ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 206 หลิวกุ้ยอิงจำเซี่ยเหลยได้ไหม

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 206 หลิวกุ้ยอิงจำเซี่ยเหลยได้ไหม

ตอนที่ 206 หลิวกุ้ยอิงจำเซี่ยเหลยได้ไหม

“ในเมื่อเขาไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้เขาตามหาก่อนแล้วกันค่ะ เผื่อว่าจะได้เบาะแสชั้นดี”

ถ้าคนที่เซี่ยไห่กำลังตามหาเป็นหลิวกุ้ยอิงจริง ๆ เขาจะต้องรับรู้ด้วยตัวเองว่าเป็นหล่อนผ่านทางเบาะแสต่าง ๆ แน่นอน

แต่ถ้าเป็นคนอื่น การคาดเดาของเธอก็คงเป็นเพียงการเดาสุ่มไปเองเท่านั้น

“เซี่ยเซี่ย ผมขอพาหู่จือกลับบ้านก่อนนะ”

“ค่ะ วันนี้ฉันยังต้องออกไปเชียร์อวี่เฟย ก็เลยจะไม่อยู่ที่ร้านตลอดทั้งช่วงเช้า คุณค่อยแวะมาหาฉันใหม่ก็แล้วกัน”

วันนี้เธอปิดร้านช่วงเช้า ภายในร้านจึงมีแค่ชุนฟางคนเดียวที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการทำผมบนหัวหุ่น

ด้วยคำเชิญชวนที่ทั้งรบเร้าและเซ้าซี้ของเจียงอวี่เฟย เฉินเจียวั่งก็ยอมออกมาตามนัดเช่นกัน

“น้องเขย นายก็มาด้วยเหรอ?” หลินเซี่ยเห็นเฉินเจียวั่งก็ทักทายเขาอย่างอบอุ่นด้วยความยินดี

เฉินเจียวั่งส่งเสียงออกจมูก “อืม”

หลินเซี่ยเหลือบมองเฉินเจียวั่งที่แต่งตัวอ่อนเยาว์สมวัย วันนี้เขาสวมชุดกีฬาสีขาวน้ำเงิน จึงชมเชยเขาโดยไม่ลังเล “น้องเขย วันนี้นายหล่อมากเลยนะ”

ใบหน้าอันหล่อเหลาของเฉินเจียวั่งเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อเมื่อถูกเธอชมตรง ๆ เขาได้แต่หันหลังกลับอย่างเชื่องช้า

“มานี่เร็ว ๆ สิน้องเขย ทำไมถึงเอาแต่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ตรงนั้นล่ะ?”

หลินเซี่ยเรียกเขาว่า ‘น้องเขย’ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า คราวนี้ใบหน้าของเฉินเจียวั่งก็เริ่มเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์

“ฉันจำได้ว่ามีอย่างอื่นต้องทำ ขอตัวก่อนแล้วกันนะ”

เขาหันหลังกลับและทำทีเหมือนจะเดินจากไป เจียงอวี่เฟยจึงรีบหยุดเฉินเจียวั่งไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นกลอกตาไปทางหลินเซี่ยและเตือนด้วยเสียงแผ่วเบา “เธอช่วยหยุดล้อเขาเล่นสักทีได้ไหม? ในที่สุดเขาก็ยอมมาที่นี่ตามคำเชิญของฉันเลยนะ”

“ได้ ฉันต้องเรียกนายว่าโจวอี้สินะ? ไม่แกล้งแล้วก็ได้” บางทีเขาอาจไม่สะดวกใจที่จะให้เธอเรียกว่าน้องเขยเมื่ออยู่นอกบ้านก็ได้

“ไป เข้าไปกันเถอะ”

เมื่อเข้าไปในโซนหลังเวที ดวงตาของหลินเซี่ยก็เบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่ามีสาวสวยจำนวนมากเข้าร่วมแข่งขันในรอบออดิชั่น

สาว ๆ เหล่านี้ล้วนสวยงามโดยปราศจากการเติมแต่ง แถมยังมีจำนวนมากจนน่าตกตะลึง

ในยุคสมัยนี้ อาชีพนางแบบยังคงเป็นอาชีพที่ละเอียดอ่อน ผู้อาวุโสหัวโบราณบางคนถึงกับมองว่าการเดินบนรันเวย์ของนางแบบเป็น ‘มลภาวะทางจิตวิญญาณ’

อาจเป็นเพราะแฟชั่นโชว์ของวงการนางแบบค่อนข้างมีความเปิดเผยเรือนร่าง นอกเหนือจากเสื้อผ้าธรรมดา ๆ แล้ว พวกหล่อนยังสวมชุดว่ายน้ำเปิดเผยทรวดทรงด้วย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เปิดกว้างและกล้าหาญมากในยุคนี้

ไม่นึกเลยว่าจะมีผู้ที่สนใจสมัครเข้าประกวดรอบแรกเยอะขนาดนี้

ทันใดนั้น หลินเซี่ยก็รู้สึกได้ถึงความทะเยอทะยานที่พุ่งสูงขึ้นในขณะที่เธอมองไปยังสาว ๆ ร่างสูงผู้งดงามเหล่านี้

เวลาเฉิดฉายของพวกเธอใกล้จะมาถึงเต็มทีแล้ว

เจียงอวี่เฟยผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าไว้ล่วงหน้าแล้ว เหลือแค่รอให้หลินเซี่ยทำการแต่งหน้าและจัดแต่งทรงผมใหม่

ลุคที่เธอมอบให้เจียงอวี่เฟย รวมถึงการเลือกเสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ในวันนี้ เป็นการผสมผสานระหว่างแฟชั่นยอดนิยมของยุคนี้และแฟชั่นยอดนิยมในอนาคต การแต่งหน้าก็ละเอียดอ่อนและส่งเสริมให้มีความโดดเด่นอย่างมาก

ในรอบออดิชั่น เธอเลือกเปลี่ยนอีกฝ่ายให้กลายเป็นสาวหวาน ไม่ว่าจะเป็นบุคลิก การแต่งหน้า หรือเสื้อผ้า ทุกอย่างมีสีสันสดใส

เมื่อทุกอย่างพร้อม หลินเซี่ยก็กำชับกับหล่อนอย่างจริงจังว่า “จำไว้นะ มั่นใจเข้าไว้ มีสติให้มาก แสดงออกเหมือนกับที่เธอทำตอนฝึกซ้อมตามปกติ อย่าเปิดเผยความวิตกให้ใครเห็น ผ่อนคลายหน่อย”

“ได้ ฉันจะเข้าไปแล้วนะ อยู่รอฟังข่าวดีของฉันด้วยล่ะ”

ว่าแล้วเจียงอวี่เฟยก็เข้าไปในพื้นที่สำหรับรอเรียก หลินเซี่ยหันมาส่งยิ้มให้เฉินเจียวั่งผู้หล่อเหลาและไร้อารมณ์กับทุกสิ่ง ถามว่า “โจวอี้ นายว่าอวี่เฟยสวยไหม?”

เฉินเจียวั่งมีทีท่าสงบเช่นเคย ไม่ว่าเขาจะมองเห็นสาวงามจำนวนมากหรือแม้แต่เจียงอวี่เฟย ดวงตาของเขาก็ยังคงไม่สั่นไหว

“ฉันจะบอกอะไรให้ ด้วยบุคลิกส่วนตัวของอวี่เฟย ประกอบกับพรสวรรค์และสไตล์ภายนอกที่ฉันจัดการให้หล่อน หล่อนต้องโดดเด่นมากแน่ ๆ หลังจากจบการประกวดนางแบบ จากนั้นพอหล่อนเริ่มปรากฏตัวทางทีวีหรือลงพาดหัวข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ในอนาคต ผู้ชายนับพันต้องคลั่งไคล้หล่อนเจียนบ้า เพราะฉะนั้นในตอนนี้ที่หล่อนยังไม่มีชื่อเสียงโด่งดัง คนที่มาก่อนก็มีสิทธิ์ได้ก่อน เข้าใจไหม?”

เฉินเจียวั่งเหลือบมองเธอด้วยสีหน้าไม่แยแส “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันกันล่ะ?”

“หรือนายจะบอกว่านายไม่ได้มีความคิดอะไรในเชิงนั้น?” หลินเซี่ยมองเขาพร้อมกับถามด้วยรอยยิ้ม

เฉินเจียวั่งฟังแล้วก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าของเขากลับมาแดงอีกแล้ว “ฉันมองหล่อนเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง”

“นายไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้วนะ ถึงวัยที่ควรจะตกหลุมรักแล้ว อวี่เฟยทั้งสวยและโดดเด่นขนาดนั้น ที่สำคัญคือหล่อนดีกับนาย…”

เฉินเจียวั่งลุกขึ้นยืนก่อนที่เธอจะพูดจบ “คุณปู่จะพาฉันไปเจอหมอช่วงบ่ายวันนี้ ฉันขอตัวออกไปก่อน เธอคงอยู่รอคนเดียวได้”

เขาไม่ให้โอกาสหลินเซี่ยได้เป็นแม่สื่อ หันหลังจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

เมื่อเจียงอวี่เฟยออกมาหลังจากจบขั้นตอนออดิชั่นก็ผ่านไปสองชั่วโมงเต็ม หล่อนก็เห็นว่าหลินเซี่ยเป็นคนเดียวที่ยังรออยู่ตรงนั้น จึงมองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “น้องเขยของเธอไปไหนแล้วล่ะ?”

หลินเซี่ยตอบ “เฉินเจียวั่งรู้สึกไม่สบาย ก็เลยขอกลับไปก่อน”

“ร้ายแรงมากหรือเปล่า?” เจียงอวี่เฟยดูกังวล “เขาเป็นแบบนั้นอีกแล้วเหรอ…”

หลินเซี่ยกลัวว่าเจียงอวี่เฟยจะเป็นกังวล จึงรีบปฏิเสธ “เปล่าๆ เขามีนัดต้องไปหาหมอตอนบ่ายพอดี ครอบครัวก็น่าจะกำลังรอเขาอยู่ที่บ้าน ถึงอย่างนั้นเขาก็ยอมสละเวลาออกมาให้กำลังใจเธอ พอรู้ว่าเขาไม่มีเวลา ฉันก็เลยให้เขากลับไปก่อน”

“ผลเป็นยังไงบ้าง?” เธอมองดูเด็กสาวหน้าตาสวยหวานเหมือนนางไม้แสนสวยตรงหน้า แล้วถามต่อ “กรรมการออกความคิดเห็นว่าไง?”

เจียงอวี่เฟยพุ่งเข้ามากอดเธออย่างตื่นเต้น “ฉันผ่านเข้าสู่รอบต่อไปแล้ว”

“จริงเหรอ?” หลินเซี่ยถามเสียงสูงด้วยความยินดี

“ใช่ กรรมการคนหนึ่งยังออกปากชมสไตล์การแต่งหน้าแต่งตัวทำผมของฉันด้วยนะ”

หลินเซี่ยยิ้มพลางพูดว่า “นั่นมันแน่อยู่แล้ว ฉันลงมือเองซะอย่าง ผลลัพธ์ถึงคุณภาพคับแก้วนี้ คราวหน้าเราจะทำให้พวกเขาประหลาดใจมากขึ้น”

หลังได้ยินว่าเจียงอวี่เฟยผ่านเข้ารอบ หลินเซี่ยก็มีท่าทางตื่นเต้นมากกว่าตัวคนแข่งขันเองเสียอีก

ครั้งนี้ไม่ได้เป็นโอกาสอีกก้าวหนึ่งสำหรับเจียงอวี่เฟยเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำหรับเธอที่จะกลับไปสู่สายอาชีพเก่าของตัวเองด้วย

หลังจากที่เธอเกิดใหม่ เธอเลือกที่จะปรับความเข้าใจกับเจียงอวี่เฟยอย่างไม่ลังเล และสนับสนุนให้หล่อนเข้าร่วมการประกวดเฟ้นหานางแบบ

นอกจากเธอจะเชื่อมั่นในศักยภาพอันแข็งแกร่งของเจียงอวี่เฟยแล้ว เธอยังหวังว่าตนจะได้กลับเข้าสู่วงการอีกครั้งด้วยความสามารถของตัวเอง

เจียงอวี่เฟยเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำการลบเครื่องสำอางออก หลังจากที่ทั้งสองออกมาจากสถานที่ที่จัดการแข่งขัน เจียงอวี่เฟยก็เตือนเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า “อย่าลืมนะ อย่าให้พ่อของฉันระแคะระคายเรื่องนี้เด็ดขาด ไม่งั้นเขาต้องหักขาฉันทิ้งแน่”

หลินเซี่ยเหลือบมองหล่อนแล้วพูดว่า “การแข่งขันครั้งต่อไปเหมือนจะออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์และตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ด้วยไม่ใช่เหรอ ฉันจะช่วยเธอเก็บเป็นความลับยังไงดีล่ะ?”

“ตอนที่ฉันสมัคร ฉันใช้ชื่อแฝงสำหรับเข้าวงการโดยเฉพาะว่าเย่เสี่ยวอวี่ เวลาเธอแต่งหน้าก็ช่วยประโคมเครื่องสำอางให้ฉันหนัก ๆ หน่อยแล้วกัน ทำให้ฉันกลายเป็นคนละคนไปเลย ถ้าพ่อมาเห็นเข้า ฉันจะกลบเกลื่อนไม่ยอมรับท่าเดียว”

“ถึงกับเปลี่ยนแซ่เชียวเหรอ?” หลินเซี่ยมองเธออย่างสงสัย

เจียงอวี่เฟยอธิบาย “ฉันยืมสกุลเดิมของแม่มาใช้ไปก่อน”

“เซี่ยเซี่ย เธอต้องช่วยฉันนะ ความฝันของฉันในการเป็นนางแบบกำลังจะงอกงามแล้ว ฉันไม่ยอมให้เหล่าเจียงจอมล้าสมัยคนนั้นมาดับไฟแห่งชัยชนะของฉันเด็ดขาด”

เจียงอวี่เฟยดึงแขนเธอซ้ำ ๆ ราวกับจะอ้อนวอน หลินเซี่ยจึงดึงแขนออกแล้วรับคำว่า “ได้ ไว้ฉันกลับไปแล้วจะค่อย ๆ ออกแบบลุคต่อไปให้เธอนะ”

“แต่การแต่งหน้าเมื่อขึ้นโชว์ชุดว่ายน้ำไม่ควรจัดจนเกินงาม เกณฑ์สำคัญคือเธอจะต้องดูเป็นธรรมชาติและเป็นตัวเองที่สุด ฉันคิดว่าแทนที่เธอจะปกปิดตัวตนโดยอาศัยเครื่องสำอาง ไม่สู้กลับไปพังทีวีที่บ้าน แล้วยกเลิกรับหนังสือพิมพ์ไปก่อนสักช่วงหนึ่งไม่ง่ายกว่าเหรอ?”

ยุคสมัยนี้ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์และหนังสือพิมพ์จึงถือเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารหลักสำหรับทุกคน ถ้าไม่ดูทีวีหรืออ่านหนังสือพิมพ์ ก็อาจจะซ่อนข่าวจากสายตาเขาไปได้สักระยะ

“จริงด้วย ปกติพ่อฉันชอบอ่านหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับแวดวงอุตสาหกรรม น่าจะไม่ลงพาดหัวข่าวบันเทิงเท่าไหร่ หลังจากกลับบ้านแล้วฉันค่อยหาทางพังทีวีแล้วกัน”

หลินเซี่ยยิ้มและให้คำแนะนำแก่หล่อนต่อไป “นอกจากนี้ เธอต้องหาเรื่องมาทำให้พ่องานยุ่งเข้าไว้ ตราบใดที่เขาวุ่นอยู่กับอะไรบางอย่าง ก็ไม่มีเวลามาใส่ใจเธอแล้ว”

“ทำยังไงเขาถึงจะยุ่งล่ะ? งานเขายุ่งก็จริง แต่หลังกลับถึงบ้านเขาก็เป็นคนว่างงานคนหนึ่ง”

หลินเซี่ยบอกว่า “พี่สาวหวังมาถามฉันหลายครั้งแล้ว หล่อนอยากรู้ท่าทีของพ่อเธอจะแย่ ในเมื่อแม่ฉันไม่เปิดโอกาสให้เขาแน่แล้ว ถ้าอย่างนั้นเธอก็จับคู่เขากับพี่สาวหวังซะเลยสิ พี่สาวหวังเป็นคนดีจริง ๆ นะ ฉันลองถามแล้ว เธอไม่รังเกียจเลยสักนิดถึงแม้ว่าพ่อเธอจะแก่กว่าหลายปี เธอสนับสนุนพวกเขาเถอะ อย่าปล่อยให้พวกเขาพลาดโอกาสอีก”

ทันใดนั้นเจียงอวี่เฟยก็รู้กระจ่างแจ้ง และมองหลินเซี่ยด้วยความซาบซึ้ง “ได้ วันนี้ฉันจะกลับไปทำหน้าที่เชิงอุดมการณ์กับเหล่าเจียงให้ดีที่สุด”

“ฉันจะกลับไปที่ร้าน เธอจะไปไหนต่อ?” หลินเซี่ยถามหล่อนเมื่อหล่อนลงจากรถโดยสารและเดินมาถึงทางแยก

เจียงอวี่เฟยตอบกลับ “ฉันว่าจะไปที่ร้านป้าหลิวเพื่อซื้อเหลียงเฝิ่นกินสักชาม ช่วงนี้พ่อไม่ซื้อกลับมาฝากฉันเลย คิดถึงเหลียงเฝิ่นฝีมือแม่เธอจะแย่”

“โอเค งั้นไปคนเดียวนะ ฉันออกมาข้างนอกมาเกือบทั้งวันแล้ว ต้องรีบกลับไปที่ร้านหน่อยเพื่อดูว่ามีลูกค้ารออยู่หรือเปล่า ฝากบอกแม่ด้วยว่าตอนเย็นฉันกับเจียเหอจะไปกินข้าวที่บ้าน”

ไหน ๆ ก็แวะไปกินอาหารเย็นที่บ้านทั้งที จะได้ลองพูดเรื่องเซี่ยเหลยกับหลิวกุ้ยอิงเสียเลย

ไม่ว่าแม่จะจำเซี่ยเหลยได้ไหม แต่เธอจะรู้ทันทีเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย

“อืม ฉันไปก่อนนะ”

ทันทีที่เจียงอวี่เฟยมาถึงแผงขายอาหารของหลิวกุ้ยอิง เธอก็เห็นร่างที่คุ้นเคยกำลังนั่งกินเหลียงเฝิ่นอยู่ตรงนั้น

มุมปากของเธอกระตุกทันที

“พ่อ ทำไมถึงมาที่นี่อีกแล้วล่ะ?”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ผ่านเข้ารอบแล้ว ต่อไปจะปิดข่าวพ่อยังไงดีเนี่ยอวี่เฟย ต้องภาวนาขอให้พ่อมัวแต่ปลูกต้นรักกับพี่สาวหวังแล้วล่ะนะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท