ตอนที่ 812 โดนจับกลางดึก (1)
ในเวลาตีสองราวตีสาม ขณะที่เก๋อเก๋อฝูแห่งราชวงศ์ชิงที่อยู่เคียงข้างเขากรนดังดั่งฟ้าร้อง อู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบงัน
เขาใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปที่ประตูอย่างแผ่วเบา ก่อนขโมยสีและแปรงที่ใช้ทาสีจากชั้นหนึ่งไปโดยไม่มีใครมองเห็น
จากนั้นเขาก็เล็ดลอดออกจากชุมชนและวิ่งไปจนถึงบ้านของหลินม่าย ใช้สีแดงในถังนั้นเขียนเป็นอักษรขนาดใหญ่บนผนังบ้านของเธอว่า ‘ไปตายซะ!’
เมื่ออู๋เสี่ยวเจี๋ยนคิดว่าเพื่อนบ้านของหลินม่ายเห็นเส้นตัวอักษรสีแดงสดบนผนังบ้านของเธอและพูดถึงมันในวันรุ่งขึ้น เขาก็ยิ้มด้วยความโล่งใจ
เขาสาปแช่งในใจที่หญิงสารเลวคนนี้ทำให้เขาขายหน้า! เขาปรารถนาจะสังหารเธอให้ตาย!
ขณะที่เขากำลังจะจากไป ทันใดนั้นก็พลันได้ยินเสียงคนตะโกน “มีคนจุดไฟ! มีคนจุดไฟ! มาช่วยกันดับไฟเร็วเข้า!”
ทันใดนั้นเสียงเห่าขรมของอาหวงที่อยู่ในลานบ้านก็ดังขึ้นจนลั่นไปทั่วทั้งซอย
เมื่ออู๋เสี่ยวเจี๋ยนมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงงเพื่อดูว่ามีไฟอยู่ที่ใด เขาพลันเห็นคบไฟจากที่ไหนไม่รู้ถูกโยนเข้าไปในเรือนสี่ประสานสามวงอันสงบเงียบและงดงามของหลินม่าย
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและเตรียมจะวิ่งหนี
ทันใดนั้นประตูลานบ้านของหลินม่ายก็เปิดออก สุนัขตัวใหญ่วิ่งออกมาเห่า และพุ่งตรงมาหาเขาราวกับมีเป้าหมายที่ชัดเจน
ป้าแม่บ้านที่ตามมารีบตะโกน “อาหวง อย่ากัดเขา!”
อาหวงเชื่อฟังมาก มันไม่กัดอู๋เสี่ยวเจี๋ยน แต่งับเข็มขัดที่คาดไว้นอกเสื้อของเขา
มันวิ่งเขามาคาบเข็มขัดของเขาไว้เพื่อไม่ให้เขาหลบหนีไป แน่นอนว่าหากถูกกัดไว้แบบนี้เขาจะหนีไปไหนไม่ได้
ในเวลานี้ผู้คนในซอยทั้งหมดก็ตื่นขึ้น ทั้งหมดต่างวิ่งออกไปขณะกำลังสวมชุดนอน
เมื่อเห็นอาหวงกัดเข็มขัดของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่ยอมปล่อย ทุกคนก็รุมล้อมเขา
ชาวบ้านถามป้าพี่เลี้ยงของครอบครัวหลินม่ายและฟางจั๋วหรานว่าเกิดอะไรขึ้น
ป้าแม่บ้านตอบด้วยความตกใจ “ฉันกำลังหลับและได้ยินเสียงคนตะโกนว่ามีคนจุดไฟ จากนั้นฉันก็ได้ยินอาหวงเห่าอย่างดุร้ายและเห็นเปลวไฟที่สนาม ฉันที่รีบออกจากห้องและเห็นว่าคุณหมอฟางดับไฟด้วยถังดับเพลิงแล้ว เลยรีบเปิดประตูลานบ้านเพื่อดูว่าใครเป็นคนจุดไฟ หลังเปิดประตู อาหวงก็พุ่งออกไปกัดผู้ชายคนนี้ เขาน่าจะเป็นคนวางเพลิงแหละค่ะ!”
ใบหน้าของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนบิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัวและปกป้องตัวเองด้วยความตื่นตระหนก “ผมไม่ใช่คนวางเพลิง มีคนอื่นขว้างคบเพลิงเข้ามา!”
“คุณไม่ใช่คนวางเพลิง? แล้วทำไมคุณถึงมาโผล่ในละแวกบ้านของเรากลางดึก?”
เพื่อนบ้านหลายคนมองไปยังอู๋เสี่ยวเจี๋ยนและตั้งคำถาม
เพื่อนบ้านหลายคนเห็นพู่กันสีแดงเปื้อนสีในมือและถังสีที่เท้า จึงถามอย่างเย็นชา “นี่เที่ยงคืนแล้ว คุณเอาสีมาทำไม?”
“ไม่…ไม่ใช่ของผมนะครับ” อู๋เสี่ยวเจี๋ยนรีบโยนแปรงทิ้ง
เพื่อนบ้านในละแวกนั้นเห็นตัวอักษรสีแดงเลือดสองสามตัวบนผนังลานบ้านของหลินม่ายก็ตะโกนขึ้นมา “ดูสิ บนกำแพงนี้เขียนว่าอะไร?”
ทุกคนมองผ่านโคมไฟถนนสลัว ๆ จากนั้นก็ระเบิดอารมณ์ทันที
“เห็นอยู่ทนโท่ว่าชายคนนี้เพิ่งใช้แปรงในมือเขียนคำพวกนี้ แต่เขากลับบอกว่าตัวเองไม่ใช่คนวางเพลิงเนี่ยนะ!”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนแย้ง “ผมเขียนคำพวกนี้ก็จริง แต่ผมไม่ได้วางเพลิงจริง ๆ นะ”
เพื่อนบ้านคนหนึ่งพูดอย่างเหยียดหยาม “แต่เมื่อครู่คุณบอกว่าสีและแปรงไม่ใช่ของคุณ แต่พอเราจับได้คุณก็สารภาพว่าเป็นคนเขียนคำพวกนั้น เป็นเพราะเราไม่ได้จับได้ว่าคุณวางเพลิง คุณก็เลยไม่ยอมรับสารภาพใช่ไหม?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่สามารถโต้แย้งได้ “ไม่… ไม่ใช่แบบนั้น!”
ทันใดนั้นฟางจั๋วหรานก็กดใบหน้าของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนลงบนสีที่ยังไม่แห้งและพูดอย่างดุเดือด “เลียคำพวกนี้ออกให้สะอาด!”
สีน้ำมันนี้มีพิษ หากเขาต้องเลียมันจนสะอาด เขาอาจโดนพิษจนตายได้
คุณปู่ฟางหยุดเขาไว้ พลางกล่าวขึ้น “ฉันไม่อนุญาตให้มีการรุมประชาทัณฑ์ ส่งเขาไปที่สถานีตำรวจ ปล่อยให้ตำรวจเป็นคนจัดการ”
ฟางจั๋วหรานระงับโทสะและพยักหน้า “ ผมจะส่งคนวางเพลิงคนนี้ไปที่สถานีตำรวจหลังจากที่เขาลบคำพวกนี้ออกแล้ว”
เพื่อนบ้านพากันถามว่ามีอะไรที่พวกเขาสามารถช่วยได้หรือไม่
ฟางจั๋วหรานปฏิเสธพลางกล่าว “ไม่ครับ ทุกคนกลับบ้านไปเถอะ เพราะนี่เป็นเรื่องของครอบครัวเรา ผมไม่อยากรบกวนเวลานอนของพวกคุณ”
เพื่อนบ้านบอกกล่าวต่อเขาว่า หากต้องการพยานก็มาหาพวกเขาได้ทุกเมื่อ จากนั้นจึงจากไป
การเขียนตัวอักษรด้วยสีนั้นทำง่ายและลบได้ยาก
เป็นไปไม่ได้ที่ฟางจั๋วหราน คุณปู่ฟาง และคุณย่าฟางจะอดทนเฝ้าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนทำความสะอาด เว้นแต่พวกเขาจะไม่นอน
พวกเขามอบงานอันรุ่งโรจน์นี้ให้อาหวง จากนั้นคุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และป้าแม่บ้านก็เข้าไปนอน
ฟางจั๋วหรานนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น รอให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนขัดสีเหล่านั้นออกให้สะอาด
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา หากเขารู้ว่าต้องทำความสะอาดด้วยตัวเอง แน่นอนว่าเขาจะไม่เขียนมัน
เขาสงสัยว่าทุกอย่างเป็นแผนการของหลินม่าย ไม่เช่นนั้นจะมีคนมาลอบวางเพลิงในช่วงเวลาเดียวกันกับเขาได้อย่างไร?
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเกลียดหลินม่ายอย่างมาก
ผู้หญิงเลวคนนี้มีพิษสงมากเกินไป ถูกต้องแล้วหากเขาจะเกลียดชังเธอ
เพ่ยเพ่ยยอดรักต่างหากที่เป็นคนดี หล่อนจะไม่ทำแบบนี้อย่างแน่นอน
การสาปแช่งหลินม่ายในใจไม่ได้ทำให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด
หากไม่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ เขาก็จะต้องจำคุก
เขาเช็ดตัวอักษรสีแดงขนาดใหญ่ทั้งหมดบนผนังอย่างกระวนกระวาย จนเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง
ทันใดนั้นเขาก็มีแผนการหลบหนีที่ยอดเยี่ยม
นั่นคือเมื่อสุนัขตัวใหญ่ที่เฝ้าเขาเข้าไปแจ้งฟางจั๋วหรานว่าเขาได้เช็ดตัวอักษรขนาดใหญ่ที่เขียนด้วยสีแดงจนหมดจด เขาก็จะเปิดประตูลานบ้านและวิ่งหนีไป
ในเวลานั้น แม้ว่าสุนัขตัวใหญ่จะได้ยินเสียงวิ่งหนี แต่มันก็ไม่สามารถเปิดประตูลานขนาดใหญ่ได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นมันจึงทำได้เพียงเห่าและแจ้งให้ฟางจั๋วหรานทราบ
มีเวลาหลายนาทีที่เขาสามารถหลบหนีได้
ตราบใดที่เขาหนีออกจากตรอกนี้ได้ ก็จะถือว่าเขาสามารถหลบหนีได้อย่างสมบูรณ์
แม้ว่าฟางจั๋วหรานจะไปพบตำรวจ ตำรวจก็จะไม่จับเขาในฐานะผู้ต้องสงสัยเพราะคดีลอบวางเพลิง และเขาจะปลอดภัย
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนตื่นเต้นจนหัวใจเต้นแรง และชื่นชมในความเฉลียวฉลาดของตัวเองที่สามารถคิดหาวิธีที่ดีในสถานการณ์ที่สิ้นหวังได้
เขาก้มหัวให้อาหวงพลางกล่าว “รีบไปแจ้งนายของแกสิ ฉันลบตัวอักษรทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว”
จากนั้นเขาก็รออย่างเงียบงันเพื่อให้อาหวงเข้าไปในบ้าน เพื่อที่เขาจะได้รีบหนีไป
แต่อาหวงนั่งลงกับพื้น ไม่แม้แต่จะขยับตัว เอาแต่เห่าอยู่หลายครั้ง
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนตกตะลึง เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสุนัขตัวนี้จะใช้การเห่าเพื่อบอกเจ้าของของมันแทน
แล้วเค้าจะวิ่งหนีได้อย่างไร?!
เขาทำได้เพียงยืนนิ่ง
จากนั้นไม่นาน ฟางจั๋วหรานก็ออกมาโดยไม่เร่งรีบและแตะหัวของอาหวง “พรุ่งนี้เที่ยงฉันจะให้กระดูกชิ้นใหญ่เป็นรางวัลกับแกนะ แถมเป็นแบบที่มีเนื้อติดด้วย”
อาหวงดีใจจนสะบัดหางและร้องหอนด้วยความตื่นเต้น
กระดูกชิ้นโตติดเนื้อเป็นของโปรดของมัน
ฟางจั๋วหรานเงยหน้าขึ้นและส่องไฟฉายไปยังผนัง ขณะที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนแอบมองไปยังฟางจั๋วหรานผู้กำลังส่องไฟฉาย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ก๊ากกก หมาบ้านนี้ฉลาดเถอะ คิดว่าแผนตื้นๆ ของแกจะทำอะไรบ้านหลินม่ายได้งั้นเหรอ
ไหหม่า(海馬)