ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 241 ใครก็ตามที่ก่ออาชญากรรมจะต้องติดคุก

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 241 ใครก็ตามที่ก่ออาชญากรรมจะต้องติดคุก

ตอนที่ 241 ใครก็ตามที่ก่ออาชญากรรมจะต้องติดคุก

หลินเซี่ยยืนตัวตรง แม้เธอจะเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่ทุกคำพูดที่เปล่งออกมานั้นดังและทรงพลังมาก บ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ใจจากเนื้อแท้

เมื่อผู้เฒ่าเฉินได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของเธอ ใบหน้าที่มีรอยย่นของเขาก็น่าเกลียดมาก

คนหนึ่งต้องติดคุก…

ไม่คำนึงถึงชื่อเสียงของตระกูลเฉินเลยหรือไง?

เฉินเจียซิ่งพูดอย่างตรงไปตรงมา “จะวิ่งโร่ไปแจ้งตำรวจก็เอาเลย แจ้งความซะให้พอใจ ถ้าเสี่ยวเหมยใส่ร้ายเธอจริง ๆ ฉันจะเป็นคนส่งเมียฉันเข้าคุก แต่ถ้าเธอเป็นคนทำร้ายลูกฉัน ฉันจะไม่มีวันรามือกับเธอง่าย ๆ แน่ ฉันจะทำให้เธอต้องเข้าคุกให้ได้ แล้วบอกให้พี่ใหญ่หย่ากับเธอซะ”

เสิ่นเสี่ยวเหมยซึ่งนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลตกใจกับสิ่งที่หลินเซี่ยพูดไม่พอ ยังตื่นตะลึงกับสิ่งที่เฉินเจียซิ่งพูดอีก หล่อนจ้องมองอย่างโกรธเคืองไปที่เฉินเจียซิ่งผู้ไม่เอาไหน จากนั้นก็มองไปทางถังหลิงโดยไม่รู้ตัว

เฉินเจียซิ่ง คนงี่เง่าคนนี้อาจเป็นคนที่ส่งหล่อนเข้าคุกจริง ๆ

ถังหลิงทำหน้าที่เป็นผู้รักษาสันติภาพอย่างรวดเร็ว

ในตอนนี้เองหล่อนก็หันไปเกลี้ยกล่อมเฉินเจียซิ่ง “เจียซิ่ง ปล่อยหล่อนไปเถอะ ให้ผู้ใหญ่เป็นคนจัดการเรื่องนี้ดีกว่า เราทุกคนต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้าเรื่องไปถึงมือเจ้าหน้าที่ตำรวจคงไม่มีฝ่ายไหนพอใจแน่ ตระกูลเฉินและตระกูลเสิ่นต่างก็เป็นบุคคลที่น่านับหน้าถือตา ลูกหลานอย่างเธอต้องคำนึงถึงใบหน้าของครอบครัวด้วย”

ถังหลิงพูดแบบนั้นแล้วก็มองไปทางผู้เฒ่าเฉินและคนอื่น ๆ

แน่นอนว่าทั้งผู้เฒ่าเฉินและผู้เฒ่าเสิ่นต่างก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนักเมื่อได้ยินคำว่าเรื่องนี้ต้องถึงมือเจ้าหน้าที่ตำรวจ

คำพูดของหล่อนทำให้อารมณ์ของหลินเซี่ยยิ่งลุกเป็นไฟ

อีกฝ่ายกำลังหลอกด่าทางอ้อมว่าการแจ้งตำรวจถือเป็นการไม่เห็นแก่หน้าตาของครอบครัว

หลินเซี่ยหรือจะยอมให้หล่อนหยิบยกเหตุผลทางศีลธรรมมาอ้าง “คุณถัง คุณเข้าใจผิดแล้ว ไม่ว่าฉันจะเป็นฝ่ายประมาทจนทำให้เด็กในท้องของหล่อนตาย หรือเป็นเสิ่นเสี่ยวเหมยที่ใส่ร้ายฉัน ทั้งสองกรณีต่างก็เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งคู่ ในเมื่อเป็นเรื่องที่ขัดต่อกฎหมายก็ควรให้เรื่องถึงมือตำรวจน่ะถูกแล้ว ส่วนข้ออ้างเรื่องชื่อเสียงของครอบครัว ฉันคิดว่าผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็คงอยากจะค้นหาความจริง และกำจัดขยะของตระกูลเฉินทิ้งไปเต็มที ใครก็ตามที่ก่ออาชญากรรมจะต้องติดคุก คุณปู่เป็นทหาร เขาเป็นคนซื่อสัตย์และไม่เห็นแก่ตัว ไม่มีทางปกป้องอาชญากรแน่”

หลังจากหลินเซี่ยพูดจบ เธอก็มองไปที่เซี่ยไห่ “เถ้าแก่เซี่ย ช่วยส่งฉันไปที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งความเรื่องนี้ด้วยค่ะ”บราวนี่ออนไลน์

ทันทีที่หลินเซี่ยพูดจบ เสิ่นเสี่ยวเหมยก็จับท้องของตัวเองและกรีดร้องว่า

“ฉันปวดท้องเหลือเกิน… เวียนหัวจะตายอยู่แล้ว”

ถังหลิงรีบพูดกับเฉินเจียซิ่งทันที “เจียซิ่ง เธอก็เห็นแล้วนี่ว่าเสี่ยวเหมยหน้าซีดมาก ปล่อยให้หล่อนนอนพักสักหน่อยเถอะ”

พยาบาลรีบเดินพรวดพราดเข้ามาในวอร์ดแล้วตะโกนว่า “ขอความร่วมมือญาติคนไข้อย่าเข้าเยี่ยมมากจนเกินไปค่ะ ควรมีคนดูแลแค่สองสามคนก็พอแล้ว ที่เหลือเชิญกลับไปก่อนค่ะ”

ผู้เฒ่าเฉินหน้าตาเคร่งขรึม พูดกับหลินเซี่ยว่า “เซี่ยเซี่ย กลับบ้านกับพวกเราเถอะ”

ถึงแม้หลินเซี่ยจะยืนกรานว่าเธอจะไปแจ้งความให้ได้ แต่ผู้เฒ่าเสิ่นก็ยังรู้สึกว่าเธอเป็นผู้ร้ายปากแข็ง เขารู้ดีว่าตระกูลเฉินคงไม่ยอมปล่อยให้เธอไปขึ้นโรงพักง่าย ๆ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจว่าจะเป็นฝ่ายแจ้งความเอง

เขาเตือนผู้เฒ่าเฉินด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “เหล่าเฉิน ตระกูลเฉินของคุณต้องอธิบายข้อเท็จจริงทั้งหมดให้ตระกูลเสิ่นของเราเข้าใจอย่างชัดเจน นับตั้งแต่หลานสาวของผมแต่งงานเข้าตระกูลคุณ หล่อนต้องทนทุกข์ทรมานมากี่ครั้งแล้ว? ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นไม่ปรานีแม้แต่เด็กในท้องหล่อนด้วยซ้ำ พวกเราไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่าย ๆ แน่”

หลินเซี่ยมองผู้เฒ่าเสิ่น การแสดงออกฉายชัดซึ่งความเย็นชาและแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน “ผู้เฒ่าเสิ่น รอจนกว่าผลการสืบสวนจะออกมาอย่างชัดเจนก่อนแล้วค่อยหาข้อสรุปก็ยังไม่สายนะคะ ฉัน หลินเซี่ย จะไม่ยอมรับความผิดอันมิชอบนี้โดยเด็ดขาด”

“ผู้เฒ่าเสิ่น ไม่ต้องกังวล ครอบครัวเฉินของเราจะอธิบายทุกอย่างให้คุณฟังแน่” ผู้เฒ่าเฉินบอก

หลังจากนั้นพวกเขาก็บอกให้หลินเซี่ยติดตามกลับไป

“คุณปู่ ฉันขอไปแจ้งความก่อนค่ะ”

“แจ้งความให้มันได้อะไรขึ้นมา? กลับบ้านกันก่อนเถอะ”

ผู้เฒ่าทั้งสองคนของตระกูลเฉินยืนยันจะพาหลินเซี่ยกลับไปยังชุมชนบ้านพักทหาร เซี่ยไห่กังวลมากและต้องการติดตามไป แต่ผู้เฒ่าเฉินบอกว่านี่เป็นเรื่องภายในครอบครัว จึงไม่ต้องการให้เซี่ยไห่เข้าไปยุ่ง

เซี่ยไห่มองไปที่ผู้เฒ่าทั้งสอง ต้องการจะห้ามปราม แต่หลินเซี่ยพูดว่า “เถ้าแก่เซี่ย กลับไปเถอะค่ะ คุณปู่คุณย่าของฉันเป็นคนมีเหตุผลมากพอ พวกเขาต้องแยกแยะออกระหว่างถูกและผิด”

เซี่ยไห่ทำได้แค่เฝ้าดูหลินเซี่ยก้าวเข้าไปในรถของผู้เฒ่าเฉิน

เขารีบโทรไปที่โรงงานยานยนต์เพื่อตามหาเฉินเจียเหอ

เมื่อผู้เฒ่าสองคนของตระกูลเฉินพาหลินเซี่ยกลับไปถึงบ้าน เฉินเจิ้นเจียงและโจวลี่หรงก็บังเอิญเพิ่งกลับมาหลังจากเลิกงานพอดี เฉินเจียวั่งก็อยู่ที่บ้านเช่นกัน

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของผู้เฒ่าเฉินค่อนข้างย่ำแย่ ทุกคนก็สับสนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนกระทั่งคุณย่าเฉินเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง เฉินเจิ้นเจียงและโจวลี่หรงก็เป็นกังวลมากเมื่อได้ยินว่าเด็กในท้องของเสิ่นเสี่ยวเหมยไม่รอด

“พวกเราไปโรงพยาบาลกันก่อนดีกว่า”

“เจียซิ่งกับถังหลิงอยู่กับหล่อนที่นั่นแล้ว ไว้พวกเธอค่อยตามไปทีหลังก็ได้ นั่งลงก่อนเถอะ”

เฉินเจียเหอเคลื่อนไหวเร็วมาก ทันทีที่ผู้เฒ่าเฉินและคนอื่น ๆ กลับมาถึงบ้านได้ไม่นาน รถของเซี่ยไห่ก็ขับกลับมาส่งเขาถึงหน้าบ้าน

ทันทีที่เขาเดินผ่านประตูเข้าไป เขาเห็นทั้งครอบครัวนั่งอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าจริงจัง ถึงแม้ตัวเขาจะยังสวมชุดทำงานที่มีรอยเปื้อนน้ำมันเครื่องอยู่ แต่ก็รีบเดินตรงไปหาหลินเซี่ยและถามเบา ๆ “คุณเป็นอะไรไหม?”

หลินเซี่ยส่ายหัว

“ในเมื่อทุกคนมาครบหมดแล้ว ก็นั่งลงฟังไปพร้อมกันเลย”

ผู้เฒ่าเฉินมองดูหลินเซี่ยอย่างจริงจัง และถามว่า “เซี่ยเซี่ย บอกฉันมาตามตรง เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่? เธอเป็นคนทำให้เสี่ยวเหมยสะดุดล้มอย่างที่พวกเขาพูดจริงหรือเปล่า?”

ก่อนที่หลินเซี่ยจะทันได้พูดอะไร เฉินเจียเหอก็รีบพูดปกป้องเธอทันที “คุณปู่ เซี่ยเซี่ยไม่ใช่คนแบบนั้น ในฐานะที่ปู่เป็นผู้อาวุโส อย่าเอาแต่ตั้งข้อสงสัยแบบเดาสุ่มสิครับ ถ้าในครอบครัวยังไม่มีแม้แต่ความไว้วางใจขั้นพื้นฐาน แบบนี้ลูกหลานจะหวังพึ่งใคร”

“ฉันแค่อยากรู้รายละเอียดคร่าว ๆ ของเหตุการณ์เมื่อเช้า ฉันเชื่อมั่นในอุปนิสัยของเซี่ยเซี่ยอยู่แล้ว แต่… บางทีเธออาจจะเผลอทำลงไปโดยไม่ตั้งใจก็ได้?” ผู้เฒ่าเฉินว่าแล้วก็มองไปทางหลินเซี่ยราวกับจะตั้งคำถาม

ชายชราอยากเชื่อเหลือเกินว่าหลินเซี่ยพลั้งมือทำอะไรแบบนั้นไปโดยไม่ได้ตั้งใจ มากกว่าจะได้ยินว่าหลานสะใภ้หนึ่งในสองคนของครอบครัวจะมีจิตใจเสื่อมทรามทางศีลธรรม และหันมาทำร้ายกันเอง

อย่างไรก็ตาม ทัศนคติของหลินเซี่ยนั้นมั่นคงมาก

“คุณปู่ ฉันไม่ได้ทำจริง ๆ ค่ะ ฉันเล่าให้คุณฟังแล้วตั้งแต่ตอนที่อยู่ในโรงพยาบาล เสิ่นเสี่ยวเหมยกับฉันไม่เคยติดต่อกันเป็นการส่วนตัวเลยสักครั้ง แต่วันนี้จู่ ๆ หล่อนก็มาที่ร้านของฉันด้วยทัศนคติที่กระตือรือร้นมาก และใจเย็นผิดปกติ ลูกค้าในร้านรวมถึงพนักงานทุกคนในเวลานั้นสามารถเป็นพยานได้”

หลินเซี่ยมองไปที่ทุกคนและพูดต่อ “ฉันบอกหล่อนไปตรง ๆ ว่าให้ตายยังไงก็จะไม่ตัดผมให้หล่อนเด็ดขาด แต่หล่อนก็ไม่ยอมออกไปง่าย ๆ ตั้งหน้ารอต่อคิวอยู่ในร้าน พอฉันออกปากบอกให้หล่อนออกไปซะ หล่อนก็ล้มลงตรงหน้าฉันโดยไม่มีเหตุผล ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

“เธอได้แตะต้องหล่อนหรือเปล่า?” โจวลี่หรงถาม

“ฉันไม่ได้แตะต้องหล่อนเลยสักนิด หล่อนล้มลงไปเอง ยิ่งไปกว่านั้นหล่อนลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นไม่ทันไรก็มีเลือดเปรอะเต็มกางเกงเสียแล้ว”

ยิ่งหลินเซี่ยคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าอาการเลือดออกนั้นดูผิดปกติ

ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติทั่วไป ต่อให้ใครก็ตามจะล้มและมีเลือดออก เลือดจะไม่ไหลทะลักออกมาและทำให้กางเกงเปื้อนทันทีที่ร่างกระแทกพื้น เว้นแต่จะมีบาดแผลเกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว

เฉินเจียวั่งได้ยินคำอธิบายของหลินเซี่ย ก็พูดเสริมว่า

“จู่ ๆ พี่สะใภ้รองก็ไปที่ร้านพี่สะใภ้ใหญ่ ลำพังเหตุการณ์นี้ก็ผิดปกติอยู่แล้ว พวกหล่อนสองคนแทบจะเข้าหน้ากันไม่ติด คนอย่างพี่สะใภ้รองหรือจะเป็นฝ่ายอยากไปตัดผมกับพี่สะใภ้ใหญ่ก่อน? ขนาดก่อนหน้านี้พี่สะใภ้ใหญ่ตัดผมให้พี่รอง หล่อนยังเอาแต่ดุด่าเหน็บแนมเขาแทบแย่ เรื่องนี้มันทะแม่งจริง ๆ หล่อนต้องมีเจตนาไม่บริสุทธิ์แน่”

เฉินเจียเหอได้ยินการวิเคราะห์ของน้องชายคนที่สาม ก็หัวเราะเยาะ “เซี่ยเซี่ยปฏิเสธที่จะตัดผมให้ แต่หล่อนก็ยังไม่ยอมออกจากร้านไปดี ๆ นี่ไม่ใช่นิสัยของเสิ่นเสี่ยวเหมยเลย”

เขามองดูผู้เฒ่าทั้งสองด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“คุณปู่ คุณย่า พ่อ แม่ ผมจะตรวจสอบมูลเหตุของเรื่องนี้อย่างละเอียด อย่าเพิ่งรีบตัดสินเซี่ยเซี่ย ไว้ผมจะให้คำอธิบายกับพวกคุณทันทีที่รู้ความจริง”

หลังจากฟังการวิเคราะห์ของเฉินเจียเหอและเฉินเจียวั่ง ทุกคนก็คิดว่ามันสมเหตุสมผล

ข้อที่ว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยเป็นฝ่ายริเริ่มที่จะไปที่ร้านตัดผมของหลินเซี่ยเพื่อตัดผมนั้นแปลกในตัวของมันเองจริง

แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เช่นกันที่เสิ่นเสี่ยวเหมยจะยอมเสี่ยงเพื่อแลกกับชีวิตเด็กในท้อง

หล่อนจะสิ้นคิดถึงขั้นใช้เด็กในท้องใส่ร้ายหลินเซี่ยเชียวเหรอ?

เฉินเจิ้นเจียงตัดบทว่า “เอาล่ะ พวกเราไปโรงพยาบาลกันก่อนเถอะ”

เฉินเจิ้นเจียงและโจวลี่หรงดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย และพวกเขาก็รู้สึกผิดหวังในใจอย่างสุดจะพรรณนา

หลานที่พวกเขารอคอยมาจากไปทั้งคน ลูกสะใภ้ทั้งสองก็เริ่มกล่าวโทษกันเอง

ทั้งสองจึงออกไปยังโรงพยาบาล

แม้ว่าใบหน้าของผู้เฒ่าตระกูลเฉินทั้งสองจะไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะเชื่อจากก้นบึ้งของหัวใจว่าหลินเซี่ยไม่ใช่คนเลวร้าย

เพียงแต่ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ

ถ้ายึดตามที่หลินเซี่ยพูด หากเสิ่นเสี่ยวเหมยจงใจเข้าไปที่ร้านของเธอจริง ผู้หญิงคนนั้นจะยอมสังเวยเด็กในท้องเพื่อใส่ร้ายเธอเชียวเหรอ?

ต้องมีอะไรเบื้องลึกเบื้องหลังแน่ ๆ

คู่สามีภรรยาสูงอายุออกไปข้างนอกทั้งวัน รู้สึกเหนื่อยล้าเต็มที จึงกลับเข้าไปพักผ่อนในห้อง

ก่อนที่ผู้เฒ่าเฉินจะกลับเข้าห้อง เขามองไปที่หลินเซี่ยแล้วพูดว่า “เซี่ยเซี่ย พวกเราเชื่อในนิสัยของเธอ เราควรแก้ไขปัญหานี้กันเองภายในครอบครัวก่อน อย่าเพิ่งแจ้งตำรวจ จะทำให้คนอื่นหัวเราะเอาได้”

“คุณปู่ ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะวิเคราะห์กันเองค่ะ ต่อให้ไม่ได้อะไรเลยก็ยังไม่สายเกินไปที่จะแจ้งความตำรวจ”

ผู้เฒ่าทั้งสองไม่พูดอะไรอีก เดินหายเข้าไปในห้อง หลินเซี่ยหันไปถามเฉินเจียเหอ

“หู่จือล่ะคะ?”

“ไม่ต้องห่วง เซี่ยไห่ไปรับเขาแล้ว”

เฉินเจียเหอพาหลินเซี่ยขึ้นไปชั้นบน แล้วเรียกเฉินเจียวั่งให้มาด้วยกัน “เจียวั่ง เข้ามาเถอะ เราสามคนจะช่วยกันวิเคราะห์มันด้วยกัน”

เห็นได้ชัดว่าในเวลานี้ปู่ย่าของเขาค่อนข้างเอนเอียงไปทางเสิ่นเสี่ยวเหมย

เป็นธรรมดาที่คนเรามักจะเห็นใจผู้ที่อ่อนแอกว่าเสมอ

ที่สำคัญคือเสิ่นเสี่ยวเหมยกำลังตั้งท้องเหลนคนแรกของพวกเขา

มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเด็ก อีกทั้งทุกอย่างก็เกิดขึ้นในร้านหลินเซี่ย ต่อให้มันจะไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่นั่นก็ก่อให้เกิดปัญหามากมายตามมาไม่จบสิ้น

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เสแสร้งเก่งจริงนะยัยถังขยะ ระวังตัวเองไว้เถอะ อีกหน่อยเจ้ากรรมนายเวรในรูปของผัวกับลูกลับๆ ก็จะมาแล้ว

ก่อนอื่นเลยต้องหาหลักฐานมายืนยันให้ได้ว่ายัยเหมยเน่านั่นไม่ได้ท้องมาตั้งแต่แรก แล้วทุกอย่างก็จะคลี่คลายได้

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท