ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 194 หลังได้ลิ้มชิมรส ก็อดใจไม่ได้อีก

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 194 หลังได้ลิ้มชิมรส ก็อดใจไม่ได้อีก

ตอนที่ 194 หลังได้ลิ้มชิมรส ก็อดใจไม่ได้อีก

“อะไรนะ? คนที่ช่วยเธอในตอนนั้นก็คือเซี่ยเซี่ยหรอกเหรอ?”

หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉินเจียวั่งพูด ครอบครัวเฉินก็ตกตะลึงกันอย่างมาก

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสมัยเขายังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้ากลับมาฉายชัดในใจของพวกเขาทันที

ปีนั้นอาการป่วยของเขารุนแรงมาก ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมชั้นหญิงคนหนึ่งในชั้นเรียนของเขาที่รีบรุดเข้าไปปฐมพยาบาลอย่างทันท่วงที ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้

ทั้งครอบครัวมองไปที่หลินเซี่ย

“โอ้โฮ ช่างเป็นโชคชะตาจริง ๆ” คุณย่าเฉินถึงกับลุกยืนขึ้น ซอยเท้าเล็ก ๆเดินไปหาหลินเซี่ย ก่อนจะจับมือทั้งสองข้างของเธอไว้ “เซี่ยเซี่ย เธอคือดาวนำโชคประจำตระกูลเฉินของเราจริง ๆ”

“จะว่าไปแล้วเราได้ยินเจียวั่งเล่าให้ฟังว่าตอนที่เขาล้มลงชักกับพื้น ทั้งชั้นเรียนมีแต่คนตกใจกลัว แต่มีเพื่อนร่วมชั้นหญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้าก้าวไปข้างหน้าเพื่อปฐมพยาบาลให้เขา ฉันจำได้ว่าพวกเราได้ฝากของขวัญให้เธอผ่านอาจารย์ประจำชั้นแล้ว ของชิ้นนั้นถึงมือเธอหรือยัง?”

หลินเซี่ยพยักหน้า “ได้รับแล้วค่ะ”

โจวลี่หรงมองไปทางหลินเซี่ย ในเวลานี้ดวงตาของหล่อนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เจือด้วยความรู้สึกผิดอย่างมหาศาล

ที่แท้หลินเซี่ยก็คือเพื่อนร่วมชั้นหญิงคนนั้นที่เคยช่วยชีวิตลูกชายหล่อนเอาไว้

ถ้าหล่อนรู้ความจริงตั้งแต่ก่อนหน้านี้ก็คงไม่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอีกฝ่ายกับเฉินเจียเหอกลายเป็นยุ่งยาก

“เซี่ยเซี่ย ขอบคุณมากนะ” โจวลี่หรงมองหน้าเธอและพูดขอบคุณอย่างจริงใจ

“ไม่เป็นไรเลยค่ะคุณแม่ ตอนนั้นฉันเพิ่งจะเรียนรู้ขั้นตอนการปฐมพยาบาลที่ถูกต้องมาจากหมอเซี่ยหมาด ๆ โชคดีเหลือเกินที่มันมีประโยชน์มาก”

“แม่หนูคนนี้นอกจากจะฉลาดหลักแหลมแล้ว ยังกล้าหาญเกินผู้หญิงทั่วไป ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจียเหอจะรักมาก”

สมาชิกในครอบครัวรู้ดีว่าอาการของหลานชายคนที่สามเวลาลมชักกำเริบนั้นน่ากลัวแค่ไหน แต่ในตอนนั้นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่เป็นแค่นักเรียนชั้นมัธยมปลายกลับปฐมพยาบาลเขาได้อย่างใจเย็น เธอคือคนที่ทั้งกล้าหาญและรอบรู้อย่างแท้จริง ไม่ตื่นตระหนกเมื่อเผชิญกับสถานการณ์อันน่าแตกตื่น

ผู้หญิงคนนี้มีคุณสมบัติครบถ้วนเหมาะสมที่จะแต่งเข้าเป็นสะใภ้ของตระกูลเฉิน

ผู้เฒ่าเฉินมองไปที่หลินเซี่ยด้วยความชื่นชม ยิ่งเขารู้จักหลานสะใภ้คนนี้มากแค่ไหน เขาก็ยิ่งพอใจในตัวเธอมากขึ้นเท่านั้น

“ผมขอตัวขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นบนก่อน” หลังจากที่เฉินเจียวั่งพูดจบ เขาก็เดินขึ้นไปชั้นบน

“เจียวั่ง เดี๋ยวก่อน” ผู้เฒ่าเฉินหยุดเขาไว้ “ปู่มีข่าวดีจะบอกหลาน ลุงของหลานตามสืบไปจนเจอบ้านของหมอแผนจีนเย่แล้ว เขาบอกว่าหมอเย่เพิ่งจะเดินทางออกไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ดูเหมือนว่าเขากำลังจะมาที่ไห่เฉิง”

“มาที่ไห่เฉิงเหรอครับ?” เฉินเจียเหอถาม

“ใช่ อย่าลืมว่าบ้านเกิดของเขาอยู่ที่นี่”

ผู้เฒ่าเฉินพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ปู่กำลังขอให้ใครสักคนช่วยตามสืบอีกแรง จากนั้นเราจะไปหาเขาที่ไห่เฉิงโดยตรงเพื่อขอรับการรักษา”

“ดีครับ”

เฉินเจียวั่งเดินตรงขึ้นไปยังห้องชั้นบน เฉินเจียเหอบอกว่าพวกเขากินข้าวกันมาแล้ว และกำลังจะพาหลินเซี่ยกลับขึ้นห้อง ทันใดนั้นคุณย่าเฉินก็พูดกับพวกเขาอีกครั้ง

“จริงสิ เจียซิ่งบอกว่าเสี่ยวเหม่ยท้องแล้ว วันนี้เขาไปรับเสี่ยวเหม่ยมาจากบ้านตระกูลเสิ่น เมื่อหล่อนกลับมาแล้ว พวกเธอทุกคนก็พยายามใช้ชีวิตอย่างสามัคคีกันเข้าไว้ ไม่ว่ายังไงก็ตามเราทุกคนต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน”

หลินเซี่ยมีท่าทางประหลาดใจครู่หนึ่งหลังได้ยินข่าวว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยกำลังตั้งท้อง แต่ภายในใจกลับไร้อารมณ์ใด ๆ

เฉินเจียเหอตอบอย่างส่ง ๆ “เข้าใจแล้วครับ คุณปู่”

“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นไปชั้นบนเถอะ”

“หู่จือ อยู่เล่นกับคุณปู่ทวดย่าทวดไปก่อนนะ”

หู่จือมองไปยังเฉินเจียวั่งที่เดินขึ้นไปชั้นบนก่อนแล้ว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง “คืนนี้ผมอยากนอนกับอาสาม”

เฉินเจียวั่งที่กำลังเดินขึ้นบันไดโน้มตัวลงมาพูดว่า “ขึ้นมาสิ”

“ขอบคุณครับอาสาม งั้นผมขอไปเอาชุดนอนก่อน”

หู่จือวิ่งไปที่ห้องของปู่ทวดและย่าทวดของเขาอย่างมีความสุขเพื่อหอบชุดนอนออกมา จากนั้นก็วิ่งไปหาเฉินเจียวั่ง

“คุณกับเจียวั่งเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันจริงด้วย” หลังจากเข้ามาในห้อง เฉินเจียเหอก็มองเธอแล้วถามว่า “เมื่อคืนหลังจากคุณเห็นรูปถ่ายของเขา คุณก็รู้เลยใช่ไหม?”

“ค่ะ ฉันก็เลยโทรไปนัดเขาให้ออกมากินข้าวมื้อเย็นด้วยกันในวันนี้เพื่อยืนยันไงล่ะ”

หลินเซี่ยยิ้มแย้มเต็มใบหน้า “เด็กคนนั้นเล่นละครตบตาเก่งยิ่งกว่าอะไรดี รู้ไหมผมขำแค่ไหนที่เห็นเขาอับอายและพยายามจะมุดดินหนี”

เฉินเจียเหอมองหญิงสาวแสนซนที่ฉลาดปราดเปรื่อง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหลงใหล

เขาถามด้วยความห่วงใย “คุณยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่ไหม?”

พอเอ่ยถึงคำถามนี้อีกครั้ง หญิงสาวก็เบือนหน้าหนีอย่างไม่สบายใจ “ไม่แล้ว”

มุมปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นก็ดี”

หลินเซี่ยถอดเสื้อคลุมของเธอออก ถึงอย่างนั้นนัยน์ลึกล้ำของเขาก็ยังคงตามติดเรือนร่างของเธอโดยไม่แม้แต่จะละสายตา

“ทำไมคุณมองฉันแบบนั้น?”

“ผมแค่มองภรรยาตัวเอง มีอะไรน่าแปลกตรงไหนกัน?”

เขารอให้เธอถอดเสื้อคลุมจนเสร็จและเปลี่ยนรองเท้าให้เรียบร้อย ทันใดนั้นร่างสูงของเขาก็เข้ามาตระกองกอดเธอไว้ เสียงของเขาทุ้มต่ำและแหบห้าว “จูบหน่อย”

“หยุดเลย”

ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่เปิดโอกาสให้เธอผละออกไปได้ ยังคงกอดเธอไว้ในอ้อมแขน “ขอจูบสักหน่อยไม่ได้เหรอ ผมคิดถึงจูบของคุณทั้งวันเลยนะ”

ลมหายใจซาบซ่านเต็มตื้นด้วยกลิ่นอายชายหนุ่มขณะหายใจเข้าออก ทำให้เธอเริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบ แต่แล้วก็แสร้งทำเป็นสงวนท่าทีและผลักเขาออกห่าง “เมื่อก่อนไม่เห็นคุณมีความต้องการสูงขนาดนี้มาก่อนเลย ทำไมตอนนี้ถึงเป็นแบบนี้ไปได้?”

“ก่อนหน้านี้เรายังไม่ใช่คู่สมรสที่ถูกกฎหมาย ผมไม่กล้าอวดดีจนเกินไป”

เขาควบคุมเธอโดยสิ้นเชิง ก้มศีรษะลงไปแล้วค่อย ๆ บดจูบริมฝีปากของเธอ

ความรักละมุนอันแสนอ่อนโยนและยาวนานเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งร่างหลินเซี่ยอ่อนปวกเปียกจนต้องเกาะเกี่ยวไว้กับเขา

เฉินเจียเหอช้อนร่างเธอขึ้นอุ้ม ตั้งใจว่าจะพาเธอไปที่เตียงนอน

ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงประตูถูกผลักให้เปิดออก

“พ่อฮะ เปิดประตูให้หน่อย”

เมื่อหลินเซี่ยได้ยินเสียงของหู่จือ เธอก็ตกใจมากจนรีบผละห่างจากเฉินเจียเหอ จากนั้นก็รีบจัดระเบียบเสื้อผ้าที่ยุ่งวุ่นวายของตัวเอง

จากนั้นก็จ้องมองเฉินเจียเหออย่างขุ่นเคือง

อารมณ์ของเฉินเจียเหอถูกขัดจังหวะ เขาไม่พอใจอย่างออกนอกหน้า

เขาเปิดประตู มองดูเด็กน้อยที่ยืนอยู่หน้าประตู แล้วกัดฟันถาม “จะเอาอะไร?”

หู่จือเงยหน้ามองเฉินเจียเหองง ๆ แล้วพูดว่า “อาสามบอกว่าจะสอนผมวาดรูป ผมก็เลยแวะมาหยิบหนังสือภาพระบายสี”

“รอเดี๋ยว” เฉินเจียเหอหยิบหนังสือภาพระบายสีและหนังสือนิทานจำนวนหนึ่งจากชั้นหนังสือออกมา แล้วยัดไว้ในอ้อมแขนของหู่จือ “รีบไปเร็วเข้า”

หู่จือมองเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นหลินเซี่ยหันมาหาเขาพอดี ก็ร้องบอกว่า “แม่ฮะ ราตรีสวัสดิ์”

หลินเซี่ยไม่กล้าหันกลับไปมองตรง ๆ ถึงอย่างนั้นก็ตอบกลับเสียงหวาน “ราตรีสวัสดิ์นะหู่จือ”

ทันทีที่หู่จือออกไป เฉินเจียเหอก็ล็อกประตู ก่อนจะดึงภรรยาเข้ามาอยู่ไปในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง

หลินเซี่ยผลักเขาอีก “อย่าเพิ่งสิ เดี๋ยวหู่จือมาเคาะประตูอีกจะทำยังไง”

“ไม่แล้ว รอบนี้ถ้าเขามาอีกผมจะไม่เปิดประตูให้เขาแล้ว”

เฉินเจียเหอก้มลงไปจูบเธออีกครั้ง

เสื้อผ้าหลายชิ้นบนร่างกายของเธอถูกถอดทิ้งไป เหลือเพียงชุดชั้นในสีดำสุดเซ็กซี่

ในขณะที่ชายผู้กำลังอุ้มเธอยังคงมีเสื้อผ้าอยู่ครบ

หลินเซี่ยสวมชุดชั้นในลูกไม้สีดำที่เจียงอวี่เฟยยกให้ เป็นตัวเดียวกับที่เฉินเจียเหอเลือดกำเดาไหลเมื่อเห็นเธอใส่ในครั้งแรก ต่อมาเมื่อพวกเขานอนด้วยกัน เธอก็มักจะสวมชุดนอนหลวม ๆ อยู่เสมอ ทำให้เขาไม่เคยเห็นชุดชั้นในแปลกประหลาดที่โอบรัดจนหน้าอกหน้าใจล้นทะลักอีกเลย

เวลานี้ ดวงตาของเฉินเจียเหอจ้องลึกลงไป จากนั้นก็ช้อนตาขึ้นมองไม่หยุดหย่อน หลินเซี่ยได้แต่พิงซบหน้าอกของเขาอย่างเขินอาย ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นเธอก็จำได้ว่าเขาต่างหากที่ไร้เดียงสาเหมือนคนโง่ จึงรวบรวมความกล้ายืดตัวตรงพร้อมกับแอ่นหน้าอกอวบอิ่มขึ้น แล้วจ้องตาเขากลับด้วยสายตาแสนทรงเสน่ห์

สติชายหนุ่มขาดสะบั้นลงตรงนั้น ไม่สนใจแล้วว่าตัวเองยังบาดเจ็บที่ไหล่ เขาอุ้มเธอแล้วก้าวเดินไปที่เตียงนอน

หลังจากวางเรือนร่างเพรียวบางลงบนเตียง และมองดูทรวดทรงแห่งวัยสาวที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ เขาก็พุ่งเข้าตะครุบตัวเธอเหมือนหมาป่าผู้หิวโหย อารมณ์พุ่งขึ้นไปแตะถึงจุดสูงสุด

“ลุกก่อนเถอะค่ะ นี่เพิ่งจะกี่โมงเอง เผื่อมีคนขึ้นมาชั้นบนจะทำยังไง”

เสียงของเขาแหบพร่า “ฉนวนบุห้องป้องกันเสียงได้ดีมาก ไม่ต้องห่วงเลย”

เธอบังคับใจตัวเองว่าจะไม่ปล่อยให้เขาทำสำเร็จ “ไม่ได้ มันยังเร็วเกินไป”

เฉินเจียซิ่งและเสิ่นเสี่ยวเหมยอาจจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ ถ้าผู้หญิงบ้าคนนั้นบุกเข้ามาในบ้านแล้วพังประตูเพื่อสร้างปัญหา เฉินเจียเหอนั่นแหละที่จะได้รับความอับอาย

ลูกศรถูกขึงอยู่บนเชือกแล้วแท้ ๆ แต่ภรรยาของเขากลับปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพลิกตัวไปนอนตะแคง

“ช่วยหยิบชุดนอนให้ฉันหน่อยสิ” หลินเซี่ยดึงผ้าห่มมาคลุมตัวแล้วพูดเบา ๆ

ดวงตาที่ยังกรุ่นด้วยไฟราคะของเฉินเจียเหอกวาดมองปทุมงามที่ถูกห่อหุ้มไว้ครึ่งหนึ่งด้วยผ้าลูกไม้สีดำ และลังเลที่จะให้เธอถอดมันออก จึงพึมพำว่า “นอนทั้งแบบนี้ก็ได้”

หลินเซี่ยดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวจนมิด ก่อนจะสอนข้อมูลบางอย่างแก่เขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ขืนใส่ชุดแบบนี้นอน จะไม่ส่งผลดีต่อเลือดลมนะคะ”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เฉินเจียเหอก็ยอมลุกขึ้น ก่อนจะหยิบชุดนอนมาให้เธอและพูดอย่างจริงจัง “ผมเปลี่ยนเสื้อให้”

“ไม่ต้อง”

หลินเซี่ยรีบเปลี่ยนไปสวมชุดนอนของตัวเอง ก่อนจะซุกตัวเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มอีกครั้ง หลังจากยื้อยุดกันอยู่พักหนึ่ง เธอก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดนอนได้สำเร็จ

เฉินเจียเหอถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก แล้วมุดเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มเช่นกัน

ฝ่ามือใหญ่ของเขาไล้ไปทั่วเรือนร่างคอดกิ่วอย่างกระสับกระส่าย พอสัมผัสเอวบางของเธอก็ลูบวนเบา ๆ

เอวของเธอเป็นบริเวณที่บอบบางอยู่แล้ว แน่นอนว่ามันอ่อนไหวเมื่อถูกสัมผัส

“ทำไมคุณกลายเป็นคนนิสัยเสียอย่างนี้ไปได้นะ?” เธอคว้ามือที่ไม่อยู่ไม่สุขของเขาแล้วตีเบา ๆ

“อย่าเข้มงวดกับผมนักเลย หลังได้ลิ้มชิมรส ผมก็อดใจไม่ไหวอีก”

“คุณชอบกล้ามท้องของผมไม่ใช่เหรอ? แตะมันหน่อยสิ” เขาถือวิสาสะจับมือเล็ก ๆ ของเธอไปวางบนหน้าอกตัวเอง

หลินเซี่ยสัมผัสผิวหนังที่เรียบเนียนและเต่งตึงของเขา ทันใดนั้นก็รู้สึราวกับถูกไฟฟ้าช็อต ในใจต้องการจะถอนมือออก แต่เขากลับรั้งไว้

จากนั้นเขาก็ยิ่งขยับเข้าไปใกล้หูเธอเรื่อย ๆ น้ำเสียงประหนึ่งเชิญชวน “ลูบมันสิถ้าต้องการ”

หลินเซี่ยรวบรวมความกล้าหาญอีกครั้ง ไล้ฝ่ามือไปตามกล้ามบริเวณหน้าท้องสองครั้ง ลอนเนื้อช่างแข็งแรงมากเสียจนไม่อาจกดให้ยุบได้

ขณะที่เธอสัมผัส เขาก็โน้มตัวไปข้างหน้า ทำให้มือของเธอหลุดจากตำแหน่งเดิม กระทั่งรุกล้ำเข้าไปถึงพื้นที่สงวนโดยไม่ได้ตั้งใจ

“อืม…”

ทันทีที่ชายหนุ่มคำรามทุ้ม เธอก็ตกใจมากจนรีบชักมือตัวเองกลับ

“เซี่ยเซี่ย คราวนี้คุณเป็นคนจุดไฟให้ผมเองนะ…”

ว่าแล้วชายหนุ่มก็เหยียดแขนออกไปเพื่อปิดโคมไฟข้างหัวเตียง

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ว้ายยย พอมีครั้งแรกก็เครื่องฟิตสตาร์ทติดเลยเหรอคะพี่เหอ ลำบากเธอแล้วเซี่ยเซี่ย คืนนี้อีกยาวไกลแน่นอน

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท