ตอนที่ 222 เซี่ยในชื่อหลินเซี่ย คือเซี่ยเดียวกับเซี่ยเหลย
ตอนที่ 222 เซี่ยในชื่อหลินเซี่ย คือเซี่ยเดียวกับเซี่ยเหลย
เซี่ยไห่มีทัศนคติที่ดีต่อเซี่ยเหลยพี่ชายคนโตของเขาอย่างเหนียวแน่น จึงไม่สามารถทนฟังคนอื่นพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับเขาได้
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เฉินเจียเหอก็คงจะคิดไปในทิศทางเดียวกันโดยธรรมชาติ เพราะเซี่ยเหลยเป็นวีรบุรุษและเป็นแบบอย่างผู้ยิ่งใหญ่ในใจเขา
แต่ตอนนี้ข้อเท็จจริงอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาอยากบอกเซี่ยไห่เหลือเกินว่าวีรบุรุษก็มีร่างกายและจิตใจที่เป็นมนุษย์เหมือนกัน พวกเขาย่อมมีอารมณ์และความปรารถนา เป็นผู้ชายที่พ่ายต่อสาวงามเหมือนคนอื่น ๆ
“เหล่าเฉิน นายจะพูดแบบนั้นเกี่ยวกับพี่ใหญ่ของฉันไม่ได้ ฉันยังไม่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างชัดเจนเลย อย่าคาดเดาสุ่มสี่สุ่มห้าดีกว่า”
เซี่ยไห่ยังคงรักษาภาพลักษณ์ของเซี่ยเหลยอย่างเด็ดเดี่ยว ดังนั้นเฉินเจียเหอจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเดินเป็นวงกลมและหาเบาะแสในวงเวียน
“เหล่าเซี่ย นายบอกว่าผู้หญิงคนนั้นชื่อเต็มคือหลิวกุ้ยอิงงั้นเหรอ?”
เซี่ยไห่ตอบว่า “ใช่แล้ว ชื่อเต็มของอิงจื่อคนนี้คือหลิวกุ้ยอิง นายถามทำไม?”
ทัศนคติเชิงบวกของเฉินเจียเหอต่อเรื่องนี้ ทำให้เซี่ยไห่รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก
เมื่อก่อนเฉินเจียเหอไม่ค่อยมีนิสัยสนใจเรื่องเล็กน้อยยิบย่อยของคนอื่น
ต่อให้เขาเป็นฝ่ายเล่าเอง อีกฝ่ายก็อาจไม่สนใจฟัง
เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับปฏิสัมพันธ์ที่มีการพัฒนาขึ้นในครั้งนี้
เขาเข้าใจได้ว่าอาจเป็นเพราะเฉินเจียเหอรู้สึกชื่นชมพี่ใหญ่ของเขาในฐานะวีรบุรุษ จึงอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเขามากขึ้น
“ชื่อเต็มของแม่ยายฉันก็ชื่อหลิวกุ้ยอิงเหมือนกัน” เฉินเจียเหอพูดทันที
เมื่อได้ยินแบบนั้น ตอนแรกเซี่ยไห่ยังไม่ได้จริงจังกับมัน “มันก็แค่ชื่อที่ธรรมดาทั่วไป ทั่วประเทศคงมีคนใช้ชื่อนี้ซ้ำสักพันคนได้มั้ง ไม่เห็นจะมีอะไรน่าแปลก”
เฉินเจียเหอพูดต่อ “และบ้านเกิดของหล่อนก็อยู่ในเทศมณฑลซีเหอเหมือนกัน”
“หา?” สีหน้าของเซี่ยไห่เปลี่ยนไปเล็กน้อย “บังเอิญอะไรอย่างนี้?”
“นอกจากนี้ หลังจากที่ฉันกับเซี่ยเซี่ยรู้ว่านายกำลังจะเดินทางไปเมืองซีเหอ พวกเราก็ไปพูดคุยกับแม่ยาย ถามไถ่เกี่ยวกับสถานการณ์ของกองกำลังประจำเทศมณฑลซีเหอในเวลานั้น หวังว่าจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตามสืบของนาย แต่ใครจะรู้…”
“ได้เรื่องยังไงบ้าง?”
ทันทีที่เขาหยุดชะงักไปชั่วคราว มันก็สามารถกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเซี่ยไห่ได้สำเร็จ
“ผลก็คือ หลังจากเราพูดคุยกัน ฉันบังเอิญรู้มาว่าที่จริงแล้ว ตอนหล่อนอยู่ที่นั่นก็เคยรู้จักผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อเซี่ยเหลย แล้วก็…”
เฉินเจียเหอยังคงพูดต่อไปโดยทิ้งความลังเลเอาไว้
“อย่าทำให้ค้างสิ” เซี่ยไห่เริ่มสนใจ ถามอย่างรีบเร่ง “แล้วก็อะไรต่อ? เล่ามาเร็วเข้า ฉันใช้บริการโทรทางไกลอยู่นะ เดี๋ยวเวลาโทรก็หมดกันพอดี”
“ตอนนั้นหล่อนกับเซี่ยเหลยคบหาเป็นคู่รักกัน แต่น่าเสียดายที่ไม่นานหลังจากความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มก่อตัวขึ้น เซี่ยเหลยก็ออกจากกองทัพไปเป็นทหารแนวหน้าในสงคราม และไม่เคยกลับมาอีกเลย…หล่อนบอกว่าหลังจากรู้ว่าเซี่ยเหลยตาย หล่อนถึงตัดสินใจแต่งงานกับสามีในภายหลัง”
“เหล่าเฉิน นายกำลังจะพูดอะไร?” เซี่ยไห่พึมพำ ก่อนจะถามกลับด้วยถ้อยคำที่ขาดห้วง “นะ… นายคงไม่ได้หมายความว่า… แม่ยายของนาย คืออิงจื่อคนเดียวกันกับที่พี่ใหญ่ของฉันรู้จักหรอกนะ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จากที่หล่อนเล่าให้ฉันฟัง เวลานั้นทั้งกองทัพมีนายทหารที่ชื่อเซี่ยเหลยแค่คนเดียว”
“แล้วหล่อนเล่าอะไรให้นายฟังอีกบ้าง? อย่างเช่น เรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับพี่ใหญ่” เซี่ยไห่ถามอย่างกระตือรือร้น
“หล่อนบอกว่าไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ครอบครัวของเซี่ยเหลยมากนัก เพราะเซี่ยเหลยบอกว่าหลังจากที่เขามีชีวิตรอดกลับมา เขาจะพาหล่อนไปหาแม่และครอบครัวของเขา หล่อนเฝ้ารอจนรู้ว่าไม่มีวันนั้น ต่อมาด้วยความที่ไม่มีทางเลือกอื่น หล่อนจึงต้องแต่งงานกับผู้ชายอีกคน”
เฉินเจียเหอถ่ายทอดเรื่องราวให้เซี่ยไห่ฟังเหมือนกับที่หลิวกุ้ยอิงเล่าให้หลินเซี่ยฟังทุกประการ
“หล่อนแต่งงานกับคนที่ไหน?”
เฉินเจียเหอตอบกลับ “สามีของหล่อนชื่อหลินต้าฝู มาจากเขตเทศมณฑลจินซาน”
เบาะแสที่เฉินเจียเหอให้มานั้นกะทันหันเกินไป จนเซี่ยไห่ไม่สามารถปะติดปะต่อได้ทันเวลา เขาพยายามไตร่ตรองต่อไป “นายบอกว่าหล่อนต้องแต่งงานเพราะไม่มีทางเลือกใช่ไหม? ข่าวที่ฉันได้รับมา ก็ดูเหมือนว่าตอนนั้นหล่อนจะท้องก่อนแต่ง นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้หล่อนต้องรีบแต่งงาน จนครอบครัวตัดขาดความสัมพันธ์ ว่าแต่แม่ยายนายสารภาพหรือเปล่าล่ะว่าหล่อนท้องก่อนแต่งจริง?”
“ใช่”
เฉินเจียเหอบอกความจริงกับเขาตามตรง “ตอนนั้นหล่อนตั้งท้องลูกของเซี่ยเหลย หลังจากที่กองทัพประกาศออกมาว่าเซี่ยเหลยสละชีพเพื่อชาติ หล่อนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแต่งงานกับใครสักคนให้เร็วที่สุด อีกทั้งครอบครัวของหล่อนก็รู้สึกอับอายกับเหตุการณ์นี้ จึงตัดความสัมพันธ์กับหล่อนซะ”
ทันทีที่เฉินเจียเหอพูดจบ เซี่ยไห่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของปลายสายก็ร้องเสียงหลงขึ้นมาว่า “เป็นไปไม่ได้”
เขาเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก “พี่ใหญ่ของฉันไม่ใช่คนแบบนั้นแน่ ๆ เขาไม่มีวันทำพฤติกรรมที่ล่วงเกินศีลธรรมกับผู้หญิงก่อนจะแต่งงานกัน”
เฉินเจียเหอพูดอย่างใจเย็น “แม่ยายฉันเล่าให้ฟังแบบนั้น”
“แล้วเด็กคนนั้นล่ะ?” เซี่ยไห่ถามอย่างครุ่นคิด “คงไม่ใช่หลินจินซานหรอกนะ?”
ไหวพริบอันปราดเปรื่องของเซี่ยไห่ลดฮวบเมื่ออยู่ในช่วงเวลาวิกฤติ ใบหน้าของเฉินเจียเหอเข้มคล้ำขึ้น เตือนเขาอย่างเย็นชา “ปีนี้หลินจินซานอายุยี่สิบห้าแล้วนะ”
“แล้ว…” เซี่ยไห่ฉุกคิดถึงใครบางคน เขาพูดตะกุกตะกักราวกับจะขอคำยืนยัน “เป็นไปได้ไหมว่า…”
เฉินเจียเหอไม่รอให้เขาพูดจบ ตอบทันควันว่า “ใช่ เซี่ยในชื่อของหลินเซี่ยก็คือเซี่ยเดียวกับเซี่ยเหลย”
ทันทีที่เฉินเจียเหอพูดจบ เซี่ยไห่ก็ตกอยู่ในความเงียบงัน
“เหล่าเซี่ย นี่เป็นข้อมูลที่ฉันได้รับมาจากแม่ยายของฉันเพียงฝ่ายเดียว หล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เซี่ยเหลยยังมีชีวิตอยู่ แล้วหล่อนก็ไม่แน่ใจด้วยว่าพี่ใหญ่ของนายใช่เซี่ยเหลยคนเดียวกับที่หล่อนเคยรู้จักไหม พอพวกเราบอกความจริง หล่อนก็สะเทือนใจมาก รับไม่ได้กับข่าวที่ว่าเซี่ยเหลยยังมีชีวิตอยู่
เพื่อความแน่ใจ พรุ่งนี้นายลองไปเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามจากคนแถวนั้นอีกครั้งก็ได้ ถ้าข้อมูลที่นายได้รับจากปากพวกเขาสอดคล้องกับเบาะแสที่ฉันให้ไว้ ทีนี้นายก็รีบกลับมาได้เลย”
เซี่ยไห่ไม่ทันฟังสิ่งที่เฉินเจียเหอพูดในประโยคหลัง ๆ ด้วยซ้ำ เขาพึมพำด้วยความตกใจ “หลินเซี่ยกลายเป็นลูกสาวของพี่ใหญ่ฉันไปได้ยังไง? ในโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญแบบนี้เกิดขึ้นจริง ๆ เหรอ?”
เฉินเจียเหอเตือนเขา “นายต้องหาข้อมูลมายืนยันตัวตนให้ได้ ภายหลังค่อยทดสอบความเป็นพ่อลูกก็ยังไม่สาย”
“เอาล่ะ นายลองไปตรวจสอบดูอีกครั้งก็แล้วกัน”
เฉินเจียเหอพูดต่อ “ฉันวางสายก่อน”
เฉินเจียเหอวางสายโทรศัพท์ จ่ายเงิน แล้วเดินกลับบ้าน
เซี่ยไห่ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปและพักอยู่ที่โรงแรมในเขตเทศมณฑลซีเหอกำลังตกตะลึงสุดขีด สมองของเขาแทบหยุดนิ่งไปชั่วขณะเนื่องจากข้อมูลที่เฉินเจียเหอให้มา
เขานอนเหยียดตัวตรงอยู่บนเตียง ใช้เวลาหลายนาทีเพื่อทำความเข้าใจคำพูดของเฉินเจียเหอไปทีละขั้น
เฉินเจียเหอเป็นคนสันโดษและจริงจังมาโดยตลอด คนแบบเขาไม่มีทางเล่นตลกหรือสร้างเรื่องโกหกกับเขาเด็ดขาด
ผู้ชายคนนั้นเป็นคนซื่อตรงมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะยกแม่ยายตัวเองมาแอบอ้างเป็นอิงจื่อตามคำละเมอเรียกของพี่ใหญ่เขา
เหนือสิ่งอื่นใดคือไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น
เซี่ยไห่ลุกพรวดขึ้นนั่ง กดโทรหาแม่ของเขาซึ่งอยู่ที่ฮ่องกง
“แม่ ตอนนี้พี่ใหญ่อาการเป็นยังไงบ้าง? พอจำอะไรได้มากกว่าเดิมบ้างไหม?”
คุณแม่เซี่ยถอนหายใจ “ไม่เลย เขาเพิ่งละเมอเรียกชื่ออิงจื่อเมื่อไม่กี่วันก่อนไปหมาด ๆ แต่พอเขาตื่นขึ้นมา แม่ก็ลองถามเขาดู เขาบอกว่าเขาไม่รู้จัก แม่ยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่”
เซี่ยไห่กระแอมไอเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ “แม่ลองถามเขาดูหน่อยสิ ตอนนั้นเขาเคยมีความสัมพันธ์กับคนชื่ออิงจื่อในเชิงไหน? แล้วดูว่าเขามีปฏิกิริยาอะไรไหม?”
“จะถามยังไงดีล่ะ?” หญิงชราดูสับสน
เซี่ยไห่เป็นชายวัยกลางคนก็จริง แต่เขายังไม่ได้แต่งงาน จึงเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจและขัดเขินมากหากเขาต้องพูดคุยหัวข้อนี้กับแม่ผู้ชราของเขา
เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วตอบอย่างไร้ยางอาย “อ๋อ แม่ก็ถามเรื่องธรรมชาติระหว่างชายหญิงไปเลย ถามว่าเมื่อก่อนเขาเคยเอาเปรียบผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่า”
ก่อนที่เขาจะแน่ใจว่าหลินเซี่ยเป็นลูกสาวพี่ชายคนโตของเขาจริง ๆ เซี่ยไห่ไม่กล้าพูดเรื่องเธอกับผู้เป็นแม่อย่างตรงไปตรงมา
เพื่อหลีกเลี่ยงความหวังและความผิดหวังในภายหลัง
คุณแม่เซี่ยเริ่มกังวล “พี่ใหญ่ของแกจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าอิงจื่อคือใคร แล้วจะให้แม่ถามคำถามแบบนั้นได้ยังไง?”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เหลือแค่ภาวนาให้พี่ใหญ่เซี่ยจำได้แล้วล่ะว่าเคยมีภรรยากับลูก
ไหหม่า(海馬)
—————————————–
• เมื่อเหรียญทองหมด สามารถเติมเงินแล้วอ่านต่อได้เลย ไม่สะดุด
•