ในวันทัศนศึกษา
เหล้านักเรียนปีหนึ่งต่างมารวมตัวกันที่โรงเรียนในชุดพละ เพื่อทำกิจกรรมออกกำลังกายในตอนเช้า
เมื่อพวกเรามาถึงที่โรงเรียนก็มีรถบัสหลายคันมาจอดรออยู่แล้ว
ที่นั่งบนรถนั้นถูกจัดตาที่แบ่งกลุ่มไว้เมื่อวันก่อน เมื่อผมขึ้นมาบนรถก็ตรงไปที่ตรงนั้นทันที……แต่มันดันไม่มีที่ให้ผมนั่งซะงั้น
ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าพวกคนที่ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับพวกผมนั้นกำลังไทยมุงอยู่แถวที่นั่งของผมเพื่อพูดคุยกับซาเองุสะซังไงล่ะ
เอาเถอะ ผมไม่ใช่คนที่ใจดำอยู่แล้ว เพราะงั้นผมไม่ใส่ใจหรอก
แต่ว่าปัญหาก็คือผมไม่รู้ควรจะไปนั่งตรงไหนก่อนดี
“อรุณสวัสดิ์ค่ะอิจิโจคุง”
ผมหันหลังมาตามเสียงเรียก
ผมเห็นชิมิซุซังที่อยู่กลุ่มเดียวกันกำลังนั่งอยู่คนเดียวและมีสีหน้าลำบากใจ
—ดูเหมือนว่าเธอจะประสบปัญหาเดียวกันกับผมแหะ
ชิมิซุซังน่าจะนั่งตรงนี้เพื่อรอให้ที่นั่งของเธอซึ่งอยู่ข้างซาเองุสะว่าง
ดูท่าเราน่าจะทำได้แค่รอแล้วล่ะ
ผมจึงยอมแพ้และถามเธอว่าผมนั่งด้วยได้มั้ย ซึ่งเธอก็ไม่มีปัญหาผมจึงนั่งกับเธอไปก่อน
แต่พอผมนั่งลงผมก็นึกขึ้นได้
แล้วทำไมฉันถึงได้มานั่งข้างๆเด็กผู้หญิงฟะ?
เมื่อความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัว ผมก็รู้สึกเขินไม่น้อยเลย
ดูเหมือนว่าชิมิซุเองก็คิดเหมือนกัน ก็เธอก้มหน้างุดซะขนาดนั้นนี่นา
“ขอโทษด้วยครับ! คุณคงไม่ชอบสินะครับ”
“ไม่ค่ะไม่เป็นไร”
ผมรีบลุกขึ้นทันทีและกำลังจะออกไปจากเก้าอี้ แต่ว่าชิมิซุซังก็บอกว่าโอเคและมองมาที่ผมด้วยความอาย
ให้ตายสิการที่เธอทำแบบนั้นขอบอกเลยว่ามันน่ารักมากๆเลย
“ขอโทษนะทุกคน! ดูเหมือนว่าขิมิซุซังกับอิจิโจคุงจะมีปัญหาเรื่องที่นั่งอยู่นะ เพราะงั้นกลับไปกันก่อนได้มั้ย?”
เมื่อเห็นว่าผมกับชิมิซุซังกำลังลำบาก ซาเองุสะซังก็กล่าวขึ้นเสียงดังเพื่อขัดจังหวะพวกไทยมุงที่คุยกับเธออยู่ ก่อนที่พวกนั้นจะค่อยๆหายไป
“โทษทีนะทั้งสองคน ตอนนี้ที่ว่างแล้วล่ะ”
ซาเองุสะเดินมาหาเราด้วยรอยยิ้ม แต่ผมรู้สึกว่าริยยิ้มของเธอครั้งดูจะต่างจากปกติจนผมรูัสึกขนลุกเลย
เป็นอีกวันที่ซาเองุสะซังนั้นทำตัวน่าสงสัยแต่ดันไม่มีคนสังเกตเห็นซะงั้น
“เกือบไปแล้วสิเรา!”
ทาคายูกิขึ้นมาบนรถได้ทันอย่างฉิวเฉียดพร้อมกับหอบออกมาเล็กน้อย
“นึกว่านายจะไม่มาซะแล้ว”
“โทษที เมื่อคืนนอนดึกน่ะ”
ที่มันก็ผ่านมาได้สักพักแล้วนะที่ผมอยู่ห้องนี้ แต่ก็ยังมีสาวๆหลายคนจ้องมองทาคายูกิอย่างหลงไหล ยิ่งตอนที่หมอนั่นสบัดคอเสื้อเพื่อคลาดร้อนพวกเธอก็มองตาเป็นมันเลยล่ะ
หมอนี่มันร้อนแรงเหมือนทุกทีเลยจริงๆ จากนั้นผมก็หันไปมองด้านข้างผมก็ได้เห็นชิมิซุซังที่ทำหน้าเขินอายกับซาเองุสะที่เหล่มองมาด้วยแววตาที่ดุดัน
—เอิ่ม…..คุณชิมิซุน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ซาเองุสะซังไอ้หน้าแบบนั้นมันอะไรกันครับ?
ผมคิดว่าเธออาจจะมองมาที่ทาคายูกิแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่แหะ
แล้วเมื่อตาของผมและเธอประสานกันผมก็รู้ทันทีว่าเธอมองมาที่ใคร
หืม? นั่นมันอะไรน่ะ?
ซาเองุสะซังหรี่ตาจ้องมาทางผม
ผมไม่รู้เลยว่าเธอห้องการจะสื่ออะไร แต่ผมมั่นใจว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ผมจึงส่งยิ้มและโบกมือให้เธอ
—ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันเรื่องอะไร แต่ยิ้มไว้ก่อนละกัน!
ผมไม่คิดหรอกนะว่าวิธีนี้จะได้ผล แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างซาเองุสะซังก็สลับโหมดและโบกมือตอบมาด้วยรอยยิ้ม
ผมไม่รู้จริงๆว่ามันได้ผลได้ยังไง แต่ถ้ามันทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นได้ผมก็ดีใจ
พวกเราลงมาจากรถทันทีที่มาถึงจุดหมาย
เด็กๆแต่ละห้องค่อยๆทยอยกันลงจากรถ
“เอาล่ะทุกคน! พวกเราไปเดินป่ากันเถอะ ทุกคนต้องเดินกับกลุ่มของตัวเองและห้ามแยกจากกันนะ พร้อมแล้วใช่มั้ย?”
“””ครับ!/ค่ะ!”””
สิ้นเสียงประกาศของอาจารย์การเดินป่าก็ได้เริ่มขึ้น
พวกเราเริ่มออกเดินทางกันทันที แต่ก็ดันมีบางอย่างมาขัเไว้เสียก่อน
“ซาเองุสะซัง! ผมขอเดินกับคุณได้มั้ย?”
คนที่พูดขึ้นก็คือคิมิฮิสะ โทโกผู้ซึ่งผมเคยนึกว่าเขาอยู่ห้อง 1 แต่ที่จริงเขาอยู่ห้อง 4
เขาเป็นชื่อเสียงจากการเป็นนายแบบให้กับนิตยสารชื่อ “Try” ที่เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นตอนนี้ เขาเป็นคนที่หน้าตาดีและเป็นที่นิยมจนสาวๆบางคนเปรียบเขาเป็นดั่งเจ้าชาย
โทโกนั้นดูจะเป็นคนทีมั่นใจในตัวเองและชอบเข้าใกล้ซาเองุสะอยู่บ่อยๆอย่างในตอนนี้
“ไหนๆพวกเราก็อยู่ในวงการบันเทิงเหมือนกัน งั้นเรามาคุยกันระหว่างเดินทางเถอะครับ”
“ฉันออกจากวงการไปแล้วค่ะ เพราะงั้นคงไม่มีอะไรต้องคุยกันค่ะ”
ซาเองุสะปฏิเสธคำชวนของโทโกคุงด้วยรอยยิ้ม
“ต-แต่ว่าผมอยากได้คำปรึกษาในฐานะรุ่นพี่นะครับ…..”
“ฉันว่าการเป็นไอดอลกับนายแบบนั้นจะเกี่ยวข้องอะไรกันนะคะ อีกอย่างฉันไม่รู้จักคนที่เป็นนายแบบสักคนเลยขอโทษด้วยค่ะ”
จากนั้นซาเองุสะซังก็รีบวิ่งมาหาพวกเราเพื่อหลีกหนีจากโทโกคุงและกล่าวว่า “ไปกันเถอะ!” ก่อนจะจับมือของชิมิซุซังและเดินนำออกไปอย่างมีความสุข
ผมรู้สึกสงสารโทโกคุงที่ทำหน้าตะลังงันอยู่ด้านหลังอยู่เหมือนกันแหะ