธอฝึกวิชาหกวันหกคืน ตอนนี้เข้าวันที่เจ็ดแล้ว!”
“อ้อ ขอบคุณอาจารย์ซ่งที่เป็นห่วง ผมไม่เป็นไร”
ซ่งอิ๋งจี๋ใบหน้าดำคล้ำ ฉันเป็นห่วงหรือไง? ฉันกำลังเตือนความจำอยู่!
เจ้าเด็กนี้อย่าแสร้งตีหน้าซื่อได้หรือเปล่า?
“เธอฝึกวิชาหลายวันขนาดนี้ คะแนนที่จ่ายมาล่วงหน้า…”
“หมดแล้วเหรอครับ?”
“ฟางผิง!”
ซ่งอิ๋งจี๋หน้าดำทะมึนเตรียมจะคลุ้มคลั่ง ฉันว่าแล้วนายต้องคิดเบี้ยวหนี้!
ฟางผิงเอ่ยอึกอักว่า “อาจารย์ ผมนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าครั้งนี้จะใช้เวลานาน ไม่งั้นผมคงไม่มาห้องแหล่งพลังงานหรอก…”
คุณคิดว่าผมลืมไปจริงๆ หรือไง?
ประเด็นอยู่ที่ว่ามันแพงเกินไป!
ก่อนหน้านี้จ่ายล่วงหน้าไปหนึ่งพันห้าร้อยคะแนน คิดว่าน่าจะพอแล้ว
เงินตั้งหลายสิบล้าน ฝึกวิชาหลายวันยังไม่พออีก?
ใครจะรู้ว่าหลอมหัวใจมันยากขนาดนี้ ใช้เวลาไปเจ็ดวันหกคืนถึงจะหลอมหัวใจเป็นหนึ่งเดียวได้ ตอนนี้คุณจะให้ผมจ่ายเพิ่ม นี่ไม่ใช่ขูดเลือดขูดเนื้อผมหรือไง?
ก่อนหน้านี้ได้รับรางวัลมาหนึ่งหมื่นห้าพันหกร้อยคะแนน ตอนนี้เหลือแค่หนึ่งหมื่นสี่พันคะแนนแล้ว
หากให้ฟางผิงควักคะแนนให้อีก เขาคงต้องอกแตกตายแน่ๆ
ซ่งอิ๋งจี๋เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “นั่นมันเรื่องของเธอ”
เจ้าเด็กนี้ฉันบังคับนายมาหรือไง?
ตอนที่นายเข้าประตูมา เรียกฉันเหล่าซ่งอย่างนั้นเหล่าซ่งอย่างนี้ เหิมเกริมอย่างถึงที่สุด วางท่าอย่างถึงที่สุด ตอนนี้จ่ายเงินกลับหัวหดซะแล้ว?
ฟางผิงจนใจอยู่บ้าง ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “อาจารย์ ลดให้หน่อยเถอะครับ ครั้งนี้ผมฝึกวิชานานขนาดนี้ ยังไงก็ควรลดราคาให้กันบ้าง?”
“ขอโทษที ไม่มีหรอก”
ซ่งอิ๋งจี๋ปฏิเสธตรงๆ จะเอาส่วนลดที่ไหนมาให้เธอ
ฟางผิงมองหลู่เฟิ่งโหรว หลู่เฟิ่งโหรวทำราวกับไม่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน ฟางผิงไม่ได้ขาดแคลนเงิน ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลแทนเขา
“เงินสดสามสิบล้านพอหรือเปล่าครับ?”
ฟางผิงอยากกระอักเลือดอยู่บ้าง ฝึกวิชาที่นี่แพงเกินไปแล้ว ครั้งหน้าตีให้ตายยังไงฉันก็ไม่มาแล้ว
เขาใช้ค่าทรัพย์สินฟื้นฟูปราณอาจจะไม่เสียเยอะเท่านี้เสมอไป ไม่สิ เสียน้อยกว่านี้อยู่แล้ว
แน่นอนว่ามาฝึกวิชาที่ห้องแหล่งพลังงานก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์เช่นกัน พลังงานพลุ่งพล่าน หลอมได้ทั่วร่างกาย
แต่ยังอยู่ที่แพงเกินไป
“หนึ่งพันสามร้อยแปดสิบคะแนน สามสิบล้านไม่พอ”
“ตอนนี้คะแนนเฟ้อขึ้นมาแล้ว ไม่ได้เยอะ…”
“เธอก็หารือเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยสักหน่อยสิ”
“ก่อนหน้านี้อาจารย์ยังติดเงินผมสิบล้าน ช่วยชดเชยให้ผมแล้วกัน นี่คงเพียงพอแล้ว…”
ซ่งอิ๋งจี๋นิ่งงันไป ฉันแม่งไปติดเงินนายสิบล้านตั้งแต่ตอนไหน?
นายอ้าปากพูดเองเออเอง?
ฟางผิงไม่พูดอีก ควักบัตรเอทีเอ็มวางบนโต๊ะ เอ่ยอย่างรวดเร็ว “ในนี้มีสามสิบล้าน รหัสเขียนอยู่ข้างหลัง อาจารย์ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ครั้งนี้ฟางผิงวิ่งแจ้นไปแทบไม่เหลียวหลัง
“ฟางผิง!”
ซ่งอิ๋งจี๋ตะโกนเสียงดัง ก่อนจะมองหลู่เฟิ่งโหรวที่ยังไม่ไปไหน เอ่ยอย่างจนใจ “เด็กคนนี้ อาจารย์หลู่…”
หลู่เฟิ่งโหรวหัวเราะ เอ่ยว่า “โควตาฝึกวิชาปีนี้ของฉันยังเหลืออยู่หรือเปล่า?”
“ยังเหลืออีกเยอะ”
“ไม่พอหักจากฉันไปละกัน ยังไงฉันก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้ว”
ตอนนี้หลู่เฟิ่งโหรวผ่านขั้นตอนนี้ไปแล้ว สำหรับเธอ ประสิทธิภาพของห้องแหล่งพลังงานนั้นค่อนข้างมีอย่างจำกัด
ประสิทธิภาพยังเทียบเท่าแร่พลังงานไม่ได้
แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์ขั้นหกสูงสุด ตามธรรมเนียมทุกปีเธอจะได้โควตาฝึกวิชาในห้องแหล่งพลังงานฟรี
ซ่งอิ๋งจี๋ได้ยินก็ไม่พูดอะไรอีก หลู่เฟิ่งโหรวไม่ปริปากเช่นกัน ไม่นานก็เดินออกมาจากห้องแหล่งพลังงาน
—
ข้างนอกห้องแหล่งพลังงาน
ฟางผิงกำลังมองสอดส่องไปทั่ว เห็นหลู่เฟิ่งโหรวเดินออกมาก็ละล่ำละลักว่า “อาจารย์ เหล่าซ่งไม่ได้ตามออกมา คุณสกัดไว้เหรอครับ?”
ระหว่างที่พูด ฟางผิงยังเอ่ยอย่างดีใจ “ผมยังคิดว่าเขาจะตามมาฆ่าผมซะอีก วางแผนแล้วว่าจะติดไว้ก่อน นึกไม่ถึงว่าเหล่าซ่งจะไม่ตามออกมา แบบนี้แสดงว่าเหล่าซ่งลดราคาให้ผม?”
หลู่เฟิ่งชิงปราดสายตามองเขา ลดราคา หักขานายไม่ว่าน่ะสิ!
จ้องฟางผิงอยู่นาน เวลานี้ค่อยเอ่ยว่า “อิดออดไม่ยอมจ่าย จะเก็บคะแนนเยอะขนาดนั้นไว้กินข้าว?”
“ต้องวางแผนเผื่ออนาคต ฝึกวิชาสิ้นเปลืองเกินไป”
ฟางผิงถอนหายใจ ผมคิดว่าหนึ่งหมื่นกว่าคะแนนน่าจะใช้ได้จนถึงขั้นหก ใครจะรู้ว่าหมดเร็วขนาดนี้
“ไม่ใช่ฝึกวิชาสิ้นเปลืองเกินไป แต่เธอใช้เงินเก่งเกินไป”
หลู่เฟิ่งโหรวส่ายหัวเบาๆ เจ้าเด็กนี้มองห้องแหล่งพลังงานเป็นโรงแรม อยู่ทีเดียวถึงหกเจ็ดวัน จะเสียเงินนิดเดียวได้ยังไง?
อย่าพูดถึงฟางผิงเลย พวกอาจารย์ยังไม่กล้าทำแบบนี้ด้วยซ้ำ
แต่ใช้เวลาไม่กี่วัน ฟางผิงหลอมหัวใจรวมเป็นหนึ่งเดียวได้ ความเร็วนี้น่าตกใจเช่นกัน
“ขั้นสี่ตอนปลายยังอีกนานหรือเปล่า?”
“อย่างเร็วที่สุดคงสี่ห้าวันนี้ ช้าสุดคงสิบวันหรือครึ่งเดือน” ฟางผิงตอบกลับ เอ่ยต่อว่า “อาจารย์ การแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ใกล้จะเริ่มแล้ว ครั้งนี้คุณช่วยผมควบคุมสถานการณ์หน่อย ผมกลัวว่าตัวเองจะคุมไม่อยู่”
“ให้อู๋ขุยซานไปสิ”
“อธิการไม่ยินดี”
“เป็นฉันก็คงไม่ยินดี” ครั้งนี้หลู่เฟิ่งโหรวกลับไม่ได้ว่าร้ายอู๋ขุยซานอย่างที่ควรจะเป็น เอ่ยอย่างจนใจ “สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ของเธอจะเก็บเงินหกพันกว่าล้านไปตลอดแบบนี้หรือไง? สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ไม่ใช้ เธอก็เอาให้มหาวิทยาลัย เก็บเงินไว้ก็เป็นแค่ตัวเลขเท่านั้น”
“อธิการคิดจะวางแผนกับเงินของผม?” ฟางผิงตกใจจนหน้าถอดสี
“เงินของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ใช่ของเธอ” หลู่เฟิ่งโหรวช่วยแก้ไขให้
“เหมือนกันแหละครับ”
ฟางผิงพึมพำ เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร สมาคมผู้ฝึกยุทธ์เก็บเงินไว้เยอะเกินไป นึกไม่ถึงว่ากระทั่งอู๋ขุยซานยังถูกยั่วยวน ต้องพยายามใช้เงินให้เร็วที่สุดแล้ว
“ผมรู้ว่าเงินก้อนนี้คงเก็บไว้ได้ไม่นานเหมือนกัน จ่ายเงินสวัสดิการหนึ่งปีให้ทุกคนก่อนค่อยว่ากัน…”
ฟางผิงคิดดีแล้ว กลับไปจะแบ่งสวัสดิการหนึ่งปีให้ทุกคนก่อน รวมถึงตัวเองด้วย
สวัสดิการหนึ่งปีของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ อ้างอิงจากสถานการณ์ตอนนี้ เป็นจำนวนเกือบสามพันล้าน
เงินที่เหลือนำมาใช้ไปกับนักศึกษาใหม่ก็น่าจะหมดเกลี้ยงแล้ว
หลู่เฟิ่งโหรวไม่พูดอะไร เธอช่างกล้าทำออกมาจริงๆ จ่ายสวัสดิการหนึ่งปีล่วงหน้า ละอายใจบ้างหรือเปล่า?
ฟางผิงกลับไม่ได้คิดมากมายขนาดนั้น สวัสดิการหนึ่งปีของเขาก็จะได้รับหกพันคะแนน เพิ่มค่าทรัพย์สินขึ้นอีกหนึ่งร้อยยี่สิบล้าน
ถึงเวลานั้นจะมีสองหมื่นคะแนนอยู่ในมือ ต้องดูว่าจะสามารถขายออกไปได้หรือเปล่า พอจะสามารถหาวิธีรวบรวมค่าทรัพย์สินให้ถึงหนึ่งพันล้านได้หรือไม่ ทั้งระบบยังจะอัพเกรดได้อีกหรือเปล่า?
“ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย ให้แหวนเก็บของฉันก็พอแล้ว หรือคลังเก็บสินค้าก็ได้ ไม่มีของพวกนี้ใช้ชีวิตยากจริงๆ”
ฟางผิงจนใจอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้หากมีแหวนเก็บของ เขาและฉินเฟิ่งชิงคงได้รางวัลกลับมาเยอะกว่านี้
ของในตำหนักครั้งก่อนขนมาได้ทั้งนั้น
รวมถึงเก้าอี้โต๊ะตั่งล้วนมีมูลค่าเช่นกัน
โคมไฟพลังงานก็ไม่จำเป็นต้องบีบอัดกลับมา ห่อมาในสภาพเดิมจะได้ราคายิ่งกว่า
“ค่าทรัพย์สินหนึ่งพันล้าน…ยังห่างไกลอยู่บ้าง กะโหลกยังไม่ได้หลอม ช่างเถอะ หลอมกะโหลกเอาไว้ก่อน พยายามเก็บค่าทรัพย์สินให้ถึงหนึ่งพันล้านเถอะ”
ฟางผิงที่เข้าสู่ขั้นสี่สามารถฟื้นฟูร่างกายเองได้อย่างรวดเร็ว การสิ้นเปลืองค่าทรัพย์สินลดลงไปไม่น้อย
บางทีอีกไม่นานอาจจะเก็บครบพันล้านก็ได้
หลู่เฟิ่งโหรวกลับไม่สนใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ เดินไปสักพักก็เอ่ยว่า “จางติ้งหนานจากหนานเจียงมีธุระกับเธอ บอกให้เธอโทรกลับหาเขา อย่าลืมติดต่อไปด้วยล่ะ”
“ผู้ว่าจางมีธุระอะไรกับผมกัน?”
“ไม่รู้ ดูท่าไม่ใช่เรื่องดี ระวังหน่อยละกัน มีอะไรก็บอกฉันได้”
“อืม เข้าใจแล้วครับ”
ฟางผิงไม่ถามอีก เดี๋ยวต้องโทรไปถามสักหน่อย หรือว่าถ้ำใต้ดินหนานเจียงจะอุบัติขึ้นแล้ว?
———————–