ซือหม่าโยวเย่ว์เอาชนะหลี่มู่ได้ เรื่องนี้ก่อให้เกิดผลกระทบอันรุนแรงในหมู่บ้านภาพมังกร มิใช่เพียงเพราะผู้คนมากมายสูญเสียเงินพนันไปมหาศาลเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นก็คือพวกเขาต่างวิพากษ์วิจารณ์กันว่านักหลอมยาอายุยี่สิบสองปีมีระดับขั้นสูงกว่าหลี่มู่ซึ่งเป็นขั้นสี่เสียอีก นี่เป็นพรสวรรค์อันล้ำเลิศล้นฟ้าเลยทีเดียว!
ผู้คนมากมายต่างคาดเดากันไปว่าตระกูลซือหม่าจะต้องซ่อนตัวเธอเอาไว้เนิ่นนานแล้ว มิฉะนั้นเหตุใดถึงเพิ่งมารู้เอาตอนนี้ว่ามีคนเช่นนี้อยู่ด้วยเล่า
ผลสุดท้ายเมื่อสืบเสาะกันไปมา เรื่องราวของซือหม่าโยวเย่ว์ก็ถูกเผยออกมาในที่สุด
“อะไรนะ เขาก็คือเด็กที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในตระกูลซือหม่าเมื่อสองปีก่อนอย่างนั้นหรือ”
“เขามาจากอาณาจักรตงเฉินหรือ”
“สวรรค์เอ๋ย เมื่อสองปีก่อนเขาก็เพิ่งอายุได้สิบเก้าปีเท่านั้นเองสิ! ถึงกับกล้าผ่านเทือกเขาสั่วเฟยย่าด้วย”
“ได้ยินว่าคนรอบตัวเขาเหล่านั้น หากมิใช่นักหลอมยาก็เป็นนักหลอมวัตถุ หรือไม่ก็เป็นนักฝึกสัตว์อสูร การรวมตัวกันเช่นนี้ช่างชวนให้คนตกใจเกินไปแล้ว!”
“เฮ้อ เปรียบเทียบกันไปก็เท่านั้นจริงๆ!”
“หลี่มู่คงได้แต่หดหู่ใจแล้วสินะ ต่อจากนี้ไปหากพบกันก็ต้องเรียกเขาว่าลูกพี่แล้ว ฮ่าๆ เยี่ยมเลย!”
“นั่นสิ ปกติเย่อหยิ่งเชิดหน้าเสียจนจมูกแทบแตะผืนฟ้า คราวนี้สมน้ำหน้าแล้วละ!”
“พอคิดแล้วมีความสุขยิ่งนัก!”
ซือหม่าโยวเย่ว์มิได้ใส่ใจกับการที่ตนก่อให้เกิดคลื่นลมในหมู่บ้านภาพมังกรเลยแม้แต่น้อย คนของตระกูลซือหม่ากลับไปยังค่ายพักแล้วลูบท้อง ใกล้ถึงเวลากินอีกแล้วสินะ
“เฮ้อ เวลาอยู่ในสภาวะบำเพ็ญไม่เคยรู้สึกหิว มีเพียงตอนที่ไม่ได้บำเพ็ญเท่านั้นที่ถึงเวลาก็หิวแล้ว นี่มันความเคยชินอะไรกันน่ะ!” เธอถอนหายใจ
“เจ้านี่ ไปถึงระดับเทพกันหมดแล้วยังจะชอบกินอะไรกันขนาดนี้อีก!”
ทันใดนั้นน้ำเสียงอันอ่อนโยนเจือความรักใคร่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เธอหยุดฝีเท้าลงในทันที
“เป็นอะไรไปหรือ โยวเย่ว์” เป่ยกงถังถาม
ซือหม่าโยวเย่ว์รู้สึกเจ็บปวดใจอยู่บ้าง เธอมองเป่ยกงถังพลางเอ่ยว่า “ไม่มีอะไรหรอก แค่อยู่ดีๆ ก็คิดถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาเท่านั้นเอง”
“โยวเย่ว์ เจ้าเปลี่ยนอารมณ์อย่างฉับพลันเช่นนี้ ผู้อื่นเขาก็ตกใจกันหมดน่ะสิ!” เจ้าอ้วนชวีพูด
“จริงหรือ ข้าก็ปกติดีนี่” ซือหม่าโยวเย่ว์ฝืนยิ้มก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วเอ่ยว่า “ไปกันดีกว่า วันนี้ข้าจะทำของอร่อยให้พวกเจ้ากินเอง เป็นการฉลองชัยชนะ!”
“ดีเลย ดีเลย!”
ซือหม่าโยวเย่ว์ใช้เวลาเนิ่นนานจึงจะปรุงอาหารบนโต๊ะเสร็จ คนตระกูลซือหม่านั่งกินข้าวกันเต็มสองโต๊ะอย่างเปรมปรีดิ์ มีแค่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นั่งมองกับข้าวอย่างเลื่อนลอย
“เย่ว์เย่ว์ อาหารพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ท่านแม่เจ้าชอบกินทั้งนั้นเลยนะ!” เจ้าคำรามน้อยนั่งแทะกระดูกอยู่บนโต๊ะพลางถ่ายเสียงพูดกับเธอ
ซือหม่าโยวเย่ว์มองดูข้าวปลาอาหาร ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดวันนี้จึงอยากทำอาหารเหล่านี้เหลือเกิน ทว่าตัวเองกลับไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย
“ท่านแม่…” เธอมองดูน้ำแกงในชามพลางเรียกออกมาอย่างไร้เสียง
เมื่อสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าที่แผ่ออกมาจากตัวซือหม่าโยวเย่ว์ ทุกคนก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรไปเสียแล้ว
“ไอ้หยา หอมเหลือเกิน!” เสียงของชายชราร่างเล็กทำลายบรรยากาศในบริเวณนี้ พร้อมกับดึงสติของซือหม่าโยวเย่ว์กลับมา
ทุกคนมองไปตามเสียงก็เห็นชายชราผอมกะหร่องผู้หนึ่งก้าวผ่านเขตค่ายกลของพวกเขาเข้ามา
“ท่านเป็นใครกัน” ซือหม่าโยวหยางลุกขึ้นถาม
“ข้าก็แค่ตาเฒ่าตัวเล็กๆ เท่านั้นแหละ” ชายชราร่างเล็กเดินเข้ามา เมื่อเห็นอาหารอันโอชะเต็มโต๊ะ สองตาก็เปล่งประกาย
ซือหม่าโยวเย่ว์เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นชายชราร่างเล็กจึงอุทานว่า “ท่านผู้เฒ่า?”
“ไอ้หยา ที่แท้เจ้าก็อยู่ที่นี่เอง!” ชายชราร่างเล็กเห็นซือหม่าโยวเย่ว์จึงก้าวฉับๆ เข้าไปหาแล้วดึงตัวซือหม่าโยวเล่อที่นั่งอยู่ข้างตัวเธอให้ลุกขึ้น ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งแล้วหยิบตะเกียบคีบเนื้อใส่ปาก
ซือหม่าโยวเล่อยังไม่ทันทำอะไรก็ถูกเขาดึงให้ลุกขึ้นมา กำลังคิดจะเอ่ยวาจา ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ส่ายหน้าให้เขาแล้วส่งเขาไปที่โต๊ะข้างๆ แทน
“ท่านผู้เฒ่า ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรกัน”
ชายชราร่างเล็กโยนกระดูกที่แทะหมดแล้วไปด้านหลังอย่างส่งๆ แล้วเอ่ยว่า “ข้าเห็นการแข่งขันระหว่างเจ้ากับผู้อื่นแล้ว คิดไม่ถึงว่าฝีมือการหลอมยาของเจ้าใช้ได้เลยทีเดียว หลังจากตอนนั้นข้าไปที่อื่นมารอบหนึ่ง พอกลับมาจึงไปตามหาเจ้าในหมู่บ้าน คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่”
“ตามหาข้าหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเขาตาปริบๆ แล้วเอ่ยถามว่า “ท่านผู้เฒ่า ท่านตามหาข้าทำไมหรือ”
“อยากจะถามเจ้าว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นใครน่ะสิ! วิธีการหลอมยาของเจ้าพิเศษยิ่งนัก ไม่เหมือนคนทั่วไปเลย” ชายชราร่างเล็กพูด
“ข้าไม่มีอาจารย์หรอก เพียงแค่ได้วิธีการหลอมยามาโดยบังเอิญเท่านั้น” ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยตอบ
ชายชราร่างเล็กมองเธอปราดหนึ่งแล้วไม่พูดอะไรต่อ หากแต่มุ่งความสนใจทั้งหมดไปยังอาหารอันโอชะตรงหน้า
ถ้าหากลูกศิษย์ของเขาเห็นเข้า จะต้องว่าเขาตะกละอย่างแน่นอน!
“โยวเย่ว์ ท่านผู้นี้คือใครหรือ” ซือหม่าโยวหยางถาม
“เขาคือท่านผู้เฒ่าที่ข้าเพิ่งรู้จักวันนี้น่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ไม่เป็นไร ทุกคนกินกันต่อเถิด”
ก่อนหน้านี้ตอนชายชราร่างเล็กอยู่ที่โลกเบื้องบนก็ได้กินของอร่อยมาไม่น้อย แต่ก็ยังด้อยกว่าอาหารที่ได้กินวันนี้อยู่พอสมควร
ตัวเขาดูผอมแห้งอย่างยิ่ง แต่ปริมาณที่กินช่างชวนให้คนตกใจ อาหารบนโต๊ะเกือบครึ่งล้วนถูกกวาดลงกระเพาะเขา
“รสชาติไม่เลวเลยนะ ฝีมือใครปรุงหรือ” หลังจากดื่มกินจนอิ่มหนำสำราญแล้วเขาจึงตีท้องราวกับรัวกลองพลางถามขึ้น
“ข้าทำเองแหละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ท่านผู้เฒ่า ท่านก็ดูตัวเล็กแค่นี้ เหตุใดจึงยัดอาหารลงไปได้มากมายถึงเพียงนั้นเล่า”
“เจ้าทำเองหรือ ทั้งหมดนี่เลยหรือ” ชายชราร่างเล็กถาม
“ก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก พวกเป่ยกงก็ช่วยทำไม่น้อยเลยล่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ไม่เลว ไม่เลว!” ชายชราร่างเล็กพยักหน้า
“ท่านผู้เฒ่า ยังไม่รู้เลยว่าควรเรียกท่านเช่นไรดี” เธอถาม
“ใครๆ ก็เรียกข้าว่ามารเฒ่า” ชายชราร่างเล็กพูด
“ท่านเป็นเผ่ามารหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถามอย่างตกใจ
“มิใช่ ข้าดูเหมือนเผ่ามารตรงไหนกัน!” ชายชราร่างเล็กพูดอย่างโมโห
“เอ่อ… ไม่เหมือน ไม่เหมือนหรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มอย่างประจบประแจงแล้วถามอีกว่า “ท่านปู่มาร ท่านจะหลอมยาวิเศษตรีปราณนั่นเมื่อไหร่หรือ”
“ทำไมเล่า” ชายชราร่างเล็กหยิบไม้จิ้มฟันอันหนึ่งออกมาใส่ปาก
“แหะๆ ข้าก็สนใจใคร่รู้น่ะสิ ไม่เคยเห็นใครหลอมยาวิเศษตรีปราณมาก่อนเลย!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ท่านปู่มารจ๋า การหลอมยาวิเศษตรีปราณนั้นช่างซับซ้อน ท่านต้องการลูกมือหรือไม่”
“เจ้าอยากเป็นลูกมือให้ข้าอย่างนั้นหรือ” มารเฒ่าเหลือบตามองเธอ
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วมองเขาพลางยิ้มตาหยี “ข้ายังทำอาหารดีๆ ได้มากกว่านี้อีกนะ อร่อยกว่าของพวกนี้เสียอีก!”
“เจ้าอยากจะสังเกตการณ์การหลอมยาของข้าใช่หรือไม่” มารเฒ่าชี้เจตนาของซือหม่าโยวเย่ว์
“ใช่แล้ว ท่านปู่มาร ท่านรับปากหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์เองก็มิได้ปฏิเสธ
“เจ้าจะทำของอร่อยให้ข้ากินอีกใช่หรือไม่” ชายชราร่างเล็กถาม
“ถ้าหากท่านยอม ข้าต้องทำให้กินอีกแน่นอน!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“แต่ปกติแล้วข้ามิให้ผู้อื่นดูตอนข้าหลอมยา” มารเฒ่าพูด “หรือเจ้าจะกราบข้าเป็นอาจารย์ไหมเล่า พรสวรรค์ของเจ้าก็พอถูไถมาเป็นศิษย์ของข้าได้อยู่นะ”
“หา?” ซือหม่าโยวเย่ว์สะดุ้ง “กราบท่านเป็นอาจารย์หรือ”
“ทำไม นักหลอมยาขั้นเก้าอย่างข้ายังไม่พอจะเป็นอาจารย์ของเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ” มารเฒ่าพูด
“มิใช่ๆ” ซือหม่าโยวเย่ว์รีบปฏิเสธ “ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าพวกเราเพิ่งจะรู้จักกันเพียงแค่วันเดียวเท่านั้นก็กราบเป็นอาจารย์เสียแล้ว จะรวดเร็วเกินไปหรือไม่!”
“เจ้าเด็กน้อย ข้าถูกใจเจ้าถึงได้อยากจะรับเจ้าเป็นศิษย์ เฮอะ ผู้คนมากมายอยากจะเข้ามาในหุบเขามารเทพของข้าก็ยังทำไม่ได้เลย!” มารเฒ่าพูด
เป่ยกงถังที่นั่งอยู่ข้างๆ เงยหน้าขึ้นมาในทันใดแล้วพูดด้วยความตกใจว่า “หุบเขามารเทพหรือ!”