ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 236 ความรักจากอารอง

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 236 ความรักจากอารอง

ตอนที่ 236 ความรักจากอารอง

หลินเซี่ยมองไปที่หลินจินซานและหลินเยี่ยน “พี่ชาย พี่กับเสี่ยวเยี่ยนอย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินแม่เลย อันดับแรกมาฟังท่านเล่าเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในอดีตกันก่อนเถอะ แม่เป็นคนซื่อ ตราบใดที่ไม่มีปัจจัยอื่นเร่งเร้าความสัมพันธ์ เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะเกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น ท่านไม่เคยทรยศต่อพ่อต้าฝูเลย ทุกคนคงรู้ดีกว่าฉันว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นยังไงตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา”

หลินเยี่ยนยังคงอยู่ในสภาวะสับสน ไม่ได้แสดงความคิดเห็นของตัวเองเลย

เมื่อหลินจินซานเข้าใจว่าพ่อของเขารู้เรื่องที่หลิวกุ้ยอิงท้องกับคนอื่นมาตั้งแต่แรก รู้อย่างชัดเจนว่าใครคือพ่อผู้ให้กำเนิดของหลินเซี่ย และหลิวกุ้ยอิงไม่เคยสวมเขาพ่อของเขา ในที่สุดเขาก็รู้สึกดีขึ้น

ทั้งหมดอาจเป็นธรรมชาติของความรักที่อาจเกิดขึ้นได้

นอกจากนี้ พ่อของเขาเองก็เป็นพ่อม่ายลูกติดเหมือนกัน ที่บ้านมีแม่ชราจอมเจ้าเล่ห์ แถมยังมีน้องชายจอมขี้เกียจอีกคนหนึ่ง อยู่ดี ๆ เขาจะแต่งภรรยาที่ยังสาวยังสวยเข้าบ้านได้อย่างไร?

การที่สาวสวยคนนั้นยอมตามเขากลับมาที่บ้าน ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว

ตอนที่หลิวกุ้ยอิงมาถึงบ้านของพวกเขาเป็นครั้งแรก หล่อนหน้าตาสะสวยมากจริง ๆ

หล่อนเป็นสะใภ้ตัวน้อยที่ทั้งสวย เปี่ยมไปด้วยพลัง และขยันขันแข็งที่สุดในหมู่บ้าน

แม้ว่าในเวลานั้นเขาจะยังเด็ก แต่ความทรงจำก็ยังชัดเจน

เมื่อใดที่พ่อของเขาออกไปทำงาน แล้วมีชายหนุ่มคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านเทียวไล้เทียวขื่อมาพูดคุยกับหลิวกุ้ยอิง ย่าของเขาจะปรี่เข้าไปห้ามและไล่ตะเพิดคนพวกนั้นเสมอ

ด้วยกลัวว่าลูกสะใภ้คนสวยของบ้านจะสวมเขาให้ลูกชายตัวเองเข้าสักวัน

อารมณ์ของหลินจินซานค่อย ๆ สงบลง

คงเหลือเพียงความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวระหว่างหลิวกุ้ยอิงกับวีรบุรุษผู้ลึกลับคนนั้น

หลินจินซานหมดความอดทน พูดกับหลิวกุ้ยอิงว่า “แม่ เล่าให้พวกเราฟังเถอะว่าเรื่องจริง ๆ เป็นยังไง”

หลินเยี่ยนก็เอียงคอเพื่อรอฟังเรื่องราวเช่นเดียวกัน

เมื่อเห็นว่าลูกชายและลูกสาวเปลี่ยนจากพฤติกรรมต่อต้านรุนแรงเมื่อครู่นี้เป็นสงบราบเรียบ ทั้งยังเต็มใจที่จะสงบสติอารมณ์และรับฟังเรื่องราวของหล่อน ในที่สุดหลิวกุ้ยอิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

หลังจากเช็ดน้ำตา หล่อนก็เริ่มเล่าให้พวกเขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว

ขณะที่หลิวกุ้ยอิงบรรยาย หลินจินซานก็ตื่นตะลึงเป็นพัก ๆ ก่อนจะอุทานหลายครั้งติดต่อกัน

“พ่อแท้ ๆ ของเซี่ยเซี่ยเป็นทหารแนวหน้าในสงครามจริงเหรอ?”

หลิวกุ้ยอิงพยักหน้า “ใช่”

“สมควรแล้วที่จะเรียกเขาว่าวีรบุรุษ ไม่น่าแปลกใจเลยที่พ่อผมใจดีกับเสิ่นอวี้อิ๋งขนาดนี้”

พ่อลูกมีสายเลือดเดียวกัน แน่นอนว่าพวกเขาเคารพวีรบุรุษและผู้พลีชีพในสงครามด้วยความภักดี

ถ้าเป็นเขาเองก็คงจะปฏิบัติต่อหญิงม่ายคนนี้เป็นอย่างดีไม่ต่างกัน

หลินเยี่ยนนั่งอยู่ตรงนั้น ใบหน้าหมองคล้ำเริ่มเกิดความสับสน

พี่ชายของหล่อนเป็นพี่ชายต่างแม่

พี่สาวของหล่อนกลายเป็นพี่สาวต่างพ่อ

พี่น้องทั้งสามคนไม่มีสายสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันเลยในคู่แต่งงานเดียวกัน

ยิ่งหลิวกุ้ยอิงเล่าต่อไปนานเท่าใด น้ำเสียงของหล่อนก็ยิ่งสงบนิ่งมากขึ้นเท่านั้น

ในอดีต ความทรงจำนี้ถูกซ่อนไว้ส่วนลึกในใจ หล่อนคิดเสมอว่ามันเป็นเหมือนรอยแผลเป็นที่แตะต้องไม่ได้ และเป็นสิ่งต้องห้าม

หล่อนตั้งใจจะฝังมันไปพร้อมกับโลงศพของตัวเอง

เมื่อไม่กี่วันก่อนหลังจากหลินเซี่ยซักถาม หล่อนได้เล่าเรื่องนี้พร้อมทั้งน้ำตาไหลพรากด้วยความสะเทือนใจอย่างยิ่ง

แต่พอได้เล่าถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ถึงพบว่าวันนี้มันดูไม่ยากเย็นเลย

ดูเหมือนว่าตัวหล่อนเองจะรักษาเยียวยาแผลใจได้จากการเล่าเรื่องนี้ซ้ำเป็นหนที่สอง

หล่อนไม่รู้สึกเสียใจกับทุกสิ่งที่ผ่านมาเลย หลินต้าฝูดีกับลูกสาวที่ ‘เกิด’ จากหล่อนมาก ส่วนหล่อนเองก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะดีกับหลินจินซานเช่นกัน

ไม่ว่าแม่เฒ่าหลินจะสร้างความลำบากให้กับหล่อนมากแค่ไหน หล่อนก็ยอมอดทนได้เสมอเพราะเห็นแก่นางที่เป็นแม่ของหลินต้าฝู

“เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นอย่างนี้แหละ”

หลังจากที่หลิวกุ้ยอิงเล่าจนจบ หล่อนก็มองไปที่หลินจินซานและหลินเยี่ยน

ดูเหมือนว่าพี่ชายและน้องสาวจะยังอยู่ในระหว่างการแยกแยะเรื่องที่รับฟังมา สีหน้าของพวกเขาเรียบนิ่งไป แต่ยังไม่ได้ออกความคิดเห็น

“พี่ชาย ทบทวนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเองหน่อยสิ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาแม่ปฏิบัติต่อพี่ยังไงบ้าง?” หลินเซี่ยถามหลินจินซาน

หลินจินซานเงยหน้าขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ดีกว่าลูกแท้ ๆ เสียอีก”

หลินเซี่ยมองเขาด้วยสายตาที่จริงใจเหมือนกัน พูดว่า “ตราบใดที่พี่ยังปฏิบัติต่อฉันเหมือนฉันเป็นน้องสาวของพี่เช่นเดียวกับเมื่อก่อน ความสัมพันธ์ของเราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง”

“จริงเหรอ?”

หลินเซี่ยพยักหน้า “ฉันพูดจริง ๆ”

“เดี๋ยวก่อน แม่บอกว่าตอนนั้นพ่อเธอสละชีพเพื่อชาติไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาถึงยังตามหาแม่อีก?” หลินจินซานถามด้วยความสับสน

“ฉันได้ยินมาว่าเขาได้รับการช่วยเหลือจากสหายร่วมรบในภายหลัง แต่เขาบาดเจ็บสาหัสจนสูญเสียความทรงจำ ทำให้ไม่ได้ออกตามหาแม่มาหลายปี ตอนนี้ครอบครัวของเขากำลังช่วยเขาตามหาท่าน”

หลังจากได้ยินคำอธิบายของหลินเซี่ยแล้ว หลินจินซานก็ถามอย่างสงสัย “พวกเขาเป็นครอบครัวแบบไหนกัน? ถ้าแย่เหมือนกับตระกูลเสิ่น เธอก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักพวกเขา ไม่นับญาติแต่แรกเลยจะดีกว่า ต่อให้เธอกลับไปก็ไม่ต่างอะไรจากเป็นคนนอก พ่อแท้ ๆ ของเธอสูญเสียความทรงจำไปแล้ว เขาไม่รู้จักเธอ เธอไม่ผูกพันกับเขา คงเหนื่อยมากถ้าต้องไปอยู่ร่วมกับสมาชิกในครอบครัวที่ใจร้ายใจดำ”

หลินจินซานเสนอแนวทางให้หลินเซี่ยไปแบบนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วมีเพียงเขาคนเดียวที่รู้ว่าตัวเองกลัวการสูญเสียน้องสาวคนนี้ไป ทั้งยังกลัวว่าจะสูญเสียหลิวกุ้ยอิงในฐานะแม่

ถ้าหลินเซี่ยกลับไปหาพ่อแท้ ๆ แล้วหลิวกุ้ยอิงล่ะ หล่อนจะสานต่อความสัมพันธ์ในอดีตกับวีรบุรุษคนนั้นด้วยไหม?

ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ เขากับหลินเยี่ยนจะกลายเป็นคนไร้ญาติ

ทันใดนั้นหลินจินซานวัยยี่สิบห้าปีก็สัมผัสได้ถึงความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในใจ

ดวงตาของเขาหมองหม่นลง เผยความไม่สบายใจออกมาอย่างชัดเจน

ทันใดนั้นหลินเซี่ยก็พูดขึ้นว่า “พี่รู้จักนิสัยของเขาคนนั้นดี”

หลินจินซานดูสับสน

“พี่คิดว่าชื่อของฉันไปตรงกับแซ่ของใครล่ะ?” หลินเซี่ยมองไปทางพวกเขา และถามด้วยรอยยิ้ม

หลินเยี่ยนยังคงเหม่อลอยเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง หลินจินซานคิดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็นึกถึงใครบางคนในหมู่คนรู้จักของเขาขึ้นมาได้ เขาหันขวับมองเธอด้วยความประหลาดใจ “เซี่ย… เซี่ยไห่?”

หลินเซี่ยยิ้มโดยที่ไม่พูดอะไร

“ใช่เขาหรือเปล่า?”

“เป็นเขา”

“พระเจ้าช่วย นี่มันโชคชะตาอะไรกันเนี่ย?” หลินจินซานตบต้นขาฉาดใหญ่ด้วยความตื่นเต้น “โลกใบนี้ชักจะกลมเกินไปแล้ว เธอกับเถ้าแก่เซี่ย…”

หลินจินซานโพล่งออกมาทันที “เถ้าแก่เซี่ยเป็นพ่อแท้ ๆ ของเธอเหรอเนี่ย? ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนเขาเคยเป็นทหาร”

หลินเซี่ย “!!!”

เธอแก้ไขด้วยความหงุดหงิดว่า “เขาเป็นอารองของฉันต่างหาก คนที่เป็นวีรบุรุษสงครามคือพี่ใหญ่ของเขา อย่าลืมสิ คนอายุเท่าเซี่ยไห่แก่พอจะเป็นพ่อของฉันได้หรือไง?”

“โอ้ ใช่ ๆๆ เขายังอายุไม่ถึงสี่สิบปีด้วยซ้ำ”

หลินเซี่ยออกปากเรียกเซี่ยไห่ว่าอารองอย่างสนิทใจแล้ว หลิวกุ้ยอิงจึงเตือนเธอด้วยความระมัดระวัง

“เซี่ยเซี่ย เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันแน่ชัด ดังนั้นอย่าเพิ่งรีบร้อนที่จะยืนยันความสัมพันธ์กับคนอื่นเลย”

ทันใดนั้นหลินเซี่ยก็จำได้ว่าตัวเองพกรูปถ่ายที่เธอไปขอจากเซี่ยไห่ติดมาด้วย จึงรีบหยิบมันออกจากกระเป๋าของตัวเอง

จากนั้นก็ยื่นรูปถ่ายให้กับหลิวกุ้ยอิง “แม่ ลองดูรูปนี้สิคะ แม่จำผู้ชายคนที่อยู่ในรูปได้หรือเปล่า?”

หลิวกุ้ยอิงรับรูปถ่ายใบนั้นมาดู

เมื่อเห็นคนในรูปอย่างชัดเจน จู่ ๆ หล่อนก็ควบคุมอารมณ์ไม่ได้อีกต่อไป รีบยกมือขึ้นปิดปาก แล้วสะอื้นไห้ฮักๆ

ปฏิกิริยาของหล่อนบ่งบอกความจริงทุกอย่างแล้ว

หลิวกุ้ยอิงวิ่งถือรูปถ่ายใบนั้นผ่านประตูบ้านเข้าไป พอวิ่งเข้าไปในห้องด้านข้างแล้วก็ปิดประตูขังตัวเองอยู่ในห้อง

“ให้เวลาท่านได้สงบสติอารมณ์หน่อย”

หลินเซี่ยไม่คิดจะไล่ตามไปทันที พี่น้องทั้งสามนั่งนิ่งงันอยู่ในห้องหลัก เธอมองไปที่หลินจินซานและหลินเยี่ยนแล้วพูดอย่างจริงใจ

“พี่ชาย เสี่ยวเยี่ยน ถึงแม้ว่าพวกเราสามคนจะไม่ใช่พี่น้องที่มีพ่อและแม่คนเดียวกัน แต่อย่างที่บอกไป ถึงยังไงพวกเราก็เกิดในบ้านตระกูลหลิน เราจึงถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันหวังว่าระหว่างพวกเราจะไม่มีช่องว่าง”

“เซี่ยเซี่ย ฉันต่างหากต้องเป็นฝ่ายกลัวว่าเธอจะไม่อยากคบหากับเรา เราทุกคนต่างมาจากบ้านนอก ในขณะที่เธอมีอารองเป็นเถ้าแก่ใหญ่ ฉันได้ยินมาว่าพี่สาวของเถ้าแก่เซี่ยเป็นดาราฮ่องกงด้วย แถมพ่อผู้ให้กำเนิดของเธอยังเป็นวีรบุรุษสงครามที่ใคร ๆ ต่างก็ให้ความเคารพ พวกเราได้ไต่เต้าไปสู่ระดับที่สูงขึ้นจาการเป็นพี่น้องกับเธอแท้ ๆ”

หลินจินซานรู้สึกขาดความมั่นใจขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วนเมื่อนึกถึงเซี่ยไห่ผู้มั่งคั่ง

“อย่าพูดอย่างนั้นสิ ตราบใดที่พี่ไม่ปฏิบัติต่อฉันในฐานะคนนอก ฉันก็ไม่มีวันทำตัวแปลกแยกกับพี่เหมือนกัน พวกเรายังคงใช้ชีวิตติดดินได้เหมือนเดิม พี่ก็ต้องพึ่งพาตัวเองทุกที่ทุกเวลาอยู่แล้ว”

หลินเซี่ยจับมือหลินเยี่ยน แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเยี่ยน เธอกังวลอะไรอยู่หรือเปล่า? ทำไมถึงไม่ยอมพูดอะไรเลย?”

“พี่สาว ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดี”

“เราเกิดมามีแม่คนเดียวกันนะ ถึงยังไงสายสัมพันธ์ความเป็นพี่น้องก็ยังอยู่เสมอ อย่าได้คิดเล็กคิดน้อยเชียว”

หลินเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ “ฉันไม่คิดอย่างนั้นหรอก”

ตอนนี้พอพี่น้องทั้งสามเริ่มพูดคุยเปิดอกซึ่งกันและกัน หลินจินซานก็อดไม่ได้ที่จะถามเกี่ยวกับความกังวลของเขา “เซี่ยเซี่ย แล้วอีกหน่อยแม่จะกลับไปสานสัมพันธ์กับวีรบุรุษคนนั้นไหม?”

หลินเซี่ยตอบอย่างเป็นกลาง “พวกเราควรเคารพการตัดสินใจของท่าน ในฐานะคนรุ่นหลัง ไม่ควรเข้าไปแทรกแซงท่านในเรื่องนี้”

“ใกล้จะเก้าโมงแล้ว ถึงเวลาที่ฉันต้องไปทำงานแล้วล่ะ ทำไมแม่ยังไม่ออกมาอีก? งั้นปล่อยให้ท่านใจเย็นลงหน่อยก็ได้ ฉันขอตัวไปทำงานก่อน”

หลินจินซานยังคงกังวลเกี่ยวกับการเตรียมตัวสัมภาษณ์งานในวันนี้ เขากลัวว่าการที่ตัวเองไปสายจะทำให้ไม่ได้รับตำแหน่งที่ดี

หลินเซี่ยก็ต้องรีบกลับไปเปิดร้านและทำธุรกิจเช่นกัน ในขณะที่หลิวกุ้ยอิงจำเป็นต้องอาศัยเวลาช่วยปรับอารมณ์อย่างช้า ๆ ซึ่งพวกเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก

“เอาล่ะ เข้าไปด้วยกันเลยดีกว่า”

เมื่อเดินไปถึงลานบ้าน หลินเซี่ยก็ตะโกนไปที่ห้องด้านข้าง

“แม่ พวกเราขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”

ทันทีที่เธอพูดจบ หลิวกุ้ยอิงก็เปิดประตูให้พวกเขาเข้าไป

หลินเซี่ยมองดวงตาของหล่อนที่แดงก่ำจากการร้องไห้ ทันใดนั้นก็เดินเข้าไปกอดหล่อน

“แม่ ผู้ชายที่อยู่ในรูปคือพ่อแท้ ๆ ของฉันใช่ไหมคะ?”

หลิวกุ้ยอิงหลั่งน้ำตา พยักหน้าทั้งที่ยังสะอื้นไห้

หลินเซี่ยถือโอกาสถาม “เซี่ยไห่บอกว่าเขาอยากเจอแม่ แม่ล่ะพร้อมจะเจอเขาเมื่อไหร่คะ?”

หลิวกุ้ยอิงตอบกลับ “วันนี้แม่จะเก็บร้านตั้งแต่ตอนบ่าย ๆ”

“ได้ ถ้าอย่างนั้นเรานัดหมายมาเจอกันที่นี่ตอนบ่ายดีกว่า ที่อาคารพักอาศัยมันเสียงดังเกินไป”

หลินเซี่ยกลัวว่าสภาพจิตใจของหลิวกุ้ยอิงอาจยังไม่พร้อม ดังนั้นเธอจึงพูดด้วยความกังวลว่า “แม่ วันนี้แม่พักอยู่บ้านสักหน่อย แล้วให้พี่ชายกับเสี่ยวเยี่ยนออกไปตั้งแผงขายของแทนดีไหม”

“ไม่เป็นไร แม่จะออกไปกับเสี่ยวเยี่ยนเหมือนเดิม”

หลิวกุ้ยอิงโบกมือ “พวกลูกกลับไปทำงานของตัวเองเถอะ”

“ถ้าอย่างนั้นเราไปก่อนนะ”

เมื่อหลินจินซานและหลินเซี่ยมาถึงหน้าร้าน ชุนฟางก็มาเปิดประตูร้านรอก่อนแล้ว เซี่ยไห่ยืนอยู่ที่หน้าประตู พร้อมกับอาหารเช้าสองถุงในมือ พลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ

“เซี่ยเซี่ย เธอมาแล้วเหรอ?”

ทันทีที่เห็นเธอ เซี่ยไห่ก็เดินเข้ามาทักทายเธออย่างกระตือรือร้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรักและอาทร “เซี่ยเซี่ย ฉันเตรียมอาหารมื้อเช้าไว้ให้เธอด้วย ดูสิ มีซาลาเปากับนมด้วยนะ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ปริศนาคลี่คลายแล้ว ขอให้ครอบครัวนี้ยังรักกันเหมือนเดิมนะคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท