ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 189 เธอท้องหรือเปล่า

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 189 เธอท้องหรือเปล่า?

ตอนที่ 189 เธอท้องหรือเปล่า?

ถังหลิงพาเสิ่นเสี่ยวเหมยไปที่โรงน้ำชาซึ่งอยู่ตรงหัวมุมถนน

เสิ่นเสี่ยวเหมยดูกระสับกระส่ายแปลก ๆ

ถังหลิงมองหล่อนและพูดด้วยความกังวลว่า “เสี่ยวเหมย เธอลองไตร่ตรองถึงสิ่งที่ฉันพูดกับเธอทางโทรศัพท์เมื่อวานนี้ให้ดี ตอนนี้หลินเซี่ยถูกเชิญให้กลับไปอยู่ที่ชุมชนบ้านพักทหารกับเฉินเจียเหอแล้ว แถมสมาชิกตระกูลเฉินยังแห่แหนกันมาสนับสนุนกิจการใหม่ของหล่อนกันยกบ้าน แม้แต่เฉินเจียซิ่งยังตัดผมกับหล่อนเลย ถ้าเธอยังมัวเล่นตัวไม่ยอมกลับไปที่บ้านตระกูลเฉินอีก นานวันเข้าเธอไม่กลายเป็นสะใภ้นอกคอกหรอกเหรอ?”

ใบหน้าของเสิ่นเสี่ยวเหมยยิ่งน่าเกลียดกว่าเดิม

ถังหลิงจับมือหล่อน ก่อนจะชี้นำแนวทางให้อย่างมีน้ำใจ “ฟังคำแนะนำของพี่สาวเถอะ หยุดเอาแต่ใจ แล้วกลับไปที่บ้านตระกูลเฉินซะ”

เสิ่นเสี่ยวเหมยกัดริมฝีปาก แล้วพูดด้วยความโมโหโกรธว่า “พี่สาวหลิง เฉินเจียซิ่งผัวไม่รักดีไม่มาตามง้อฉันหลายวันแล้ว จะให้ฉันแบกหน้ากลับไปดื้อ ๆ ได้ยังไง?”

ทุกวันนี้หล่อนเองก็ไม่สะดวกใจที่จะอาศัยอยู่ที่บ้านของลุงเหมือนกัน เซี่ยหลานวางตัวหยิ่งและไม่เป็นมิตรกับตนอยู่เสมอ เสิ่นอวี้อิ๋งก็พยายามเกลี้ยกล่อมหลายครั้ง หวังว่าตนจะยอมกลับไปที่บ้านตระกูลเฉินแล้วสอนบทเรียนกับหลินเซี่ย

อย่างไรก็ตาม เฉินเจียซิ่งไม่เคยปรากฏตัวอีกเลยตั้งแต่หล่อนตบหน้าเขาก่อนด่าสาดเสียเทเสียถึงสองครั้งที่หน้าประตูโรงงานครั้งล่าสุด

เป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างหล่อนจะเป็นฝ่ายกลับไปที่บ้านตระกูลเฉินก่อน

ถังหลิงเข้าใจนิสัยของแม่นกยูงสูงส่งตัวนี้ดี นัยน์ตาของหล่อนกลอกไหวเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม

“ตราบใดที่เธอยอมกลับ ฉันจะบอกให้เขาไปรับ”

พนักงานเสิร์ฟยกชุดน้ำชาเข้ามา ถังหลิงจึงยื่นถ้วยชาให้หล่อน

“เอาล่ะ มากินข้าวกันก่อนดีกว่า”

ขณะที่เสิ่นเสี่ยวเหมยกำลังจะกินข้าว กลิ่นควันจากการปรุงอาหารของร้านอาหารข้าง ๆ ก็ลอยเข้ามาผ่านทางหน้าต่าง หล่อนเริ่มมีอาการเบื่ออาหารอีกครั้ง วางเครื่องดื่มลง และบอกให้พนักงานเสิร์ฟช่วยปิดหน้าต่าง

ถังหลิงสังเกตสีหน้าของหล่อน จึงถามอย่างไม่แน่ใจ “ช่วงนี้เธอเป็นอะไรไป? ท้องหรือเปล่า?”

“หา?” เสิ่นเสี่ยวเหมยทำหน้าสับสน “ท้องเหรอ?”

“ช่วงนี้เธอมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนบ่อยไหม?” ถังหลิงถาม

เสิ่นเสี่ยวเหมยพยักหน้า “ใช่ ฉันรู้สึกอึดอัดในท้องตลอดเวลาเลยทั้งทีไม่ค่อยได้กินอะไร”

“ประจำเดือนมาครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?”

“เดือนนี้ยังไม่มาเลย”

“เสี่ยวเหมย ฉันกำลังจะมีหลานแล้วสินะ?” ถังหลิงจับมือหล่อนแน่นแล้วพูดด้วยความยินดี

เสิ่นเสี่ยวเหมยมองลงไปที่ท้องของตัวเองด้วยความสับสน พูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าท้องจริง?”

“พี่สาวอย่างฉันอยู่นี่ทั้งคน อาการทุกอย่างที่เธอแสดงออกคืออาการของคนที่กำลังตั้งครรภ์” ถังหลิงพูด “ดังนั้นเธอจะลี้ภัยอยู่ที่บ้านพ่อแม่ตัวเองไม่ได้แล้วนะ”

“ทำไมพี่รู้ดีจัง?” หลังจากได้ยินคำพูดของหล่อน เสิ่นเสี่ยวเหมยมองไปที่ถังหลิงด้วยสีหน้าแปลก ๆ

ถังหลิงเห็นดวงตาที่ฉายแววประหลาดใจของเสิ่นเสี่ยวเหมยจึงตระหนักถึงสิ่งที่ตัวเองพูด ดวงตาของหล่อนกะพริบเล็กน้อย แล้วอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ไม่เห็นแปลก ฉันอายุมากกว่าเธอตั้งสองสามปี เคยเห็นผู้คนมามาก แม่ของฉันก็มีอาการแบบนี้ตอนที่เธอท้องน้องสาวฉันเหมือนกัน ท่าทางเหมือนเธอไม่มีผิด พอได้กลิ่นบางอย่างที่ไม่ชอบก็มักจะคลื่นไส้ และวิ่งไปอาเจียน”

“โอ้” เสิ่นเสี่ยวเหมยจับท้องตัวเองหลังจากได้ยินสิ่งที่ถังหลิงพูด

“เสี่ยวเหมย ฟังฉันนะ ถ้าเธอมีลูกจริง ๆ เธอจะอยู่ในบ้านพ่อแม่อีกต่อไปไม่ได้ เพราะเธอกำลังตั้งท้องลูกหลานของตระกูลเฉิน ดังนั้นเธอควรกลับไป แล้วขอแรงสนับสนุนจากครอบครัวห่าง ๆ ดีกว่า”

ถังหลิงจับมือหล่อนด้วยท่าทางของพี่สาวแสนดีผู้เข้าอกเข้าใจ พูดอย่างมีน้ำใจว่า “อย่ากังวลไปเลย ไว้ฉันจะบอกเจียซิ่งให้ไปรับเธอกลับบ้าน หลังจากนั้นเธอก็อย่าเพิ่งพูดจาหรือทำตัวรุนแรงใส่เขา ผู้ชายเป็นเพศที่ต้องการความมั่นใจ รอกลับไปที่ตระกูลเฉินซะก่อน แล้วค่อย ๆ ชำระบัญชีกับพวกเขาก็ยังไม่สาย”

ถังหลิงอายุมากกว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยหลายปี ไม่นานมานี้ก็เพิ่งทำเงินจากที่อื่นเป็นกอบเป็นกำและกลับมาที่บ้านเกิด ในสายตาของเสิ่นเสี่ยวเหมย ถังหลิงคือแบบอย่างของผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นเสิ่นเสี่ยวเหมยจึงเชื่อฟังคำพูดของหล่อน

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อหล่อนคิดว่าตัวเองท้อง จากนี้เป็นต้นไปคนในตระกูลเฉินก็จะยกย่องบูชาหล่อนในฐานะพระโพธิสัตว์ แค่นั้นก็มีความสุขแล้ว

เสิ่นเสี่ยวเหมยจับผมไปทัดหูอย่างภาคภูมิใจ กลับมาวางตัวเย่อหยิ่งอีกครั้ง “ก็ได้ ฉันจะยกโทษให้เขาเพราะเห็นแก่พี่ก็แล้วกัน”

เมื่อถังหลิงได้ยินคำพูดของหล่อน รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าอันละเอียดอ่อน “ดีมาก”

“พี่สาวหลิง ทำไมพี่มาเปิดร้านเสริมสวยตรงข้ามกับร้านนังหลินเซี่ยล่ะ? พี่รู้อยู่แล้วเหรอว่าหล่อนมาเปิดร้านตัดผมที่นี่?” เสิ่นเสี่ยวเหมยถามอย่างสงสัย

ถังหลิงปฏิเสธ “เปล่าเลย มันเป็นเรื่องบังเอิญล้วน ๆ”

หญิงสาวทั้งสองนั่งอยู่ในโรงน้ำชาสักพัก ถังหลิงส่งเสิ่นเสี่ยวเหมยไปที่สี่แยกเพื่อขึ้นรถประจำทาง “เอาล่ะ กลับไปรอที่บ้านก่อน ไว้ฉันจะติดต่อเจียซิ่ง และขอให้เขาไปรับเธอที่บ้าน”

ขณะที่เสิ่นเสี่ยวเหมยกำลังจะจากไป ถังหลิงเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง จึงดึงเธอกลับมา “จริงด้วย เสี่ยวเหมย เธอเห็นแผงขายอาหารริมทางตรงนั้นไหม?”

เสิ่นเสี่ยวเหมยมองไปตามทิศทางที่เธอชี้ เห็นแผงขายเหลียงเฝิ่นตั้งอยู่ไม่ไกล จึงถามถังหลิง “พี่สาวหลิง แผงขายอาหารที่ว่ามีอะไรพิเศษกัน?”

“แม่ค้าเจ้าของแผงขายอาหารดูเหมือนจะเป็นแม่ของหลินเซี่ยที่มาจากชนบท พิธีเปิดร้านตัดผมเมื่อวานนี้ ฉันบังเอิญเห็นผู้หญิงคนนั้นที่นั่น”

“อะไรนะ? นี่หล่อนถึงขั้นหอบแม่ตามมาอยู่ด้วยกันที่ไห่เฉิงเลยเหรอ?” เสิ่นเสี่ยวเหมยโกรธจัดทันที “มาอยู่เฉย ๆ ไม่พอ ยังตั้งแผงขายของอย่างโจ่งแจ้งอีก จริงอย่างที่เราคิดไว้เลย เหตุการณ์ตอนนั้นต้องเป็นหล่อนแน่ที่ลงมือ จุดประสงค์ของหล่อนคือชุบตัวลูกสาวแท้ ๆ ให้กลายเป็นสาวชาวเมือง จากนั้นก็รอเวลาเพื่อที่จะตามมาเกาะหล่อน ดูสิ ไม่ทันไรหางก็โผล่ออกมาซะแล้ว ฉันจะไปหาหล่อนเพื่อเอาเรื่องเดี๋ยวนี้แหละ”

ถังหลิงพลันคว้าตัวไว้ “อย่าหุนหันพลันแล่น ถ้าเธออยากเอาเรื่องจริง ๆ ก็ไปตามอวี้อิ๋งลูกพี่ลูกน้องของเธอมาที่นี่ด้วยกัน ระวังสุขภาพร่างกายของตัวเองเข้าไว้”

“ไว้ฉันกลับถึงบ้านเมื่อไหร่จะบอกอวี้อิ๋งทันที”

หลังจากที่ส่งเสิ่นเสี่ยวเหมยขึ้นรถแล้ว ถังหลิงก็ส่งเพจเจอร์ไปให้เฉินเจียซิ่งที่ทำงานอยู่ ในไม่ช้าเฉินเจียซิ่งก็โทรกลับมา

เมื่อเฉินเจียซิ่งได้ยินข่าวจากถังหลิงว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยกำลังตั้งท้อง เขาก็ตกตะลึง

“พี่ถังหลิง คุณดูผิดไปหรือเปล่า?”

ถังหลิงพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและร่าเริง “มั่นใจได้เลยว่าไม่ เช้านี้เสี่ยวเหมยนั่งคุยอยู่กับฉันสักพักหนึ่ง หล่อนมีอาการคลื่นไส้แล้วก็อาเจียนออกมาเยอะมากเลย เจียซิ่ง เธอกำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว ต้องรีบไปรับเสี่ยวเหมยกลับบ้านให้เร็วที่สุด จะปล่อยให้เธออาศัยอยู่ในบ้านพ่อแม่อีกต่อไปไม่ได้นะ”

เฉินเจียซิ่งที่อยู่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์เงียบงันไป

ถังหลิงทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่สนิท พยายามตะล่อมเขาอย่างอดทน

“ฉันคุยกับเสี่ยวเหมยแล้ว ตอนนี้หล่อนตระหนักแล้วล่ะว่าที่ผ่านมาตัวเองเอาแต่ใจยังไง เธอเป็นผู้ชาย ดังนั้นจงอดทนเข้าไว้ ผู้หญิงชอบคนปากหวานใจเย็น ถ้าหล่อนหาทางเกลี้ยกล่อมได้ดี อีกฝ่ายคงไม่ทำตัวแง่งอนอีก นอกจากนี้เสี่ยวเหมยยังท้องลูกของเธออยู่ด้วย เธอต้องรับผิดชอบ”

“ผมรู้แล้ว”

เฉินเจียซิ่งวางสาย เดินออกมาจากตู้โทรศัพท์สาธารณะ ยืนนิ่งอยู่บนถนนเพื่อแยกแยะข้อมูลที่เพิ่งได้รับมาอยู่นาน ก่อนจะยอมรับความจริงที่ว่าเขากำลังจะกลายเป็นพ่อคน

แม้ว่าเขาจะไม่พอใจท่าทางของเสิ่นเสี่ยวเหมยเท่าไหร่นักเนื่องจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่ถ้าหล่อนท้องจริง ๆ เขาก็ต้องไปเชิญหล่อนกลับบ้าน

เฉินเจียซิ่งกลับไปทำงานต่อ ตั้งใจว่าจะลางานในช่วงบ่าย และกลับบ้านเพื่อมาบอกข่าวกับคนในครอบครัว

….

ตอนเช้าอากาศหนาว ร้านตัดผมค่อนข้างเงียบเหงา มีลูกค้ามาใช้บริการแค่สองคน

ชุนฟางนั่งเฝ้าประตูต่อไป อีกนิดจะวิ่งโร่ออกไปกลางถนนเพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้านอยู่แล้ว

ในขณะที่หลินเซี่ยนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ เพลิดเพลินกับช่วงเวลาพักอันแสนสบาย

เธอรู้สึกว่าพระเจ้าอาจเข้าข้างเธอ รู้ว่าวันนี้เธอปวดระบมจนไม่สามารถยืนทำงานนาน ๆ ได้ จึงไม่เรียกลูกค้าเข้าร้านให้

“ชุนฟาง อย่าเอาแต่จ้องนอกร้านอยู่เลย มานี่เร็วเข้า ฉันจะสอนวิธีม้วนผมให้”

หลินเซี่ยหยิบวิกออกมาจากชั้นวาง

จากนั้นก็จับแกนม้วนผม เริ่มละเลงทรงผมต่าง ๆ บนวิก สอนชุนฟางให้เรียนรู้ทรงผมใหม่ ๆ

ก่อนเที่ยง เฉินเจียเหอก็มาส่งอาหาร

อาหารที่เขานำมาด้วยมีปริมาณค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นซุปไก่ ผัดผัก และข้าวสวย

มองแวบแรกดูเหมือนไม่ใช่อาหารที่ซื้อจากโรงอาหารของโรงงานเลย

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ยุ่งแล้วทีนี้ ยัยเสี่ยวเหมยดันท้อง จะหย่าก็น่าจะไม่ได้หย่าแล้วมั้ง

ที่ยัยถังรู้ดีขนาดนี้เพราะนางเคยท้องมาก่อนค่ะ ก่อนจะชุบตัวเป็นสาวน้อยที่ไม่เคยผ่านมือใครหมายจะจับพี่เหอ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท