ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 298 ไปหาพ่อ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 298 ไปหาพ่อ

ตอนที่ 298 ไปหาพ่อ

เมื่อเซี่ยอวี่ออกไปจากห้องเต้นรำ เจียงอวี่เฟยก็ถามด้วยความสงสัย “นั่นใครเหรอ? ออร่าจับมากเลย แถมยังดูทันสมัยมาก ๆ ด้วย”

“อาหญิงฉันเอง” หลินเซี่ยตอบอย่างเฉยเมย

“อาหญิงเธอเหรอ? จากครอบครัวฝั่งไหนเนี่ย?”

มีหลายชื่อสกุลแวบขึ้นมาในใจของเจียงอวี่เฟย

ตระกูลเสิ่น? ตระกูลหลิน? หรือเป็นผู้หญิงจากทางฝั่งของเฉินเจียเหอ?

“จากตระกูลเซี่ยน่ะ”

“ตระกูลเซี่ย?” เมื่อได้ยินคำตอบ เจียงอวี่เฟยมองหน้าเธอด้วยความสงสัย “เธอมีญาติสกุลเซี่ยด้วยเหรอ?”

“เอาล่ะ ไปทำหน้าที่ของตัวเองก่อน แล้วฉันจะเล่าให้ฟังหลังเสร็จงาน”

หลินเซี่ยยกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นมา แลดูเหมือนช่างส่วนตัวของเจียงอวี่เฟยไม่มีผิด

หลังจากมาถึงจุดเตรียมตัว ผู้รับผิดชอบงานก็เริ่มขานชื่อตามหมายเลขแล้ว

หมายเลขของเจียงอวี่เฟยอยู่ลำดับต้น ๆ วันนี้ไม่เพียงแต่จะมีการแสดงชุดว่ายน้ำเท่านั้น ยังมีรอบชุดราตรีด้วย

เมื่อแต่งหน้าทำผม เปลี่ยนเสื้อผ้า สวมเสื้อคลุมทับเสร็จแล้ว ทุกคนจะต้องมารอหลังเวทีก่อนขึ้นแสดง

เป็นครั้งแรกที่มีการจัดงานแบบนี้ สตาฟของงานต่างดูเร่งรีบ หลังเวทีก็วุ่นวายมาก พวกเขาจัดการเรื่องนั้นเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นป้ายชื่อ ใบลงทะเบียนไม่ตรงกัน และอีกหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หลินเซี่ยนั่งอยู่ที่นั่นด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เธอคิดว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้มีส่วนร่วมอยู่หลังเวทีการประกวดนางแบบครั้งแรก และยังได้เห็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์

เพราะนอกเหนือจากการประกวดนี้แล้ว ภายนอกยังมีกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ มากมาย ผู้ชมหลายคนต่างมีความเห็นต่างกัน ในเวลานี้เลยยังไม่มีการเปิดให้คนนอกเข้าชม แต่ถ้าเป็นญาติหรือพี่น้องผู้เข้าประกวดจะสามารถเข้ามานั่งรอชมได้

หลังจากผู้เข้าประกวดมารวมตัวกัน และกรรมการต่างมาประจำที่แล้ว พิธีกรจะขึ้นมาบนเวทีและเริ่มดำเนินรายการ

แม้ไฟบนเวทีจะไม่หวือหวาและสวยงามเหมือนสมัยใหม่ แต่ก็เรียบง่ายและดูดีไม่น้อย ให้ความรู้สึกถึงยุคสมัยที่กำลังเปลี่ยนไป

หลินเซี่ยยืนอยู่ด้านล่างด้วยความตื่นเต้นและเป็นกังวล

เธอเห็นว่าในบรรดากรรมการมีดารารุ่นเก่าซึ่งทำงานในวงการบันเทิงมาหลายชั่วอายุคนอยู่ด้วย

เมื่อการแสดงชุดว่ายน้ำเริ่มขึ้น ผู้เข้าประกวดเดินขึ้นเวที ผู้ชมด้านล่างต่างส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจ

คาดไม่ถึงหวังว่าจะมีการเปิดเผยเนื้อหนังขนาดนี้

ขณะกล้องกำลังบันทึก สีหน้าของญาติ พี่น้อง และเพื่อนบางคนดูเคร่งขรึมขึ้น

แต่งกายแบบนี้ออกทีวี แล้วยังมีคนดูเกือบทั้งประเทศ มันไม่ผิดธรรมเนียมประเพณีไปหน่อยเหรอ?

ความอับอายขายหน้าทั้งหมดเหมือนถูกโยนเข้าหน้าบ้านคุณยาย

คนที่สงบที่สุดในบรรดาฝูงชนตอนนี้มีแค่หลินเซี่ย

สิ่งเดียวที่เธอกังวลคือ เจียงอวี่เฟยอาจประหม่าจนเผลอทำผิดพลาดบนเวที

ผู้เข้าประกวดหลายคนต่างกังวลกับโชว์ชุดว่ายน้ำของการประกวดครั้งแรกนี้ แม้รูปร่างหน้าตาพวกเธอจะดูโดดเด่นกันมาก แต่กลับสูญเสียความมั่นใจเพราะแต่งตัวแบบนี้ขึ้นเวที ขณะนั้นผู้เข้าประกวดคนหนึ่งถึงกับยกมือปิดหน้าเมื่อสปอตไลท์ส่องมากระทบหน้า หล่อนรีบกุมหน้าอกเอาไว้ ก่อนหันหลังกลับแล้ววิ่งมาข้างหลังเวทีด้วยความแตกตื่น

เมื่อถึงตาเจียงอวี่เฟยขึ้นเวที ดวงตาของเหล่ากรรมการก็สว่างวาบ

“สาวน้อยคนนี้ดูดีมาก รูปร่างกับบุคลิกโดดเด่นใช้ได้”

“อืม รูปร่างโดยรวมดูสบายตาทีเดียว”

“แต่ละก้าวก็มั่นคง ดูมั่นใจ และเป็นระเบียบ ตรงกับมาตรฐานการประกวดของเราหมดเลย”

เนื่องจากการประกวดนี้จะมีการออกอากาศทางโทรทัศน์ ทางผู้จัดงานก็พยายามอย่างหนักเช่นกันเพื่อประคับประคอง ถ้าผู้เข้าประกวดถอนตัว เกรงว่าจะไม่มีงานครั้งที่สองเกิดขึ้นเป็นแน่

เจียงอวี่เฟยเป็นที่สะดุดตาที่สุดในบรรดาผู้เข้าประกวดบนเวที หลินเซี่ยยืนอยู่ด้านล่างพร้อมกับรอยยิ้มที่มีความสุขจนล้นอก

ช่างเป็นเด็กที่สอนได้จริง ๆ

หลังจากเจียงอวี่เฟยก้าวลงเวที หลินเซี่ยก็รีบสวมเสื้อคลุมให้หล่อนทันที

“เป็นไงบ้าง? ฉันกังวลไปหมดเลย”

หลินเซี่ยยกนิ้วให้เธอ “เยี่ยมยอดมาก”

หล่อนยกมือทาบอกและหายใจเข้าลึก “จริงเหรอ? งั้นฉันก็โล่งใจแล้วล่ะ พอผู้หญิงข้างหน้าวิ่งกลับเข้ามา ฉันก็อดตัวสั่นไม่ได้ โชคดีที่การแสดงจบลงอย่างราบรื่น”

“ไปพักผ่อนหลังเวทีกันเถอะ เดี๋ยวจะมีโชว์ชุดราตรีต่อ เราต้องจัดแต่งทรงผมกันใหม่สักหน่อย”

ทั้งสองหาที่นั่ง เจียงอวี่เฟยสวมเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ ประสานมือแล้วอธิษฐานว่า “ตอนนี้ขอให้พ่อไม่เห็นฉันขึ้นเวทีวันนี้ด้วยเถิด ไม่อย่างนั้นพ่อได้หักขาฉันทิ้งแน่

ในวันที่รายการออกอากาศ อย่าให้เขาดูทีวีหรืออ่านหนังสือพิมพ์เลย ยังไงก็เถอะ เธอใช้ชื่ออื่นอยู่แล้ว ต่อให้เขามาถามก็ไม่ต้องยอมรับ”

ขณะที่เธอพึมพำ หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาคว้าแขนหญิงสาวคนหนึ่งที่ยังไม่ทันมีเวลาให้แต่งตัว แล้วเดินออกไป “ฉันไม่ให้แกประกวดอะไรแบบนี้ ทำตัวน่าอับอายขายขี้หน้าจริง ๆ กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย”

หญิงสาวสวมเสื้อคาร์ดิแกนตัวยาวทับชุดว่ายน้ำ หลังถูกกระชาก ทำให้เสื้อคลุมหลุดหล่นลงพื้น จึงรู้สึกอับอายมาก

หญิงสาวขึ้นเสียงด้วยความโกรธ “แม่ แม่จะไปเข้าใจอะไร นี่คือแฟชั่นและสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพของผู้หญิง แม่ไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายอิสระของฉันนะ”

“แต่อิสรภาพมันไม่ใช่แต่งตัวเปลือยเปล่าและอับอายต่อหน้าคนทั้งประเทศแบบนี้ ตามฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”

แม่และลูกสาวยื้อยุดฉุดกระชากกันไม่หยุด จนหลายคนที่เฝ้าดูต่างกระซิบกระซาบกัน ส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้เข้าประกวดคนอื่น ๆ มาก ในที่สุดก็มีสตาฟงานเข้ามาห้ามพวกเธอแล้วพาไปที่สำนักงาน

สีหน้าของเจียงอวี่เฟยมืดมนลง เมื่อรู้สึกว่าสักวันตัวเองคงได้เปิดศึกกับเหล่าเจียง

หลินเซี่ยรู้ความคิดของหล่อนดี จึงปลอบใจด้วยรอยยิ้ม “อย่ากังวลเลย พ่อของเธอไม่ได้เข้มงวดขนาดนั้นสักหน่อย”

เจียงอวี่เฟยถอนหายใจเมื่อนึกว่าถ้าเป็นตัวเองโดนแบบนั้นบ้าง “ฉันเกรงว่ามันจะเลวร้ายยิ่งกว่านั้นน่ะสิ”

“ไป ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เดี๋ยวฉันจะแต่งหน้าให้ใหม่ รอบนี้เรารวบผมขึ้นตลอดการแสดงเลย”

เจียงอวี่เฟยปรับอารมณ์ตัวเอง เตรียมพร้อมสำหรับการประกวดรอบต่อไป

หลังจบการแสดงก็มีการประกาศผลคะแนนทันที อย่างที่คาดไว้ เจียงอวี่เฟยได้รับเลือกให้เข้าสู่รอบต่อไป

หลินเซี่ยปรบมืออย่างอบอุ่นพร้อมกับผู้ชม

การประกวดครั้งแรกนั้นมีคนเข้าร่วมไม่มาก ตราบใดที่ส่วนสูงและน้ำหนักของพวกหล่อนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และแสดงออกได้เป็นอย่างดีบนเวที ก็สามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้แล้ว

การประกวดจะเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากเข้าสู่รอบรองชนะเลิศและชิงชนะเลิศ

หลังรอบแรกจบลง พิธีกรจะขานชื่อผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้ารอบก่อน และจัดสรรเวลากับชี้แจงรายละเอียดในรอบถัดไป

ทันทีที่ทั้งสองออกจากสถานีโทรทัศน์ หญิงร่างอ้วน ดัดผม ก็เดินบิดเอววิ่งสวนเข้ามา ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในเวลาที่พวกเธอเพิ่งจะเดินออกไปพอดี หล่อนถามสตาฟงานว่า “ผู้เข้าประกวดที่ชื่อเจียงเฟยเฟยไปไหนแล้ว?”

“กลับไปแล้วค่ะ” สตาฟงานยิ้มแล้วหยอกล้อว่า “พี่ฮวา ดูร้อนใจจังเลย มีอะไรกับหล่อนหรือเปล่าคะ?”

“ฉันแค่อยากจะถามว่าหล่อนแต่งหน้าทำผมกับใคร ดูเหมือนไม่เคยเห็นหล่อนในห้องแต่งตัวผู้เข้าประกวดเลย” พี่ฮวาถามต่อ “แล้วมีที่อยู่ติดต่อของหล่อนบ้างไหม?”

“เหมือนจะมีนะคะ เดี๋ยวหาให้ค่ะ”

กว่าพวกเธอจะออกจากสถานีโทรทัศน์ก็เป็นเวลาห้าโมงครึ่งแล้ว

เจียงอวี่เฟยรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ หล่อนเสนอว่า “เซี่ยเซี่ย ไปร้านอาหารกันเถอะ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง”

“นี่ก็เย็นมากแล้ว เธอกลับบ้านก่อนเถอะ ไว้ค่อยเจอกันวันพรุ่งนี้ วันนี้ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำอยู่”

“เรื่องสำคัญอะไรเหรอ?” เจียงอวี่เฟยถาม

“ไปหาพ่อน่ะ”

“หืม? พ่อคนไหน? เสิ่นเถี่ยจวินเหรอ?” เจียงอวี่เฟยถามด้วยน้ำเสียงซุบซิบ “จริงสิ ฉันได้ยินใครบางคนแถวบ้านพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่ พวกเขาเล่าว่าผู้อำนวยการเสิ่นเผอิญสลับตัวเธอกับเสิ่นอวี้อิ๋งตอนเด็กมาเลี้ยงนี่เรื่องจริงไหม?“

น้ำเสียงของหลินเซี่ยเย็นชาทันที “จริง แต่ไม่ใช่เหตุบังเอิญอะไรหรอก เขาตั้งใจสลับตัวเด็กจริง ๆ”

“อะไรนะ? ตั้งใจเหรอ?” เจียงอวี่เฟยยกมือปิดปากด้วยความตกใจ

“ตกลงเรื่องนี้มันเป็นยังไงกันแน่? พ่อของฉันบอกด้วยว่าหลิวจื้อหมิงใส่ร้ายป้าหลิวจนเธอเปิดแผงขายอาหารไม่ได้อีก พวกเธอมีเรื่องอะไรกัน?”

“ผู้อำนวยการเสิ่นก็เป็นคนบงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เหมือนกัน ส่วนความจริงเรื่องการสลับตัวเด็กถูกเปิดเผยแล้ว เขาเป็นคนใส่ร้ายแม่ฉัน” หลินเซี่ยมองหล่อนอย่างมีความหมาย “พอกลับไปแล้วช่วยใช้เวลาคลุกคลีกับพวกป้า ๆ ให้มากขึ้นหน่อย เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม?“

เจียงอวี่เฟยเข้าใจดี “เข้าใจ”

“งั้นฉันขอตัวก่อนนะ”

หลินเซี่ยกลับมาที่ร้านตัดผมด้วยความเร่งรีบ

แน่นอนว่าเซี่ยไห่ เฉินเจียเหอ และหู่จือกำลังรออยู่นานแล้ว

แถมเฉินเจียเหอยังเตรียมของขวัญเป็นพิเศษไว้ให้อีกด้วย

“ขึ้นรถกันเลย”

สามพ่อแม่ลูกนั่งอยู่เบาะหลัง หลินเซี่ยกำมือแน่นด้วยความประหม่า ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อจนชุ่ม

เธอกำลังจะได้พบกับพ่อแท้ ๆ ของตัวแองแล้ว

ถึงอย่างนั้น อีกฝ่ายกลับไม่รู้เลยว่าเขามีเธอเป็นลูกสาว

ดังนั้น ไม่ว่าจะตื่นเต้นหรือกดดันแค่ไหนก็ตาม เธอก็ต้องเสแสร้งทำเป็นสงบเสงี่ยม

เฉินเจียเหอเหลือบมองเธอแล้วเอื้อมไปจับมือเธอไว้แน่น “ไม่ต้องกังวลนะ”

“อืม” หลินเซี่ยพยายามปรับอารมณ์ตัวเอง คิดเสียว่าตัวเองแค่ไปร่วมรับประทานมื้อเย็นที่บ้านญาติตามปกติ

เมื่อรถมาถึงที่หมาย หู่จือก็กระโดดลงจากรถ

หญิงชราชำเลืองมองไปทางประตู

เมื่อเห็นพวกเขาลงจากรถ นางก็รีบเข้าไปทักทาย

“เซี่ยเซี่ย หลานสาวแสนรักของฉันมาแล้ว เหลนชายตัวน้อยก็มาด้วย”

เซี่ยไห่เตือนด้วยความหงุดหงิดว่า “แม่ ผมรู้แล้วว่าเซี่ยเซี่ยเป็นหลานสาวแสนรักของแม่ แต่ช่วยหยุดพูดเรื่องนี้ก่อนได้ไหม?”

“ฉันลืมไปเสียสนิทเลย” นางจับมือหลินเซี่ยไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง และหู่จืออีกข้างหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านด้วยกันอย่างมีความสุข

เซี่ยไห่ถาม “พี่ใหญ่อยู่ไหนเหรอ?”

“พอได้ยินว่าเจียเหอจะมา เขาก็ยืนกรานว่าจะทำอาหารเอง ตอนนี้อยู่ในครัวโน่น”

หญิงชราพูดกับเฉินเจียเหอด้วยสีหน้ามีความสุขว่า “เจียเหอ ฉันขอบอกเลยนะว่าพ่อตามีความประทับใจในตัวเธอมาก พอได้ยินว่าวันนี้เธอจะพาภรรยาและลูกชายมากินมื้อเย็นด้วย เขาก็ขอให้เสี่ยวไห่พาออกไปจ่ายตลาดใกล้ ๆ ตั้งแต่ตอนบ่ายเพื่อเอาวัตถุดิบกลับมาทำอาหารด้วยตัวเอง เวลาเขาลงมือทำอาหารเอง มีแค่เฉพาะแขกพิเศษเท่านั้นนะถึงจะได้กิน ตลอดหลายปีที่อยู่ในฮ่องกง มีไม่กี่คนที่ได้ชิมรสมือของเขา”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ขอให้อวี่เฟยได้ทำงานที่รักโดยที่พ่อไม่รู้นะคะ

พี่เหลยจะจำใครได้บ้างไหมนะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน