ตอนที่ 198 สิ่งที่ถูกถอดออกไม่ใช่กางเกงแต่เป็นศักดิ์ศรี
ตอนที่ 198 สิ่งที่ถูกถอดออกไม่ใช่กางเกงแต่เป็นศักดิ์ศรี
เฉินเจียเหอพาเซี่ยไห่ไปที่บ้านตระกูลเซี่ย
ผู้เฒ่าเซี่ยกำลังนั่งอยู่บนโซฟาพลางอ่านหนังสือพิมพ์ พอเห็นชายที่เดินอยู่ข้าง ๆ เฉินเจียเหอก็ปรับแว่นอ่านหนังสือไว้บนดั้งจมูก แต่จดจำเขาไม่ได้
เฉินเจียเหอแนะนำว่า “ลุงเซี่ยครับ นี่เซี่ยไห่”
“เซี่ยไห่?” ผู้เฒ่าเซี่ยถึงกับถอดแว่นอ่านหนังสือออก จ้องมองเซี่ยไห่ด้วยความไม่เชื่อและตกใจ “เธอคือเซี่ยไห่จริงเหรอ?”
เซี่ยไห่ทักทายเขาด้วยความเคารพและสุภาพ “คุณลุงเซี่ย ไม่ได้เจอคุณมานานหลายปี ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ?”
“สบายดี สุขภาพก็แข็งแรงดี” ผู้เฒ่าเซี่ยลุกขึ้นเดินไปหาเซี่ยไห่ มองดูชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลาในชุดสูทและรองเท้าหนังที่อยู่ตรงหน้า “เธอใช่เซี่ยไห่จริง ๆ เหรอ?”
เซี่ยไห่วางกล่องของขวัญในมือลง ตอบด้วยความเคารพซ้ำอีก “ลุงเซี่ย ผมเซี่ยไห่เอง”
“ก่อนหน้านี้ฉันยังถามข่าวคราวของเธอจากเซี่ยตงอยู่เลย ได้ยินมาว่าเธอลาออกจากกรมการรถไฟแล้วไปทำธุรกิจส่วนตัว ฉันเคยอยากให้เขาเชิญเธอมาที่บ้าน แต่เขาเอาแต่หยิบยกเหตุผลต่าง ๆ นานามาปฏิเสธตลอด”
เมื่อผู้เฒ่าเซี่ยได้เจอเขาในเวลานี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น “นึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้เธอจะมีแก่ใจคิดถึงฉัน และยินดีที่จะมาเยี่ยมฉันในที่สุด”
“ลุงเซี่ย ผมไม่เคยลืมเลยว่าในอดีตตัวเองกับพี่สาวเคยมาอาศัยข้าวปลาอาหารที่บ้านคุณตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพียงแต่ว่างานของผมค่อนข้างยุ่ง แถมยังย้ายไปอยู่ที่อื่น ไม่มีโอกาสได้แวะมาเยี่ยมเลย”
“มา พวกเธอสองคนนั่งลงเร็วเข้า”
เซี่ยไห่มองไปรอบ ๆ ห้องนั่งเล่นแล้วถามว่า “คุณอยู่บ้านคนเดียวเหรอครับ? ป้าจางกับคนอื่น ๆ ล่ะ?”
ผู้เฒ่าเซี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “หล่อนกำลังทำซุปอยู่ในครัว หลังจากเกษียณอายุ หล่อนก็ออกมาทำงานที่บ้านได้สองสามปีแล้ว ปีก่อน ๆ ก็ไปอยู่ดูแลลูก ๆ ของเซี่ยตงในหนานเฉิง พอเซี่ยตงถูกโยกย้ายกลับมาที่ไห่เฉิงปีนี้ พวกเขาก็เลยกลับมาพร้อมกันหมด”
ผู้เฒ่าเซี่ยตะโกนเข้าไปในครัว “อาจารย์จาง เจียเหอกับเซี่ยไห่มาเยี่ยมน่ะ หยุดทำงานในครัวแล้วออกมาทักทายเด็ก ๆ เร็วเข้า”
คุณยายหน้าตาฉลาดเฉลียวและสง่างามบนศีรษะเสียบปิ่นปักผมรีบเดินออกมาจากห้องครัวบราวนี่ออนไลน์
เซี่ยไห่รีบเดินเข้าไปทักทาย “คุณป้าจาง ไม่เจอกันนานเลย คุณยังสวยไม่สร่างเลยนะครับเนี่ย”
“เซี่ยไห่ เธอนี่ยังปากหวานเหมือนเดิมเลยนะ”
เฉินเจียเหอก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อกล่าวทักทายนาง “สวัสดีครับอาจารย์จาง”
“สวัสดีจ้ะ นั่งลงเร็วเข้า เดี๋ยวฉันจะไปทำกับข้าวมาให้”
ป้าจางเดินกลับไปที่ห้องครัวอีกครั้ง ผู้เฒ่าเซี่ยก็ตะโกนตามหลังเธอว่า “ขอจานเพิ่มอีกสองที่”
“ได้”
“เซี่ยเซี่ยฝากชาที่คุณชอบมาให้คุณด้วยครับ” เฉินเจียเหอชี้ไปยังถุงชาบนโต๊ะแล้วพูด
“ทำไมหล่อนไม่มาด้วยตัวเองล่ะ?” เมื่อเอ่ยถึงหลินเซี่ย ผู้เฒ่าเซี่ยก็พูดด้วยรอยยิ้มเยาะบนใบหน้า “เด็กคนนั้นใจจืดใจดำซะจริง ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะมาพบฉัน”
“ช่วงนี้ลูกค้าเข้าร้านเยอะครับ หล่อนเลยปลีกตัวออกมาเยี่ยมคุณไม่ได้”
ผู้เฒ่าเซี่ยถาม “ธุรกิจหล่อนเป็นยังไงบ้างล่ะ? ไม่มีใครโดนโกนหัวใช่ไหม?”
“ลุงเซี่ย เดี๋ยวนี้ฝีมือของเซี่ยเซี่ยดีมากครับ”
ผู้เฒ่าเซี่ยมองไปที่เซี่ยไห่ซึ่งนั่งตัวตรงด้วยความเกร็งตลอดเวลานับตั้งแต่เขาเข้ามา ก่อนจะพูดว่า “เซี่ยไห่ ฉันเดาว่าถ้าเธอไร้เรื่องร้อนใจคงไม่เข้าวัด วันนี้เธอมาหาฉันด้วยเรื่องอะไรกันแน่?”
เซี่ยไห่ยืดตัวตรงทันที สีหน้าจริงจัง “ลุงเซี่ย ผมละอายใจที่ต้องพูดตามตรง แต่ผมมีธุระบางอย่างจริง ๆ ครับ”
เขาพูดต่อ “เป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่ใหญ่ของผม”
“พี่ใหญ่ของเธอเหรอ? ตั้งแต่เขาไปอยู่ฮ่องกงเป็นยังไงบ้าง? ฉันแทบไม่ได้ยินข่าวคราวจากเขาเลย” ขณะที่ผู้เฒ่าเซี่ยพูดถึงเซี่ยเหลย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจและสงสาร
เซี่ยไห่ตอบกลับ “เขาประคองอาการด้วยยามาหลายปีแล้ว ถึงอย่างนั้นความทรงจำที่สมบูรณ์ของเขาก็ไม่เคยฟื้นคืนกลับมาอีกเลย”
“พี่ใหญ่ของเธอคือวีรบุรุษ เขาสมควรได้รับความเคารพและยกย่องสรรเสริญจากทุกคน ในปีนั้นเขาต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหนัก ถ้าเขายังอยู่ที่ไห่เฉิง พวกเราก็ยังสามารถไปเยี่ยมเยียนเขาเป็นครั้งคราว พอพี่สาวของเธอพาครอบครัวย้ายไปอยู่ฮ่องกง เราก็ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก”
“ผมได้ยินแม่โทรมาเล่าให้ฟัง ว่าเขาละเมอพูดชื่อของคนคนหนึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ในบรรดาพวกเราไม่มีใครรู้จักคนคนนั้น ผมเลยมาที่นี่ในวันนี้เพื่อสอบถามคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ”
เฉินเจียเหอเสนอว่า “จริงด้วยครับคุณลุง คุณช่วยโทรนัดพี่เซี่ยกับหมอเซี่ยให้มารับประทานอาหารด้วยกันได้ไหมครับ? ผมได้ยินมาว่าพวกเขาทุกคนต่างก็รู้จักพี่เซี่ยเหลยในตอนนั้น บางทีพวกเขาอาจจะมีข้อมูลเชื่อมโยงกันก็ได้”
เมื่อได้ยินว่าเฉินเจียเหอเรียกลูกชายตัวเองว่าพี่เซี่ย ผู้เฒ่าเซี่ยก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยังมีหน้ามาเรียกพี่เซี่ยอีกเรอะ?”
เฉินเจียเหอทำหน้ากระดากอายทันที กระแอมไอแก้เขิน
แม้ว่าหลินเซี่ยจะไม่ใช่หลานสาวของผู้เฒ่าเซี่ยอีกต่อไป ถึงอย่างนั้นตระกูลเซี่ยก็ใจกว้างพอ และเต็มใจที่จะปฏิบัติต่อเธอในฐานะญาติคนหนึ่งต่อไป
ด้วยเหตุนี้สถานะของเซี่ยตงจึงถือว่าเป็นผู้อาวุโส เขาไม่สามารถเรียกเซี่ยตงว่าพี่ได้อีก
“ฉันจะลองโทรเรียกพวกเขามา บอกตามตรง ฉันไม่ค่อยจะรู้อะไรเกี่ยวกับพี่ใหญ่ของเธอเลยจริง ๆ ควรไปสอบถามจากพวกเขาดีกว่ามาถามฉัน”
หลังจากนั้นไม่นาน เซี่ยตงก็กลับมาที่บ้านอย่างเร่งรีบ
เมื่อเห็นชายคนนั้นนั่งอยู่กับเฉินเจียเหอ ใบหน้าจริงจังของเขาก็กระตุกเล็กน้อย ราวกับเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเซี่ยไห่จะยอมเข้ามาเหยียบบ้านหลังนี้
นับตั้งแต่วันที่พวกเขาทะเลาะกันกลางถนนเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว และได้เปิดบั้นท้ายของอีกฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาก็กลายเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของเซี่ยไห่จากนั้นมา
เฉินเจียเหอยิ้มและทักทายเขา “ผู้อำนวยการเซี่ย กลับมาแล้วเหรอครับ?”
เซี่ยตงกลอกตามองเขาพลางพูดว่า “เจียเหอ ฉันไม่อนุญาตให้นายเรียกฉันแบบนั้น ถ้านายไม่สะดวกใจจะเรียกฉันว่าพี่ตง จะเรียกว่าลุงเขยแทนก็ได้ อย่าหยิบยกตำแหน่งผู้อำนวยการมาเรียกให้ระคายหู”
เซี่ยตงเดินไปหาชายที่ทำหน้าตาอึดอัด ก่อนจะยกมือขึ้นตบไหล่อีกฝ่ายจนเกิดเสียงดังเป็นจังหวะ “เหล่าเซี่ย ลมแรงอะไรหอบเอานายมาถึงที่นี่? หรือนายยอมมาเหยียบบ้านหลังนี้เพื่อแก้แค้นฉันกัน?”
เซี่ยไห่ยกมือขึ้นปัดมือเขาออกจากไหล่ตัวเองด้วยความรังเกียจ พูดว่า “ฉันไม่ได้เจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนั้น”
“ฉันนึกแล้วว่านายคงไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนั้น คงไม่ถือสาหาความจากตอนที่เราทะเลาะกันแล้วฉันเผลอถอดกางเกงนายหรอกจริงไหม? ต้องโทษเนื้อผ้าที่ใช้ผลิตกางเกงในสมัยนั้นคุณภาพไม่ดี ไม่ใช่ความผิดฉันเลย ฉันก็ไม่เข้าใจทำไมนายไม่คุยกับฉันมาตั้งหลายปี”
เซี่ยไห่ “!!!”
เฉินเจียเหอที่อยู่ด้านข้างถึงกับอึ้ง “???”
พอเข้าใจอะไรบ้างแล้ว!
พวกเขาบาดหมางกันเพราะเรื่องกางเกงจริง ๆ สินะ?
พวกเขาต่างก็เป็นผู้ชาย แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น เซี่ยไห่ก็ไม่จำเป็นต้องโกรธแค้นเรื่องนั้นมาจนถึงทุกวันนี้เลยนี่!
เซี่ยตงมองเซี่ยไห่แล้วพูดอย่างจริงใจ “ฉันต้องขอโทษนายอย่างเป็นทางการด้วย ฉันไม่ควรถอดกางเกงนายลงเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำให้นายต้องอับอายขายหน้าเพราะถูกถอดกางเกงต่อหน้าผู้หญิงที่นายแอบชอบ ฉันรู้สึกผิดกับเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว”
เขารู้ดีว่าสิ่งที่เขาถอดออกในเวลานั้นไม่ใช่กางเกง แต่เป็นศักดิ์ศรีของอีกฝ่าย
พอเขาดึงกางเกงอีกฝ่ายจนมันลงไปกองอยู่ที่ขา จนเหลือแต่กางเกงชั้นในที่ขาดและเต็มไปด้วยรอยปะ ศักดิ์ศรีของเด็กหนุ่มก็หล่นลงไปกองอยู่กับพื้นพร้อมกางเกง
โดยเฉพาะเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าหญิงสาวที่เขาหลงรัก
เมื่อได้ยินเซี่ยตงเปิดเผยอดีตอันน่าอับอายต่อหน้าเฉินเจียเหอและผู้เฒ่าเซี่ย เซี่ยไห่ก็อับอายมาก ทั้งยังโกรธจัดจนขบฟันดังกรอด ๆ แค่นเสียงคำรามว่า “เซี่ยตง!!!”
เขาไม่อาจสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป มือข้างหนึ่งเงื้อกำปั้นขึ้นหมายจะต่อยเขา แต่ก็ต้องเผชิญกับสายตาที่จริงใจและไร้เดียงสาของเซี่ยตง
“เซี่ยไห่ ฉันขอโทษจริง ๆ ฉันตั้งใจมาตลอดว่าจะขอโทษนายอย่างเป็นทางการ ที่ตอนนั้นฉันเด็กและทำอะไรโดยไม่คิด”
เซี่ยไห่ยกกำปั้นค้างไว้ ไม่นานก็ลดระดับลงอีกครั้ง
การแสดงออกของเฉินเจียเหอค่อนข้างละเอียดอ่อน เซี่ยไห่อาจจะรู้สึกละอายใจและโกรธก็จริง แต่เขายังมีธุระที่ต้องขอความช่วยเหลือ ไม่ควรเอาอารมณ์มาเป็นใหญ่ในตอนนี้
เฉินเจียเหอมองหน้าที่เต็มไปด้วยความอับอายของเซี่ยไห่ กระแอมขัดจังหวะ แล้วพูดกับเซี่ยตงว่า “วันนี้เหล่าเซี่ยมาที่นี่ เพราะมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับคุณและหมอเซี่ย”
เซี่ยตงถาม “มีอะไรเหรอ?”
เซี่ยไห่พูดว่า “เรื่องพี่ชายฉันเอง”
“พูดถึงพี่เหลยแล้วตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง?” เซี่ยตงได้ยินเซี่ยไห่พูดถึงเซี่ยเหลย สีหน้าของเขาก็กลับมาจริงจัง จากนั้นถามด้วยความกังวล
เซี่ยไห่ตอบกลับ “ก็ยังทรง ๆ เหมือนเดิม แต่ช่วงนี้เขาละเมอเรียกชื่ออิงจื่อ ฉันเลยอยากแวะถามเพื่อนเก่าของเขาหน่อยว่าพอจะรู้จักคนที่เขาพูดถึงบ้างไหม?”
เซี่ยตงไม่ค่อยมีความทรงจำเกี่ยวกับเซี่ยเหลยมากนัก
เขาอธิบายว่า “ฉันอายุอ่อนกว่าพี่เหลยหลายปี แถมเมื่อก่อนเขาก็เป็นคนลึกลับเก็บตัวยิ่งกว่าอะไร เรียกได้ว่าไม่ค่อยรู้จักเขาเป็นอย่างดีสักเท่าไหร่ รอให้พี่สาวฉันมาถึงซะก่อน แล้วเราค่อยมารำลึกความหลังกัน”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คิดภาพตามแล้วมันก็เป็นเรื่องน่าอายจริงๆ แหละค่ะ ผช เวลาเจอเรื่องน่าอายตอนอยู่ต่อหน้าคนที่ชอบมีใครไม่อายบ้าง
ไหหม่า(海馬)