บทที่ 563 บรรพชนตระกูลหลิงปรากฏตัว
บทที่ 563 บรรพชนตระกูลหลิงปรากฏตัว
แม้บรรพชนตระกูลหลิงจะเห็นเสวียนเทียนชวน ทว่าสีหน้าจริงจังของเขาไม่สั่นคลอนแม้แต่น้อย “ข้ามาที่นี่เพื่อพบบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่”
น้ำเสียงของบรรพชนตระกูลหลิงค่อนข้างลุ่มลึก แม้กระทั่งเสวียนเทียนชวนยังไม่เข้าใจว่าบรรพชนตระกูลหลิงตั้งใจจะมาที่นี่เพราะอะไร
“บุตรศักดิ์สิทธิ์เก็บตัวเมื่อวันก่อน หากท่านต้องการอะไรเชิญแจ้งมาได้ เดี๋ยวข้าจัดการให้”
ท่าทีของเสวียนเทียนชวนยังเต็มไปด้วยความสุภาพ “หรือต่อให้ทำไม่ได้ ท่านสามารถแจ้งให้ทราบได้เช่นกัน แล้วข้าจะแจ้งให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ทราบทันทีที่ออกจากการเก็บตัว!”
บรรพชนตระกูลหลิงยังคงยืนกรานคำเดิม “ข้าอยากพบบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่!”
ในเวลานี้ ลู่หยวนอยู่ระหว่างการเก็บตัว ดังนั้นบรรพชนตระกูลหลิงจึงไม่สามารถพบอีกฝ่ายได้
หลังจากครุ่นคิดสักพัก เสวียนเทียนชวนจึงบังเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
เหตุผลที่เป็นไปได้มากที่สุดที่บรรพชนตระกูลหลิงลงมือด้วยตัวเองน่าจะเป็นเพราะหลิงอวิ๋น!
เขาเริ่มทำนายทันที แล้วสีหน้าของเขาประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นผลลัพธ์ของมัน
“มีบางอย่างเกิดขึ้นกับหลิงอวิ๋นหรือ?”
สีหน้าของบรรพชนตระกูลหลิงไม่สู้ดีและค่อนข้างหมองหม่น “ในเมื่อบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เก็บตัว ข้าก็จะไม่รบกวน แต่อย่างน้อยขออยู่รอบนอกที่ที่เขาเก็บตัวหน่อยเถอะ! ”
เสวียนเทียนชวนชั่งน้ำหนักขณะนำบรรพชนตระกูลหลิงมาอยู่นอกลานวังของลู่หยวน!
เมื่อทุกคนเห็นว่ามีคนมา สายตาของพวกเขาต่างจับจ้องไปทางเสวียนเทียนชวนกับบรรพชนตระกูลหลิง
พวกเขาย่อมไม่กังวลตัวเสวียนเทียนชวน แต่กับบรรพชนตระกูลหลิงคนนี้… พวกเขายังคงระแวดระวังเล็กน้อย!
กู้ชิงหรันที่ขัดสมาธิอยู่ด้านหนึ่งของชายคาทำเพียงเหลือบมองคนทั้งสองที่ก้าวเข้ามา จากนั้นจึงหลับตาเพื่อทำการฝึกตนต่อ
ทว่าเจตจำนงกระบี่ภายในร่างถูกตระเตรียมรอไว้ที่นอกวังของลู่หยวนแล้ว แม้แต่อากาศยังมิอาจเล็ดลอดเข้าไปได้
ต่อให้สายลมจะพัดผ่าน แต่กู้ชิงหรันก็สามารถบดขยี้มันให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้!
หากมีสิ่งแปลกปลอมในตัวของบรรพชนตระกูลหลิงจริง นางย่อมลงมือสังหารทันทีที่อีกฝ่ายก้าวเข้ามา
สิ้นเสียง “โครม” พื้นแตกร้าว แล้วหอกจึงทะลวงลุกเข้าไป
บรรพชนตระกูลหลิงนั่งขัดสมาธิ จากนั้นหยิบตะเกียงสว่างออกมาแล้วแขวนไว้กับหอก
แสงและเงาสลัวราวกับจะดับลงทุกเมื่อปรากฏขึ้นภายในตะเกียง
แล้วตะเกียงก็เคลื่อนไหวไปมาตามแรงลม
เสวียนเทียนชวนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นแสงสว่างเจิดจ้าดังกล่าว
เพราะดวงประทีปนี้คือแสงแห่งชีวิตของหลิงอวิ๋น!
ยามแสงสว่างหมองหม่น ย่อมหมายถึงชีวิตของนางตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น
หากหลิงอวิ๋นตาย แสงสว่างนี้ย่อมมอดดับตามไปด้วย!
บรรพชนตระกูลหลิงจ้องมองไปที่ลานวังซึ่งอยู่ด้านหลังแสงสลัวดังกล่าว
เดิมทีหลิงอวิ๋นไปหาลู่หยวน แต่นางตกลงไปในดินแดนลับบางอย่างหลังจากเข้าสู่เขาบูรพา ซึ่งในตอนแรกนางปลอดภัยดีและยังสามารถติดต่อผ่านยันต์ได้
แต่ทันใดนั้น แสงชีวิตของนางเริ่มอ่อนกำลังลง ในเวลาเพียงไม่กี่วัน แสงสว่างก็ยิ่งเลือนรางราวกับจะดับลงเมื่อใดก็ได้!
เมื่อเห็นเช่นนั้น บรรพชนตระกูลหลิงจึงส่งคนจำนวนมากไปค้นหาตามสถานที่ที่หลิงอวิ๋นหายตัวไป ถึงกระนั้นพวกเขายังไม่พบอะไร ไม่เว้นแม้กระทั่งทางเข้าดินแดนลับที่นางกล่าวถึงผ่านยันต์ในตอนนั้น!
คราวนี้บรรพชนตระกูลหลิงเข้าใจเช่นกันว่าพวกเขาไม่อาจพึ่งพละกำลังตัวเองในการตามหาหลิงอวิ๋นได้!
ในตอนนี้เองที่ข่าวลู่หยวนกลับแดนมัชฌิมได้แพร่กระจายออกไป บรรพชนตระกูลหลิงจึงรู้สึกว่ายังพอมีหวัง!
ลู่หยวนคือใคร?!
หากเขาลงมือ ความหวังย่อมก่อเกิดอย่างแน่นอน!
หลังจากนั้นจึงเกิดเหตุการณ์อย่างที่เห็นในตอนนี้!
…
ตอนนี้บรรพชนตระกูลหลิงนั่งอยู่นอกลานวังของลู่หยวนโดยไม่ขยับไปไหนเป็นเวลาสามวันเต็ม!
สายตาของเขาจับจ้องไปกลางลานวังอย่างมุ่งมั่น ทันใดนั้น แสงจากตะเกียงชีวิตตรงหน้าเริ่มหมองหม่นอีกครั้งจนถึงขั้นเริ่มเผยท่าทีที่จะมอดดับ!
เสวียนเทียนชวนเฝ้ามองด้วยความกังวลเช่นกัน ส่วนบรรพชนตระกูลหลิงกลับไม่เอ่ยคำอะไร เสวียนเทียนชวนจึงทำได้เพียงส่งคนของตนเองกับไป๋ชิวเอ๋อร์เพื่อออกตามหาร่องรอยของหลิงอวิ๋น!
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นางถูกขังอยู่ในพื้นที่หนึ่งของเขาบูรพา ทว่าแม้ผ่านไปเนิ่นนานกลับยังไม่สามารถระบุรายละเอียดแน่ชัดได้
เสวียนเทียนชวนเริ่มจะเข้าใจจุดประสงค์ในการมาที่นี่ของบรรพชนตระกูลหลิงเช่นกัน ตอนนี้หลิงอวิ๋นหายตัวไปจนไม่สามารถตามรอยได้ มันเกินความสามารถที่พวกเขาจะทำได้ แต่หากลู่หยวนลงมือด้วยตัวเองก็อาจมีหวังที่จะพลิกสถานการณ์!
ผ่านไปอีกหนึ่งวัน ตะเกียงชีวิตก็ยิ่งหมองหม่นและอ่อนกำลังพร้อมจะดับลงทุกเมื่อ!
เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของบรรพชนตระกูลหลิงเริ่มปรากฏแวววิตกกังวล
เพราะหลิงอวิ๋นนับเป็นบุคคลสำคัญต่อตระกูลหลิงค่อนข้างมาก!
ยังไม่รวมถึงความสามารถในการฝึกวิถีหอกในตอนนี้ของนางแกร่งพอที่จะทัดเทียมกับทุกคนภายในตระกูลหลิงในรอบหนึ่งหมื่นปี!
หลิงอวิ๋นในตอนนี้นับว่าเป็นกำลังรบสูงสุดของตระกูลหลิง ยิ่งกว่านั้น นางยังเป็นสายสัมพันธ์เพียงหนึ่งเดียวที่เชื่อมระหว่างตระกูลกับลู่หยวนเอาไว้!
หากหลิงอวิ๋นตาย การปฏิบัติต่อตระกูลหลิงของลู่หยวนคงไม่เหมือนวันวานอีกต่อไป
ราชวงศ์แดนมัชฌิม ตระกูลเสวียน รวมถึงแดนเหนือที่อยู่ใต้อาณัติลู่หยวนจะปฏิบัติต่อตระกูลหลิงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!
ถึงตอนนั้น หากไร้การสนับสนุนจากกองกำลังเหล่านี้ แล้วตระกูลหลิงจะไปได้ไกลสักเพียงใด?
ต่อให้ไม่สนเรื่องพวกนี้ หลิงอวิ๋นก็ยังคงเป็นความหวังและเป็นที่นับหน้าถือตามาโดยตลอด หากนางตายขึ้นมา เขา… จะเลือกผู้นำตระกูลคนต่อไปได้อย่างไร?
แม้ในใจของบรรพชนตระกูลหลิงจะวิตกกังวล แต่ภายนอกกลับสะกดกลั้นความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้!
ดวงอาทิตย์สีแดงคล้อยต่ำ ม่านราตรีปรากฏ จันทรายามค่ำลอยขึ้นมา
“ชิ้ง!”
เสียงโอ่อ่าประหนึ่งมหาวิถีดังขึ้นจากภายในห้องโถงของลู่หยวน!
สายฟ้าที่ก่อตัวบนท้องนภามาหลายวันฟาดลงมาในทันที!
“ครืนนน!”
เสียงฟ้าร้องอันคลุ้มคลั่งกระจายออกไปไกลทั่วทั้งแดนมัชฌิมนับแสนลี้!
สายฟ้าประหนึ่งเสาแห่งสวรรค์เคลื่อนลงมาตรงลานวังของลู่หยวน
ผู้คนที่คุ้มกันบริเวณดังกล่าวต่างตกตะลึง
พวกเขาต่างตระหนักถึงอดีตของลู่หยวน สายฟ้าที่อีกฝ่ายเคยประสบก่อนหน้านี้สร้างความตกตะลึงทั่วทั้งฟ้าดิน
พวกเขาเตรียมใจสำหรับการทะลวงของลู่หยวนในวันนี้แล้ว รวมถึงคาดการณ์เอาไว้ว่าสายฟ้าสวรรค์ที่ฟาดลงมาในคราวนี้จะรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่า
แต่พอได้เห็นตอนนี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง!
สายฟ้าประหนึ่งเสาแห่งสวรรค์ที่ฟาดลงมาจากท้องนภาสามารถกวาดล้างเมืองหลวงแดนมัชฌิมทั้งหมดได้!
ยามอยู่ต่อหน้าสายฟ้าเช่นนี้ คนอย่างพวกเขาจะต่างอะไรกับมดปลวกบนแดนดินกัน?!
ขณะพวกเขาตกตะลึง คนในชุดสีขาวกลับทะยานเข้ามาพร้อมกับเจตจำนงกระบี่อันเย็นเยือกเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
เสียงที่ชัดเจนและเย็นชาดังขึ้น “ถอย!”
คนเหล่านี้ต่างมองไปทางต้นเสียง ก่อนจะพบว่าคนผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกู้ชิงหรัน!
พวกเขานับเป็นกองกำลังระดับสูงในหมู่ตระกูลเสวียน ก่อนลู่หยวนจะกลับมา ไม่ว่าใครต่างก็ทราบเรื่องตัวตนคู่หมั้นของอีกฝ่าย ทุกคนจึงพากันเอ่ยคำด้วยความเคารพ “น้อมรับคำสั่ง!”
พวกเขาต่างถอยกลับไป เหลือไว้เพียงกู้ชิงหรันผู้ยืนอยู่ใต้สายฟ้าดังกล่าว!
กู้ชิงหรันสวมชุดสีขาว ตกแต่งด้วยมงกุฎสีทองกับปิ่นหยก ดวงตาเย็นชาหาใดเปรียบ ในมือถือกระบี่หักขณะที่เจตจำนงกระบี่ตัดผ่านไปทั่วหล้า
ทันทีที่นางปรากฏตัว พลังกระบี่อันยอดเยี่ยมก็พุ่งทะยานอย่างต่อเนื่องจนไปถึงท้องนภาอย่างไม่หวั่นเกรงต่อสายฟ้าสวรรค์ที่ฟาดลงมา!
เสียงของลู่หยวนดังก้องเช่นกัน “ชิงหรัน ถ่วงเวลาให้ข้าสามอึดใจ!”