ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 273 อาจมีคนจงใจใส่ร้าย

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 273 อาจมีคนจงใจใส่ร้าย

ตอนที่ 273 อาจมีคนจงใจใส่ร้าย

หลินเยี่ยนละล่ำละลักพูดไม่เป็นภาษา หลินเซี่ยเลยดึงหล่อนเข้าไปในร้านตัดผมก่อน “ไม่ต้องร้องแล้ว ฉันอยู่นี่แล้ว เดี๋ยวค่อย ๆ แก้ปัญหากัน”

“ฉันจะไปเรียกพี่ชาย”

หลินจินซานทำงานเข้ากะกลางคืน เวลานี้น่าจะยังหลับพักผ่อนอยู่

เมื่อหลินเซี่ยตามหาหลินจินซาน แม้แต่เซี่ยไห่และคนอื่นก็พลอยตื่นตระหนกไปด้วย

ลู่เจิ้งอวี่ไปเยี่ยมชมห้องเต้นรำโดยเซี่ยไห่เป็นคนอนุญาต ส่วนเฉียนต้าเฉิงและคนอื่น ๆ ก็มากันหมดแล้ว

หลินจินซานเพิ่งจะขึ้นไปนอนด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อเขาได้ยินว่าหลิวกุ้ยอิงถูกจับตัวไป เขาก็ถามอย่างกังวลใจว่า “แม่ถูกพาตัวไปที่ไหน? เราต้องไปช่วยแม่เดี๋ยวนี้เลย”

ทันทีที่หลินเยี่ยนเล่าเหตุการณ์ หล่อนก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าดุเดือด

“นั่นไงคนพวกนั้น” หลินเยี่ยนตกใจมากจนย่อตัวแล้วไปหลบอยู่ด้านหลังหลินจินซาน

ชายวัยกลางคนเหมือนเป็นผู้นำกลุ่มคนเหลือบมองพวกเขาอย่างมาดร้ายแล้วถามว่า “เธอคือลูกสาวของหลิวกุ้ยอิงใช่ไหม? เหลียงเฝิ่นที่แม่เธอทำมันสกปรกโสโครก แม่ฉันอาหารเป็นพิษหลังจากกินมันเข้าไป ตอนนี้แม่เข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล บอกมาสิว่าจะชดเชยให้ยังไง?”

“ใช่แล้ว ถ้ามันรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ใครจะรับผิดชอบ?”

หลินเซี่ยเปิดประตู และเข้ามาพูดอย่างสุภาพ “ทุกคนใจเย็นก่อนนะคะ เข้ามาคุยกันดี ๆ เถอะ”

“ไม่เข้าไปหรอก เราจะคุยกันตรงนี้ เราแค่อยากประจานให้ทุกคนรู้ว่าเหลียงเฝิ่นร้านเธอมันเป็นสกปรก”

หลินจินซานปกป้องน้องสาวทั้งสองให้ไปหลบอยู่ข้างหลัง ยืดหลังตรงและโต้แย้งกับพวกเขาว่า “ถ้ามันสกปรกจริงงั้นทำไมแม่คุณถึงป่วยอยู่คนเดียว? แม่กับน้องสาวฉันตั้งแผงขายของที่นั่นมาหลายเดือนแล้ว และเราก็ขายหมดตั้งแต่เช้าทุกวัน ทำไมแม่คุณถึงเพิ่งมาปวดท้องเอาตอนนี้? แล้วทำไมคนอื่นไม่เห็นเป็นอะไร?”

“อย่ามาแก้ตัวดีกว่า พวกเธอต้องรับผิดชอบเรื่องนี้”

“แม่คุณถูกส่งเข้าโรงพยาบาลไหน? พวกเราขอไปดูอาการเธอหน่อย”

“ยังไงก็อย่าลืมพกเงินติดตัวไปด้วยแล้วกัน พวกเธอต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล เพราะนี่เป็นความรับผิดชอบของพวกเธอ เราไม่ยอมแน่ นอกจากจะไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจแล้ว สุขอนามัยยังยอดแย่ แล้วยังกล้าออกมาตั้งแผงขายอีก ไม่ว่ายังไงเธอจะปัดความรับผิดชอบนี้ไม่ได้”บราวนี่ออนไลน์

เซี่ยไห่พูดกับทุกคนว่า

“เดี๋ยวเราแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่ม เซี่ยเซี่ยกับฉันจะไปสถานีตำรวจเพื่อดูว่าต้องทำเรื่องอะไรบ้าง ส่วนจินซาน เจิ้งอวี่ และต้าเฉิงไปโรงพยาบาลเพื่อติดตามอาการป่วยของแม่เขา อย่าลืมถามหมอด้วยว่าอาการอาหารเป็นพิษเกิดจากอะไร ถ้าทางนี้กลับจากสถานีตำรวจเมื่อไหร่จะรีบตามไปที่โรงพยาบาลทันที”

เซี่ยไห่ถามหลินเยี่ยน “จริงสิ เหลียงเฝิ่นที่เหลือยังมีอยู่ไหม?”

หลินเยี่ยนตอบ “ถูกตำรวจยึดไปหมดแล้วค่ะ”

เซี่ยไห่และหลินเซี่ยจึงรีบไปสถานีตำรวจทันที ทางหลิวกุ้ยอิงนั้นถูกพาตัวไปลงบันทึกประจำวันและถูกควบคุมตัวอยู่ที่นั่น โดยอยู่ในสภาพตื่นตระหนก

เมื่อเห็นหลินเซี่ยและเซี่ยไห่เข้ามา หลิวกุ้ยอิงร้องห่มร้องไห้พลางพูดว่า

“เซี่ยเซี่ย แม่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อาหารของเราไม่มีอะไรผิดปกติจริง ๆ เสี่ยวเยี่ยนและแม่ให้ความสำคัญกับสุขอนามัยเสมอ เราทำทุกอย่างวันต่อวัน ทั้งยังสวมหน้ากากอนามัยระหว่างทำด้วย มันไม่มีทางสกปรกแน่นอน“

หลินเซี่ยจับมือเธอเบา ๆ และพูดปลอบใจ “แม่คะ ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

หลินเซี่ยและเซี่ยไห่ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบเรื่องนี้ โดยตำรวจชี้ว่าการตั้งแผงขายของโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจถือว่าขัดต่อกฎหมาย และควรได้รับบทลงโทษตามกฎหมายถ้ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น แม้หลินเซี่ยจะเสนอให้จ่ายค่าประกันตัวก่อน แต่ทางตำรวจจะยังไม่ปล่อยตัวแม่ของเธอ

ถังจวิ้นเฟิงถูกเซี่ยไห่เรียกตัวมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ถังจวิ้นเฟิงให้การรับประกัน และขอให้หลินเซี่ยจ่ายค่าประกันตัว หลิวกุ้ยอิงจะได้รับการปล่อยตัวก่อน ส่วนเรื่องคดีจะค่อย ๆ ดำเนินไปทีละขั้น

“ทางเราจะส่งรถเข็นแผงอาหารของคุณให้ทางกรมอาหารและยาทำการตรวจสอบ ไม่ว่าคุณจะมีส่วนผิดหรือไม่ก็ตาม เนื่องจากคนคนนั้นเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล คุณควรให้ความร่วมมือกับเราและไปพบหมอก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าหล่อนปลอดภัยดี แล้วจะได้จัดการเรื่องนี้ทีหลัง”

หลังจากหลิวกุ้ยอิงได้รับการประกันตัว ทุกคนก็ไปโรงพยาบาลทันที

ขณะนี้หลินจินซานกำลังทะเลาะกับสมาชิกในครอบครัวฝั่งคู่กรณี ส่วนลู่เจิ้งอวี่และหลินเยี่ยนก็กำลังช่วยกันโต้เถียง

เซี่ยไห่ตวาดใส่หลินจินซาน “หยุดเถียงก่อน”

หลินจินซานสงบลง และไปยืนอยู่ข้างเขา

หลินเซี่ยเจรจากับครอบครัวฝั่งนั้นว่า “เราจะสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลล่วงหน้าไปก่อน จนกว่าผลการสอบสวนจะออกมา ถ้าไม่ใช่ความรับผิดชอบของเรา คุณจะต้องคืนเงินทั้งหมดอย่างเต็มจำนวน และจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายด้วย ในข้อหาใส่ร้ายฉ้อโกง”

เซี่ยไห่เห็นว่าครอบครัวนี้ชั่วร้ายพอ ๆ กับพวกอันธพาลในสังคม เขาจึงดึงถังจวิ้นเฟิงเข้ามาแล้วพูดว่า “ผมขอแนะนำให้พวกคุณรู้จักเพื่อนของผม เขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งประจำการอยู่ที่สถานีรถไฟไห่เฉิง ส่วนผมเป็นเจ้าของห้องเต้นรำสวินเมิ่ง เธอเองก็เป็นหลานสะใภ้ของอดีตผู้บัญชาการกองทหาร แม่เธอเป็นเจ้าของแผงขายอาหารนี้ ผมคิดว่าพวกคุณอย่าได้หาเรื่องตุกติกอะไรจะดีกว่า ถ้าอาหารของเรามีปัญหาจริง เราจะรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด แต่ถ้าอาการอาหารเป็นพิษของแม่คุณเกิดจากสาเหตุอื่น เราไม่ปล่อยพวกคุณไปแน่”

รังสีของเซี่ยไห่นั้นแข็งแกร่งมาก ทำให้ท่าทางของสมาชิกในครอบครัวฝั่งคู่กรณีอ่อนแอลงไม่น้อย

เซี่ยไห่บอกกับเฉียนต้าเฉิงและคนอื่นว่า “เพื่ออำนวยความสะดวกในการดูแลผู้ป่วย เราจะส่งคนสักสองคนมาเฝ้าประตูวอร์ดไว้ และคอยรายงานทุกอย่างทันทีเมื่อมีปัญหา”

เซี่ยไห่และหลินเซี่ยไปพบหมอเจ้าของไข้ หมออธิบายว่า “ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยเบื้องต้นว่าเป็นโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบเฉียบพลัน เนื่องจากการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม และการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในทางเดินอาหาร หล่อนมีอาการอาเจียนและท้องเสีย แต่หล่อนเป็นผู้สูงอายุค่อนข้างอ่อนแอ อาจจะต้องอยู่ต่ออีกสักสองสามวันเพื่อดูอาการ”

หลินเซี่ยทำเรื่องจ่ายค่ารักษาพยาบาล ส่วนทางครอบครัวคู่กรณีต้องการให้หลิวกุ้ยอิงมาคอยดูแลแม่พวกเขาที่นี่

ไม่อย่างนั้นจะต้องจ่ายค่าชดเชยการทำงานให้พวกเขา

“คนของเราอยู่หน้าประตูแล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรก็คุยกับพวกเขาได้ ถ้าอาหารเรามีปัญหาจริง ๆ เราจะจ่ายค่าชดเชยตามวันที่แม่คุณไม่ได้ไปทำงาน”

หลินเซี่ยพูดต่อว่า “เราจะขอให้หมอที่มีชื่อเสียงและเชื่อถือได้มาตรวจสุขภาพให้แม่คุณอย่างละเอียด ว่าสาเหตุของอาหารเป็นพิษเกิดจากอะไรกันแน่ แล้วเราจะได้รู้กันเร็ว ๆ นี้”

หลังจากจ่ายค่ารักษา ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน

ทางด้านหลิวกุ้ยอิงก็เน้นย้ำอยู่เสมอว่าเหลียงเฝิ่นที่ทำอยู่ไม่มีปัญหาแน่นอน

“เซี่ยเซี่ย คิดว่ามีอะไรน่าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม?” เซี่ยไห่ถามหลินเซี่ย

“แน่นอนว่าต้องมี” หลินเซี่ยพูดพลางแสดงสีหน้าเศร้าหมอง

ถังจวิ้นเฟิงมองหลินเซี่ยด้วยความประหลาดใจ “คุณหมายถึงมีคนจงใจใส่ร้ายงั้นเหรอ?”

หลินเซี่ยพยักหน้า “นั่นคือสิ่งที่ฉันคาดเดา”

“พี่อิงจื่อ คุณเคยทำให้ใครขุ่นเคืองมาก่อนหรือเปล่า?”

เมื่อได้ฟังคำถามจากเซี่ยไห่ หลิวกุ้ยอิงก็ดูสับสน

“คิดว่าไม่ เสี่ยวเยี่ยนและฉันตั้งแผงขายของทุกวันตามปกติ นอกจากพวกคุณแล้ว เราก็ไม่รู้จักใครเลย”

ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถังจวิ้นเฟิงต้องเผชิญกับคดีทุกประเภท จึงไม่อยากให้คดีนี้เป็นการคาดเดาด้วยทฤษฎีสมคบคิด

“คุณคิดมากไปหรือเปล่า? บางทีเธอคนนั้นอาจกินอย่างอื่นแล้วบังเอิญมากินเหลียงเฝิ่นทีหลังก็ได้ จากนั้นก็เกิดปัญหาเรื่องทางเดินอาหารพอดี เพื่อจะประหยัดค่ารักษาพยาบาล ครอบครัวนั้นเลยจงใจปัดความรับผิดชอบให้เหลียงเฝิ่นของป้าหลิว”

หลินเซี่ยยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนั้น”

เฉินเจียเหอกลับมาจากเลิกงาน และได้ข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่ยาย

“เราคงต้องรักษาผู้ป่วยไปก่อน”

เขาพูดกับหลิวกุ้ยอิงว่า “แม่ครับ ระยะนี้คงจะยังออกไปตั้งแผงขายของไม่ได้ ถือซะว่าใช้ช่วงเวลานี้เพื่อหยุดพักผ่อนไปก่อนแล้วกันนะครับ”

เซี่ยไห่ตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “ใช่แล้ว เราพักกันสักหน่อยเถอะ บังเอิญว่าแม่ฉันและพี่ใหญ่ก็ซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว ไว้พวกเขามาถึง เรามาย้อนวันวานนึกถึงช่วงเวลาดี ๆ กัน ส่วนเรื่องตั้งแผง เดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลัง”

หลิวกุ้ยอิงไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยถึงแม้จะได้ยินชื่อของเซี่ยเหลย

ตั้งแต่พวกเธอมาที่ไห่เฉิงเพื่อทำธุรกิจแผงขายอาหาร ธุรกิจของพวกเธอก็ไปด้วยดี โดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาสามารถรักษารายได้มากกว่าสามสิบหยวนคงที่ทุกวัน ในเวลาแค่สองเดือนก็เก็บเงินได้แล้วหนึ่งพันหยวน ถึงจะเหน็ดเหนื่อยไปบ้างแต่พวกเธอก็มีแรงบันดาลใจที่จะสู้ต่อ

เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เงินที่ได้รับอาจไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้คู่กรณี

“แม่ ไม่ต้องกังวลนะคะ เรื่องนี้จะต้องถูกตรวจสอบ”

หลิวกุ้ยอิงปาดน้ำตา ราวกับความหวังในชีวิตทั้งหมดกำลังแหลกสลายเป็นเถ้าถ่าน

กว่าจะตั้งหลักในเมืองใหญ่ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เฉินเจียเหอฟังเรื่องราวโดยละเอียดจากหลิวกุ้ยอิงและหลินเยี่ยน จากนั้นวิเคราะห์ว่า “ขายไปมากกว่าหกสิบชาม มีหล่อนแค่คนเดียวเท่านั้นที่ป่วยจนเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการปวดท้อง เห็นได้ชัดเลยว่านี่ไม่ใช่ปัญหาจากอาหารของพวกคุณแน่”

เซี่ยไห่พูดขึ้นว่า “แต่พี่อิงจื่อไม่เคยมีปัญหากับใครเลย หล่อนตั้งแผงขายอาหารริมถนน แล้วอาหารที่ขายก็ต่างจากร้านอาหารแถวนั้นด้วย จะไปมีคู่แข่งที่ไหนกัน หรือจะเป็นอย่างที่จวิ้นเฟิงพูด หล่อนคนนั้นอาจท้องไส้ไม่ดีอยู่แล้ว ครอบครัวหล่อนเลยหาข้ออ้างเพื่อรีดไถค่ารักษาพยาบาลหรือเปล่า?”

หลินเซี่ยส่ายหน้า “ฉันคิดว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”

นับตั้งแต่ที่เธอถูกเสิ่นเสี่ยวเหมยใส่ร้าย หลินเซี่ยก็ไม่เชื่อเรื่องบังเอิญแบบนี้อีกต่อไป

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ถ้าให้เดานะ ผู้แปลเดาว่าเป็นฝีมือยัยเหมยเน่าหรือไม่ก็คนในตระกูลเสิ่นไปให้สินบนครอบครัวนี้มาใส่ร้ายแม่เซี่ยเซี่ย ดูทรงแล้วมีแต่คนตระกูลนี้แหละที่น่าจะทำอะไรชั่วๆ แบบนี้ได้

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท