ตอนที่ 239 ‘ลูก’ ของเราจากไปแล้ว
ตอนที่ 239 ‘ลูก’ ของเราจากไปแล้ว
หลังจากคุณป้าคนนั้นดัดผมเสร็จ หล่อนก็มองตัวเองในกระจก แล้วเอ่ยชมเชยว่าพอใจมาก พอจ่ายเงินหกหยวนแล้วก็จากไป
ตอนนั้นเอง ชุนฟางกำลังสระผมให้เด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่ง และเสิ่นเสี่ยวเหมยก็ยังคงนั่งอยู่ที่นั่น
เมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยว่างแล้ว หล่อนก็ลุกขึ้น เดินเข้าไปหมายจะให้หลินเซี่ยช่วยตัดผมหน้าม้าให้หล่อน
“เสิ่นเสี่ยวเหมย วันนี้เธอมาหาฉันเพราะต้องการอะไรกันแน่? บอกฉันมาตรง ๆ ดีกว่า หยุดเสแสร้งเถอะ”
เสิ่นเสี่ยวเหมยทำหน้าตาไร้เดียงสา “เธอพูดอะไรของเธอ?”
หลินเซี่ยมองเธอและพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า “ฉันบอกเลยว่าจะไม่ตัดผมให้เธอ เพราะฉะนั้นถ้าเธอคิดจะวางแผนเล่นตุกติกใด ๆ กับฉันก็รีบออกไปซะ ขืนยังยืนกรานว่าจะอยู่ต่อไป คราวนี้อย่าได้หาว่าฉันไม่ไว้หน้าเธอ”
เสิ่นเสี่ยวเหมยจับผมตัวเอง ยังมีท่าทางสงบเสงี่ยม “หลินเซี่ย เธอคิดซับซ้อนเกินไปแล้ว ฉันแค่คิดว่าฝีมือการตัดผมของเธอก็พอใช้ได้ ก็เลยแวะมาตัดผมกับเธอเท่านั้นเอง”
ด้วยนิสัยของผู้หญิงที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรง ยิ่งอารมณ์ของหล่อนคงที่มากเท่าไหร่ หลินเซี่ยก็รู้สึกถึงความผิดปกติมากเท่านั้น
“ไม่ว่าจุดประสงค์ของเธอจะเป็นอะไรก็ตามแต่ ฉันจะไม่ตัดผมให้เธอไม่ว่ายังไงก็ตาม”
หลินเซี่ยทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ มองดูหล่อนอยู่ห่าง ๆ แล้วไล่แขกออกไป “เชิญ”
หลินเซี่ยออกปากขับไล่แล้ว เสิ่นเสี่ยวเหมยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ
เมื่อหล่อนก้าวออกไป หล่อนก็ลื่นไถลด้วยเหตุผลบางอย่าง จากนั้นเปล่งเสียงกรีดร้องดังลั่น และล้มลงกับพื้นต่อหน้าหลินเซี่ย
“โอ๊ย!”
เสิ่นเสี่ยวเหมยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด “ท้องของฉัน”
หล่อนมองหลินเซี่ยด้วยความหวาดกลัว ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “หลินเซี่ย ทำไมจู่ ๆ เธอถึงเหยียดขาออกมาขัดขาฉันล่ะ? นี่ตั้งใจจะแกล้งฉันงั้นเหรอ?”
หลินเซี่ย “???”
ตอนนี้เธอกำลังนั่งเหยียดขาอยู่ก็จริง แต่ไม่ได้แตะต้องเสิ่นเสี่ยวเหมยเลยสักนิดบราวนี่ออนไลน์
ทำไมจู่ ๆ หล่อนถึงล้มลงไปได้?
ให้ตายสิ ต่อให้เธอป้องกันตัวยังไงก็เลี่ยงมารยาหล่อนไม่พ้น
“หยุดแสดงละครได้แล้ว ฉันยังไม่ได้แตะต้องเธอเลยด้วยซ้ำ ฉันเบื่อมุกน้ำเน่าจากละครวังหลังเต็มทีแล้ว”
หลินเซี่ยเยาะเย้ยพฤติกรรมของอีกฝ่าย เดินไปยืนอยู่ห่าง ๆ มองไปทางผู้หญิงที่นอนกุมท้องอยู่กับพื้น
เสิ่นเสี่ยวเหมยจับท้องของตัวเอง นั่งกองอยู่ตรงนั้นนิ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ฉันเจ็บท้อง”
วันนี้เสิ่นเสี่ยวเหมยสวมกางเกงสีขาว เมื่อหล่อนก้มศีรษะลงก็กรีดร้องเสียงดังกว่าเดิม “เลือด ฉันเลือดไหล…”
หลินเซี่ยคิดว่าอีกฝ่ายยังจงใจจัดฉากเสแสร้งต่อไป เพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ จนส่งผลกระทบต่อฐานลูกค้าในที่สุด
แต่เมื่อเห็นเลือดเปรอะบนกางเกงของเสิ่นเสี่ยวเหมย เธอก็ตกใจมาก ทันใดนั้นชุนฟางที่กำลังสระผมให้ลูกค้าก็วิ่งออกมาจากร้านทันที
“ท้องของฉัน ลูกของฉัน…”
หลินเซี่ยรีบเข้าไปช่วยหล่อน แต่กลับถูกอีกฝ่ายสะบัดทิ้งอย่างไม่ไยดี “ออกไปให้พ้น แกจงใจทำร้ายฉัน ฉันนึกอยู่แล้วเชียวว่าแกมันไม่มีเจตนาดี”
เสิ่นเสี่ยวเหมยกุมท้องของตัวเอง จากนั้นตะเบ็งเสียงตะโกนด้วยความเจ็บปวดไปที่ประตูร้านอีกฝั่ง “พี่หลิง ลี่ลี่ ออกมาช่วยฉันเร็วเข้า”
ทันทีที่เสียงของหล่อนดังขึ้น ถังหลิงและหลิวลี่ลี่ก็รีบวิ่งตรงเข้ามาหาแบบไวยิ่งกว่าแสง
ถังหลิงตกใจมากเมื่อเห็นเสิ่นเสี่ยวเหมยนั่งกองอยู่บนพื้นและเอาแต่กุมท้องตัวเอง กางเกงสีขาวของอีกฝ่ายเปื้อนเลือดแดงฉาน ขณะหล่อนรีบวิ่งไปช่วยประคอง “เสี่ยวเหมย เกิดอะไรขึ้น? ทำไมสภาพเธอถึงได้เป็นแบบนี้ล่ะ?”
เสียงของเสิ่นเสี่ยวเหมยอ่อนระโหยโรยแรงเหมือนคนหายใจไม่ออก “พี่หลิง รีบส่งฉันไปโรงพยาบาลเร็วเถอะ ฉันเลือดไหลไม่หยุดเลย”
หลิวลี่ลี่ปรี่เข้ามา จากนั้นก็ตะคอกใส่หลินเซี่ย “หลินเซี่ย แกมันนังผู้หญิงเลวทราม ถึงยังไงหล่อนก็เคยเป็นลูกพี่ลูกน้องของแก ตอนนี้ยังมีฐานะเป็นน้องสะใภ้อีก แกยังกล้ากลั่นแกล้งจนหล่อนเป็นแบบนี้ ถึงขั้นแท้งหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทำไมแกถึงได้ใจดำอำมหิตขนาดนี้นะ? หรือว่าอิจฉาที่หล่อนตั้งท้อง กลัวว่าครอบครัวสามีจะไม่โปรดปรานตัวเองอีกต่อไปใช่ไหมล่ะถ้าหล่อนคลอดลูกผู้ชาย?”
“หล่อนสะดุดล้มเอง คิดว่าหล่อนจะไม่ระวังถึงขั้นทำให้ตัวเองเสี่ยงแท้งหรือไง?” หลินเซี่ยแย้ง
ถังหลิงเข้าไปประคองเสิ่นเสี่ยวเหมย ทำท่าทางกังวล แล้วหันไปตะโกนบอกหลิวลี่ลี่ “หยุดด่าคนได้แล้ว มาช่วยเสี่ยวเหมยเร็วเข้า”
“โอ้”
ถังหลิงและหลิวลี่ลี่ช่วยกันหิ้วปีกประคองหล่อนออกไป
เมื่อเห็นว่าชีวิตคนตกอยู่ในความเสี่ยง หลินเซี่ยจึงรีบติดตามไปและเสนอว่า “ฉันจะไปเรียกเถ้าแก่เซี่ย ขอให้เขาช่วยขับรถพาเสิ่นเสี่ยวเหมยไปส่งโรงพยาบาล”
ถังหลิงตอบกลับทันควัน “ไม่ต้อง วันนี้เพื่อนฉันมาส่งสินค้าพอดี เขามีรถยนต์”
ถังหลิงพาเสิ่นเสี่ยวเหมยเดินข้ามไปยังรถตู้กระบะทึบที่จอดอยู่หน้าประตูร้านตั้งแต่เช้า
ชายวัยกลางคนถูกถังหลิงเรียกให้มาทำหน้าที่ขับรถ
จากนั้นรถก็แล่นออกไปก่อนที่หลินเซี่ยจะมีเวลาได้เปิดประตูขึ้นรถตาม
หลินเซี่ยรีบไปเรียกเซี่ยไห่ ขอให้เขาช่วยส่งเธอตามไป
มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในร้านของเธอ เธอจะต้องติดตามไปเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เซี่ยไห่ไม่มีเวลาถามว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นว่าใบหน้าของหลินเซี่ยซีดเซียวด้วยความตกใจและหวาดกลัว เขาก็รีบเปิดประตูรถให้หลินเซี่ยก้าวเข้าไปนั่งทันที
เซี่ยไห่รีบเดินอ้อมมาขึ้นรถโดยเร็ว จากนั้นสตาร์ทรถซานทาน่า
หลินเซี่ยพูดอย่างร้อนใจ “ขับตามรถตู้คันข้างหน้าไปหน่อยค่ะ”
หลินเซี่ยคิดว่าพวกเขาจะตรงไปที่โรงพยาบาลไห่เฉิง แต่จู่ ๆ รถตู้กลับขับเลี้ยวเข้าไปในโรงพยาบาลขนาดเล็กอีกแห่งในบริเวณใกล้เคียง
หัวใจของหลินเซี่ยบีบรัดยิ่งขึ้น
อาจเพราะมันเป็นเหตุฉุกเฉิน ทำให้พวกเขาต้องแวะที่อื่นก่อนจะไปถึงโรงพยาบาลไห่เฉิง
รถขับมาจอดที่ทางเข้าโรงพยาบาล หลินเซี่ยรีบลงจากรถทันที
เซี่ยไห่ถามขึ้น “เซี่ยเซี่ย เกิดอะไรขึ้น? นั่นใช่น้องสะใภ้ของเธอหรือเปล่า?”
หลินเซี่ยตอบ “ใช่ หล่อนสะดุดล้มเองหน้าร้านของฉัน ตอนนี้หล่อนกำลังตั้งท้อง และอาจเสี่ยงต่อการแท้งลูก”
“อยากให้ฉันช่วยโทรหาเจียเหอให้ไหม?”
“คุณมีหมายเลขโทรศัพท์บ้านตระกูลเฉินหรือเปล่า? ช่วยโทรไปแจ้งพ่อและแม่สามีของฉันที อย่าเพิ่งรบกวนเวลางานของเฉินเจียเหอเลย”
“ได้ ฉันจะโทรเดี๋ยวนี้”
เซี่ยไห่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ หลินเซี่ยก็วิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลแล้ว
เมื่อเธอมาถึง ถังหลิงและหลิวลี่ลี่ก็ส่งเสิ่นเสี่ยวเหมยเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้ว
หลินเซี่ยถามถังหลิงอย่างเป็นกังวลว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกว่าไง?”
ใบหน้าของถังหลิงเคร่งขรึม “อาจมีสัญญาณที่เสี่ยงต่อการแท้ง หมอขอให้พวกเรารออยู่ข้างนอกก่อน”
หัวใจของหลินเซี่ยเต้นรัวเมื่อได้ยินคำว่าแท้ง
ถ้าเสิ่นเสี่ยวเหมยล้มลงและมีเหตุแท้งในร้านของเธอจริง ๆ เธอคงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้
ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำลายชื่อเสียงธุรกิจของเธอ แต่มาที่นี่เพื่อใส่ร้ายเธออย่างจงใจ
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการวางแผน มันอาจไม่สมเหตุสมผลเกินไปหน่อยหรือที่จะยอมเสี่ยงแลกชีวิตของเด็กในท้องกับเรื่องไม่เข้าเรื่อง เพราะถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเลือดเนื้อของหล่อนเอง
หลินเซี่ยหลับตาลงเพื่อสงบสติอารมณ์ รีบคำนวณจุดประสงค์ของเสิ่นเสี่ยวเหมยในใจอย่างบ้าคลั่ง
หลิวลี่ลี่คว้าโอกาสนี้ปรี่เข้ามาสาปแช่งหลินเซี่ยอีกครั้ง “ฉันขอเตือนไว้เลยนะ ถ้าอาเสี่ยวเหมยได้รับอันตรายไม่ว่าอะไรก็ตามแต่ ตระกูลเสิ่นจะไม่มีวันให้อภัยแกแน่”
ถังหลิงดึงหลิวลี่ลี่ที่มีอารมณ์รุนแรงออกไป แล้วพูดว่า “ลี่ลี่ พูดให้มันน้อย ๆ หน่อย”
หลิวลี่ลี่ฟังคำพูดของถังหลิง ไม่ได้ดุด่าหลินเซี่ยอีกต่อไป แต่พูดว่า “พี่หลิง รีบโทรไปหาผู้เฒ่าเสิ่นเร็ว ๆ เถอะ เขาต้องกังวลมากแน่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับอาเสี่ยวเหมย”
รอให้ผู้เฒ่าเสิ่นมาเห็นสถานการณ์กับตาก่อนเถอะ คราวนี้มาดูกันว่าเขาจะจัดการกับนังสารเลวหลินเซี่ยยังไง
ถังหลิงเข้าใจโดยทันทีว่าหลิวลี่ลี่หมายถึงอะไร หล่อนเหลือบมองหลินเซี่ยราวกับกำลังเข้าข้างเธอ และพูดว่า “รอก่อนดีกว่า เผื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
เซี่ยไห่โทรแจ้งให้สมาชิกตระกูลเฉินรับรู้แล้ว บอกให้รีบตามพวกเขามาที่นี่
เขาเดินไปหาหลินเซี่ยแล้วถามว่า “เซี่ยเซี่ย ยังไม่มีใครออกมาอีกเหรอ?”
“ยังค่ะ”
เซี่ยไห่มองใบหน้าที่ซีดเซียวและหวาดกลัวของหลินเซี่ย จากนั้นพูดเบา ๆ “ไม่ต้องกังวลนะ ฉันโทรไปที่บ้านตระกูลเฉินแล้ว คุณปู่เฉินเป็นคนรับสาย เขาบอกว่าจะรีบมาที่นี่ในอีกอึดใจเดียว”
ถังหลิงเห็นว่าเซี่ยไห่ซึ่งมักจะออกตัวว่างานยุ่งอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่าง ตามมาถึงโรงพยาบาล นี่ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าหลินเซี่ยสำคัญสำหรับเขาแค่ไหน
“เถ้าแก่เซี่ย ทำไมถึงมาที่นี่ด้วยล่ะคะ?”
ถังหลิงพูดกับเขาอย่างมีน้ำใจ “พวกเราอยู่รอฟังผลกันเองได้ค่ะ คุณกลับไปทำงานของตัวเองเถอะ มีคนมากเกินไปก็ช่วยอะไรหล่อนไม่ได้ ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยที่ผู้ชายจะมาในที่แบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณใกล้จะเปิดกิจการ ควรระวังตัวให้มากกว่านี้”
ถังหลิงพูดด้วยสีหน้าซื่อใส น้ำเสียงอ่อนโยน เมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยไห่ หล่อนมักจะแสดงท่าทางที่เต็มไปด้วยสติปัญญาและมีเหตุผลอยู่เสมอ
หลินเซี่ยมองจากด้านข้าง แล้วก็ถอนหายใจ ผู้ชายแบบเขาไม่สามารถรับมือกับเรื่องแบบนี้ได้จริง ๆ
เธอพูดกับเซี่ยไห่อย่างไม่แสดงอารมณ์
“คุณถังพูดถูก คุณกลับไปได้แล้ว”
แต่เซี่ยไห่ยังยืนกรานที่จะอยู่ต่อ “ฉันควรรอให้คนตระกูลเฉินมาก่อนถึงค่อยขอตัวจากไป”
เนื่องจากเซี่ยไห่ยังอยู่ตรงนั้น ถังหลิงจึงแสดงทัศนคติที่ใจดีต่อหลินเซี่ย คอยปลอบโยนเธอบ่อย ๆ และพูดเป็นเชิงห้ามไม่ให้เธอตำหนิตัวเองมากเกินไป
หลินเซี่ยกอดอก และพูดอย่างเฉยเมยว่า “ทำไมฉันต้องโทษตัวเองด้วย? คุณถัง อย่าจงใจใช้น้ำเสียงหรือคำพูดทำนองนี้เพื่อทำให้คนอื่นเข้าใจผิดดีกว่า ฉันยังมีจิตสำนึกที่ชัดเจนดี”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โอ้โห แผนการหล่อนสามคนช่างร้ายกาจ กะจะเหยียบเซี่ยเซี่ยเต็มที่เลยสินะ
ไหหม่า(海馬)