“ได้ ท่านอาจารย์วางใจได้เลย พวกเราจะเฝ้าข้างนอกให้เอง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดจบแล้วดึงตัวเป่ยกงถังออกไป
มารเฒ่าหยิบยาวิเศษฟื้นสติออกมา แววตาเยียบเย็นราวกับได้เห็นตอนที่ตนได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง
“สือไท่เฟิง รอให้ข้าหายดีก่อน ข้าจะไปทักทายเจ้าด้วยตัวเองเลย!”
พอพูดจบเขาก็กินยาวิเศษลงไป หลังจากนั้นจึงเริ่มใช้พลังวิญญาณกระตุ้นยาวิเศษ
ซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถังคอยอารักขาอยู่ด้านนอกถ้ำ พวกเธอหยิบโต๊ะ เก้าอี้ และชุดน้ำชาออกมาอย่างสบายๆ แล้วเริ่มต้นจิบน้ำชากัน
“โยวเย่ว์ ขอบใจเจ้ามากนะ” เป่ยกงถังพูดอย่างซาบซึ้ง
“หืม?”
“ถ้าหากมิใช่เพราะเจ้า ข้าก็คงไม่มีทางได้เป็นคนของหุบเขามารเทพหรอก” เป่ยกงถังพูด “สำหรับบรรดาผู้เชี่ยวชาญแล้วการได้เข้าสู่หุบเขามารเทพนั้นนับว่าเป็นเกียรติสูงสุดเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีสถานะอันสูงส่งอีกด้วย หากเป็นนักหลอมยาในระดับขั้นเดียวกัน คนของหุบเขามารเทพก็จะได้รับความเกรงอกเกรงใจมากกว่า”
“นั่นเป็นเพราะตัวเจ้าเองมีพรสวรรค์ล้ำเลิศต่างหาก ทั้งยังมีความเพียรพยายามอีกด้วย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “มิฉะนั้นต่อให้ข้าพูดกับท่านอาจารย์ เขาก็ไม่มีทางให้เจ้าเข้าไปอยู่ดี”
“การได้รู้จักเจ้าเป็นเรื่องโชคดีที่สุดในชีวิตข้าเลย” เป่ยกงถังพูดยิ้มๆ
“ข้าเองก็รู้สึกว่าโชคดียิ่งนักที่ได้รู้จักพวกเจ้า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ตอนนี้ข้าอยากเห็นสีหน้าของคนตระกูลเป่ยกงตอนได้เห็นหน้าเจ้าจริงๆ เลย”
“จะมีสีหน้าเช่นไรได้เล่า ท่านพ่อข้าราวกับเห็นข้าเป็นศัตรู พอเห็นข้าแล้วจะตัองชิงชังจนอยากจะงับหัวข้าแน่” เป่ยกงถังเอ่ยเหน็บแนมตัวเอง
“หากท่านพ่อกับท่านน้าหญิงของเจ้ากล้าทำเช่นนั้นกับเจ้า ตระกูลย่อมล่วงรู้อย่างแน่นอน แต่พวกเขากลับมิได้ปกป้องเจ้า อีกหน่อยจะต้องทำให้ตาสุนัขของพวกเขาสว่างให้ได้!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ก็มิใช่ทั้งหมดหรอกนะ” เป่ยกงถังพูด “ท่านอาเล็กของข้าปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดีทีเดียว น่าเสียดายที่พรสวรรค์ในการหลอมยาของเขามิสู้ดีนัก สถานะในตระกูลจึงไม่สูงสักเท่าใด ตอนที่ข้าหนีออกมานั้นก็อาศัยเขาคอยช่วยเหลือ เขาได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเพื่อช่วยให้ข้าหนีไปได้ เฮ้อ… ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของเขาในตอนนี้เป็นเช่นไรบ้าง”
“เจ้าอย่ากังวลใจไปเลยน่า เรื่องราวผ่านไปตั้งนานขนาดนี้แล้วก็ได้แต่รอตอนที่เจ้าขึ้นไปถึงข้างบน แล้วค่อยดูสถานการณ์กันอีกทีแล้วละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดปลอบ
“อื้ม” เป่ยกงถังยิ้มแล้วก้มหน้าดื่มชา
ซือหม่าโยวเย่ว์ใช้มือข้างหนึ่งกุมศีรษะเอาไว้พลางมองดูดวงจันทร์กลมโตบนท้องฟ้าแล้วเอ่ยว่า “ตลอดการเดินทาง พวกเราล้วนแล้วแต่ฝึกยุทธ์กันเพียงอย่างเดียว ดูเหมือนว่าจะมิได้ชมทัศนียภาพสองข้างทางให้ดีๆ กันเลยนะ”
“พรืด… เหตุใดวันนี้เจ้าจึงดูเจ็บปวดใจนักเล่า” เป่ยกงถังพูดพลางหัวเราะ
“ก็แค่รู้สึกขึ้นมาเป็นครั้งคราวเท่านั้นเอง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ไม่รู้ว่าท่านพ่อท่านแม่ข้าอยู่ที่ไหน…”
“พอขึ้นไปถึงข้างบนแล้ว พวกเราค่อยไปตามหาด้วยกันก็ได้” เป่ยกงถังพูด
“อื้ม”
ระยะเวลาสองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะมารเฒ่าได้ติดตั้งข่ายมนตร์ของตัวเองเอาไว้ด้วย พวกเธอจึงสัมผัสระลอกคลื่นภายในนั้นไม่ได้เลย สองครั้งที่เข้าไปดูก็เห็นว่าเขาไม่มีปัญหาอะไร จึงแค่คอยเฝ้าอยู่ข้างนอกเท่านั้น
ทันใดนั้นพวกเธอก็สัมผัสได้ว่าปราณวิญญาณบริเวณรอบๆ พุ่งเข้ามาทางนี้ ทำให้คิดว่าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นเสียแล้ว จึงรีบเข้าไปดูข้างใน แต่กลับพบว่ามารเฒ่าสีหน้าแดงระเรื่อ ริ้วรอยบนใบหน้าลดลงไปไม่น้อย เพียงแต่ยังคงมีเส้นผมขาวราวหิมะเท่านั้น
ปราณวิญญาณเหล่านั้นพรั่งพรูมาทางนี้แต่ถูกสกัดออกไป ก่อนจะสลายตัว
มารเฒ่าลืมตาขึ้น แววตาดูคมกริบยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก
“ท่านอาจารย์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” ซือหม่าโยวเย่ว์ถามอย่างเป็นกังวล
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ช่างน่าตกใจเหลือเกิน จนทำให้พวกเธอทั้งสองคิดขึ้นมาแวบหนึ่งว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับมารเฒ่าเสียแล้ว แต่ก็เห็นว่าร่างกายของเขาดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อย ดูไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด
มารเฒ่าโบกมือคราหนึ่ง ข่ายมนตร์จึงสลายตัวไป เขาลุกขึ้นยืนขยับร่างกายพลางเอ่ยว่า “ข้าไม่เป็นไร”
“เช่นนั้นปรากฏการณ์เมื่อครู่นี้คืออะไรกัน”
“อาการบาดเจ็บเดิมของข้าได้รับการรักษา ทำให้เลื่อนระดับได้ แต่ปราณวิญญาณของดินแดนแห่งนี้ไม่เหมาะสมกับข้า ดังนั้นจึงถูกข้าตัดทลายไปน่ะ” มารเฒ่าพูดอธิบาย
“ตัดทลายเลื่อนระดับอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นจะส่งผลต่อการบำเพ็ญในภายหน้าหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ เพิ่งจะเคยได้ยินว่าตัดทลายเลื่อนระดับได้เป็นครั้งแรก
“ไม่เป็นไรหรอก พอข้าขึ้นไปที่โลกเบื้องบนก็ใช้ได้แล้วละ” มารเฒ่าพูด “นอกจากนี้อาการบาดเจ็บของข้าก็เพิ่งจะฟื้นฟู หากเลื่อนระดับในตอนนี้ก็คงมิใช่เรื่องดีนัก”
“อ้อ” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า ในเมื่อเขาบอกว่าไม่เป็นไรก็คงไม่เป็นไรกระมัง “ท่านอาจารย์ ท่านหายดีแล้ว เช่นนั้นพวกเราจะหลอมยาวิเศษตรีปราณกันเมื่อไหร่ดีเล่า”
“อย่ารีบร้อนไปเลย พวกเจ้าทำอาหารให้ข้ากินก่อนเถิด กินอิ่มแล้วถึงจะมีแรงหลอมยานะ!” มารเฒ่าพูด
เอ่อ…
บนใบหน้าของซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถังต่างหลั่งเหงื่อเยียบเย็น
ต้องรักการกินถึงเพียงนี้เลยหรือไม่!
“ในที่สุดข้าก็ได้เห็นคนที่รักการกินมากกว่าข้าเสียที” ซือหม่าโยวเย่ว์พึมพำ แต่ก็ยังไปทำอาหารให้มารเฒ่ากินอย่างเชื่อฟัง
เป่ยกงถังมาคอยเป็นลูกมือให้เธอ เดิมทีทั้งสองคนก็รวดเร็วมากอยู่แล้ว อีกทั้งคราวนี้ยังมีคนกินไม่มาก เพียงไม่นานก็ทำอาหารเสร็จเต็มโต๊ะแล้ว
“เสร็จแล้ว เจ้ามายกน้ำแกงไปที ข้าจะไปเรียกท่านอาจารย์มากินข้าว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ได้ เจ้าไปเถิด” เป่ยกงถังพูดยิ้มๆ
ระหว่างที่พวกเธอทำกับข้าว มารเฒ่าก็ไปยังยอดเขา ตอนที่ซือหม่าโยวเย่ว์ขึ้นไปนั้นเขากำลังมองไปยังทิศทางของเขาภาพมังกรอยู่
“ท่านอาจารย์ อาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว” เธอเดินเข้าไปบอก
“ดินแดนอำมหิตใกล้จะปรากฏแล้ว” มารเฒ่าดูเหมือนกำลังพึมพำกับตนเอง แล้วก็ดูเหมือนกำลังพูดกับเธอด้วย
“ท่านอาจารย์ ท่านว่าอะไรนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์ตกใจ
มารเฒ่าหันกลับมามองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วมองดูสร้อยข้อมือม่านถัวบนข้อมือเธอ หลังจากนั้นจึงหันกลับไปมองเขาภาพมังกรต่อ ก่อนจะถามว่า “โยวเย่ว์ เจ้าว่าเขาภาพมังกรนั้นดูเหมือนอะไรหรือ”
พวกเขามิได้อยู่ใกล้กับเขาภาพมังกร แต่สำหรับทั้งสองคนแล้วก็ยังพอมองเห็นได้อยู่มากพอสมควร นอกจากนี้ระยะห่างนี้ยังทำให้เห็นภาพรวมทั้งหมดของเขาภาพมังกรได้พอดีอีกด้วย
“เหมือนมังกรตัวหนึ่ง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “โดยเฉพาะเมื่อเชื่อมต่อกับภูเขาโดยรอบก็ดูเหมือนหัวมังกรไม่มีผิด”
“ใช่แล้ว สถานที่เช่นนี้ เดิมทีควรจะเป็นดินแดนมหามงคล แต่เมื่อผ่านการเปลี่ยนแปลงยาวนานหลายปี ที่นี่ก็กลับกลายเป็นดินแดนอำมหิตไปเสียแล้ว” มารเฒ่าพูด
“ท่านอาจารย์ เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอสูรร้ายที่ถูกสะกดเอาไว้เบื้องล่างหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยสินะ” มารเฒ่าไม่รู้สึกเหนือความคาดหมายแต่อย่างใด ตอนแรกที่ได้เห็นเธอ เธอก็เตือนเขาด้วยเจตนาดี ถึงแม้ว่าเธอจะมิได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่มารเฒ่าก็รู้ว่าเธอต้องรู้อะไรบางอย่างแน่นอน
ซือหม่าโยวเย่ว์ยักไหล่พลางเอ่ยว่า “ข้ามีสัตว์มงคลอยู่ตนหนึ่งซึ่งมีประสาทสัมผัสไวต่อกลิ่นอายของอสูรร้ายพรรค์นี้ยิ่งนัก ถึงแม้ว่าจะออกมาอย่างอ่อนจาง มันก็ยังสัมผัสได้อยู่ดี ส่วนเรื่องอื่นนั้นข้าไม่รู้แล้วล่ะ”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง สัตว์มงคลนั้นมิใช่ของหาง่ายในโลกใบนี้ ต่อให้เป็นที่โลกเบื้องบนก็มีอยู่เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น เจ้าได้โชคก้อนใหญ่เลยทีเดียวล่ะ” มารเฒ่าเอ่ยชม
“ศิษย์พี่มิได้มีเพียงแค่กิเลนตัวเดียวหรอกหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ท่านอาจารย์ ที่แท้แล้วสิ่งที่อยู่ข้างล่างนี่คืออะไรกันแน่”
มารเฒ่าส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ไม่รู้สิ ข้าเองก็เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกเช่นกัน เพียงแต่รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายจางๆ บางอย่างเท่านั้นเอง”
“ท่านอาจารย์ ท่านมองเขาภาพมังกรแล้วบอกว่าที่นั่นอาจแปรเปลี่ยนเป็นดินแดนอำมหิต ท่านจะบอกว่าสิ่งนั้นถูกสะกดอยู่ภายใต้เขาภาพมังกรอย่างนั้นหรือ”
“บางทีอาจใช่ หรือบางทีอาจจะไม่ใช่” มารเฒ่าพูด “แต่ข้าคิดว่าการจลาจลสัตว์อสูรวิเศษที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับมันอย่างแน่นอน บางทีคนของเมืองวิเศษอาจจะรู้อะไรบ้าง หรืออาจบอกว่ามีอะไรบางอย่างสะกดมันเอาไว้ ทำให้มันต้องขับไล่สัตว์อสูรวิเศษให้ไปทำลายที่นั่นเสีย”