หั่วจือเหยียนเห็นท่าทีของน้องสาวตนแล้วลอบถอนหายใจ เขาเดินเข้าไปประสานหมัดคารวะซือหม่าโยวหลินพลางเอ่ยว่า “พี่โยวหลิน”
“น้องจือเหยียน พวกเจ้าก็มาถึงหมู่บ้านภาพมังกรแล้วหรือ” ซือหม่าโยวหลินลุกขึ้นยืนรับการคารวะ
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นพวกหั่วจือเหยียนมาถึงตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่เพราะไม่ชอบหน้าหั่วจือเจียว จึงมิได้แสดงท่าทีอะไร
หั่วจือเหยียนย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าตอนนั้นน้องสาวของตนเคยล่วงเกินเธอเอาไว้ และรู้สถานะของเธอในตระกูลซือหม่าตอนนี้ด้วย จึงมิได้พูดอะไรเช่นกัน
“ข้าไปตกปลากับพวกจือฉีดีกว่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางเดินไปหาพวกเว่ยจือฉีแล้วหยิบเบ็ดตกปลาออกมาเริ่มต้นตกปลา
หั่วจือเจียวไม่พอใจกับท่าทีของซือหม่าโยวเย่ว์เป็นอย่างยิ่ง แต่เนื่องจากซือหม่าโยวหลินอยู่ที่นี่ด้วย นางจึงมิได้พูดอะไร แต่ในใจกลับกำลังคิดว่าจะหาโอกาสส่งคนไปสั่งสอนเธอสักที
“พี่โยวหลิน พวกท่านอยู่ที่นี่กันมานานแค่ไหนแล้วหรือ แล้วระหว่างนี้ทำอะไรกันบ้างเล่า อยากจะกลับไปที่หมู่บ้านภาพมังกรกับพวกเราหรือไม่”
“ไม่ล่ะ พรุ่งนี้พวกเราก็จะไปที่เมืองวิเศษกันแล้ว ไม่รบกวนดีกว่า” ซือหม่าโยวหลินตอบปฏิเสธ
“พวกท่านจะไปกันวันพรุ่งนี้แล้วหรือ มิได้พูดกันว่าเมืองวิเศษเปิดค่ายกลใหญ่คุ้มกันเมืองเอาไว้หรอกหรือ ถึงพวกท่านไปก็เข้าเมืองไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ!” หั่วจือเจียวพูด
“อีกประเดี๋ยวค่ายกลใหญ่คุ้มกันเมืองก็จะปิดแล้ว แต่วันนี้ดึกเกินไปแล้ว ดังนั้นจึงจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้น่ะ” ซือหม่าโยวหลินพูด
“พวกท่านรู้ได้อย่างไรว่าค่ายกลใหญ่คุ้มกันเมืองจะปิดแล้ว” หั่วจือเจียวถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“โยวเย่ว์บอกน่ะ”
หั่วจือเจียวเบ้ปาก “เขาพูดมา ท่านก็เชื่ออย่างนั้นหรือ! เขามิได้เห็นกับตาเสียหน่อย”
ซือหม่าโยวหลินยิ้มบางๆ “สิ่งที่โยวเย่ว์พูดนั้นแม่นยำเสมอ”
ซือหม่าโยวเย่ว์ได้ยินชื่อตัวเอง แต่เธอกลับสนทนากับพวกเว่ยจือฉีต่อไปโดยมิได้หันมามองเลย
“หญิงน่ารังเกียจผู้นั้นมาอีกแล้ว!” เจ้าอ้วนชวีพูด “คราวนี้จะบอกว่าพวกเราเป็นคนอนาถาอีกหรือไม่”
“คงไม่แล้วล่ะ” เว่ยจือฉีพูด
“หวังว่าจะไม่นะ ไม่อย่างนั้นพวกเราได้เทหมดหน้าตักกันอีกแน่” เจ้าอ้วนชวีพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์ขบขันกับคำพูดของเจ้าอ้วนชวี จึงหัวเราะออกมาในทันใด
“พรืด… พวกเจ้าก็แค่ขายยาวิเศษกับอาวุธวิญญาณมิใช่หรืออย่างไร พูดเสียราวกับว่าตัวเองอนาถามากอย่างนั้นแหละ ไอ้หยา ข้าตกปลาได้แล้ว ตัวใหญ่เสียด้วย เจ้าอ้วน ช่วยข้าเตรียมตาข่ายเร็วเข้า!”
ไม่พูดไม่ได้ว่าพวกเขาช่างมีความกล้าเสียเหลือเกิน รู้ทั้งรู้ว่าในนั้นมีเจ้าตัวเขื่องอยู่แต่ก็ยังกล้ามาตกปลากันที่นี่ ไม่กลัวว่าตกปลาแล้วจะเกิดเรื่องเลย ถ้าหากเป็นผู้อื่น เกรงว่าคงจะหนีหางจุกตูดกันไปแล้วกระมัง!
พอตกค่ำ เมืองวิเศษก็ปิดค่ายกลใหญ่คุ้มกันเมือง ทุกคนเข้าออกเมืองวิเศษได้อย่างอิสระ
ตอนที่ข่าวแพร่มาถึงเขาภาพมังกรก็เป็นยามบ่ายแล้ว เมื่อหั่วจือเหยียนได้ยินข่าวนี้จึงมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างประหลาดใจ
เขารู้สึกอยู่ตลอดว่าซือหม่าโยวเย่ว์นั้นให้ความรู้สึกว่ามิอาจมองให้ทะลุปรุโปร่งได้
พอได้รู้ว่าเมืองวิเศษเปิดแล้ว ผู้คนในเขาภาพมังกรต่างคลายใจลง หลังจากนั้นก็ดีใจกันขึ้นมา เพราะพรุ่งนี้ทุกคนก็ไปยังเมืองวิเศษได้แล้ว!
ยามพลบค่ำ หลี่มู่พาคนของสมาคมนักหลอมยาออกมาป้วนเปี้ยน เมื่อมาถึงริมทะเลสาบเล็กแล้วเห็นเหยียนลู่อยู่กับพวกซือหม่าโยวเย่ว์จึงเดินเข้ามาหา จากนั้นศิษย์ผู้หนึ่งจึงพูดว่า “คุณหนู เมืองวิเศษเปิดแล้วนะขอรับ พวกเราจะกลับไปกันในวันพรุ่งนี้ ตอนนี้ท่านยังมัวทำอะไรกับคนพวกนี้อยู่อีกเล่าขอรับ”
เหยียนลู่มองพวกเขาด้วยสีหน้าเย็นชาพลางเอ่ยว่า “พรุ่งนี้ก็ยังอีกตั้งนานมิใช่หรือ ตอนนี้ข้าทำอะไรต้องให้เจ้ามายุ่งด้วยหรือ”
“ศิษย์พี่หญิง ทุกคนเป็นห่วงความปลอดภัยของท่าน แล้วท่านทำกับทุกคนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!” หงสยาพูดอย่างไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่ากำลังบ่อนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเหยียนลู่กับทุกคน
“ข้าทำกับทุกคนอย่างไรหรือ เรื่องของข้าต้องให้พวกเจ้ามาบอกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เหยียนลู่มองหงสยา “ก่อนหน้านี้ข้าดีต่อพวกเจ้ามากเกินไป จนทำให้พวกเจ้าลืมสถานะไปแล้วสินะ”
“ศิษย์พี่หญิง ท่านพูดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ก่อนหน้านี้ท่านไม่เคยเป็นอย่างนี้เลยนะ!” หงสยาถูกกล่าวหา จึงมองเหยียนลู่อย่างไม่อยากเชื่อ
“ก่อนหน้านี้พวกเจ้าก็มิได้เป็นเช่นนี้เหมือนกัน!” เหยียนลู่ปรายตามองหลี่มู่และอู๋เฟิง กำลังพูดถึงเรื่องการประลองในตอนนั้น
ซือหม่าโยวเย่ว์คุกเข่าลงกับพื้นเพื่อแล่ปลา เธอเงยหน้าขึ้นมองพวกเขาปราดหนึ่งแล้วพูดว่า “ว่าอย่างไรเล่า พวกเจ้าอยากจะอยู่ที่นี่ต่อ ให้ข้าต่อยตีหรือไม่ ใครยังอยากให้ข้าต่อยจนมารดาจำหน้าลูกตัวเองมิได้อยู่อีกหรือไม่”
เสียงของเธอไม่ดังนัก แต่กลับทำให้คนของสมาคมนักหลอมยาร่นถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยสัญชาตญาณ
“ซือหม่าโยวเย่ว์ เจ้าลำพองใจไปได้อีกไม่นานนักหรอก รอให้ไปถึงเมืองวิเศษก่อน จะต้องมีคนจัดการกับเจ้าแน่!” อู๋เฟิงถลึงตาใส่ซือหม่าโยวเย่ว์อย่างชิงชัง
“ยังไม่ไปอีกหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ลุกขึ้นยืนด้วยท่วงท่าเกียจคร้านพลางมองดูทุกคน
“ศิษย์น้องหญิง เจ้ากลับก่อนดีกว่านะ อยู่กับพวกเขาก็ไม่แน่ว่าจะไปถึงเมืองวิเศษได้อย่างปลอดภัย” หลี่มู่พูด
“จะได้หรือไม่ก็ไม่ต้องให้ท่านมากังวลแทนหรอก” เหยียนลู่พูดด้วยสีหน้าเย็นชา
หลี่มู่มองนางปราดหนึ่งก่อนจะโบกมือแล้วเอ่ยว่า “พวกเราไปเถิด”
“ช่างกระทบกับความอยากอาหารเสียจริง” ซือหม่าโยวเย่ว์คุกเข่าลงแล่ปลาต่อ ทันใดนั้นปลายจมูกเธอก็ขยับ ประกายเยียบเย็นวาบผ่านดวงตา
“เป็นอะไรไปหรือ” เป่ยกงถังเห็นท่าทีเช่นนี้ของเธอก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงเอ่ยถามขึ้น
ซือหม่าโยวเย่ว์ส่งเสียงเฮอะอย่างเย็นชา “มีคนส่งของขวัญชิ้นใหญ่ให้พวกเรา พวกเราต้องตอบแทนสักหน่อยหรือไม่ล่ะ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ” คนอื่นๆ ได้ยินคำพูดของซือหม่าโยวเย่ว์จึงมองมาทางเธอ
ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่พูดจา เพียงแต่มองเหยียนลู่แล้วเอ่ยว่า “คุณหนูเหยียน ฟ้ามืดแล้ว กลับไปก่อนดีกว่านะ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดน่ะ”
“ข้า…”
เหยียนลู่อยากจะพูดว่าตนอยากอยู่ต่อ นางกลัวว่าพวกหลี่มู่จะทำอะไรไม่ดีกับพวกเขา แต่เมื่อเห็นท่าทีเข้าอกเข้าใจของซือหม่าโยวเย่ว์ก็รู้สึกว่าความกังวลใจของตนนั้นคือสิ่งที่เกินความจำเป็นเสียแล้ว
“เช่นนั้นก็ได้ ข้ากลับก่อนล่ะ เมื่อพวกเจ้าไปถึงเมืองวิเศษแล้วพบกับตระกูลหลี่แห่งนางแอ่นอุดร หากเลี่ยงได้ก็จงเลี่ยงเสีย” นางเอ่ยเตือน
พอพูดจบนางก็บอกลาพวกซือหม่าโยวฉิงแล้วไปจากที่แห่งนี้
ซือหม่าโยวเย่ว์หันไปมองซือหม่าโยวหลิน
ซือหม่าโยวหลินเข้าใจความหมายของเธอ จึงพูดกับพี่น้องตระกูลหั่วว่า “น้องจือเหยียน วันนี้มืดค่ำเสียแล้ว พวกเจ้ากลับไปก่อนดีกว่านะ ในเมื่อพรุ่งนี้ก็จะไปที่เมืองวิเศษพร้อมกันอยู่แล้ว เช่นนั้นพบกันพรุ่งนี้เช้านะ”
ถึงแม้ว่าหั่วจือเหยียนจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อีกฝ่ายพูดถึงขนาดนี้แล้ว เขาจึงได้แต่พาตัวหั่วจือเจียวที่เดินหนึ่งก้าวหันหลังกลับมามองสามทีอย่างมิอาจตัดใจกลับไปยังเขาภาพมังกร
พอคนเหล่านั้นจากไปหมดแล้วเจ้าอ้วนชวีจึงถามว่า “โยวเย่ว์ เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“พวกเจ้าลองดมสิ มีกลิ่นหอมจางๆ กลิ่นหนึ่งอยู่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
เจ้าอ้วนชวีและคนตระกูลซือหม่าพยายามดม ก่อนจะส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ไม่เห็นได้กลิ่นเลย”
“กลิ่นกล้วยไม้ คล้ายมีคล้ายไม่มี พวกเจ้าสัมผัสไม่ไวต่อเครื่องยามากนัก ไม่ได้กลิ่นก็เป็นเรื่องปกติ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“กลิ่นกล้วยไม้คืออะไรหรือ”
“เอาไว้สำหรับเป็น…ยาปลุกกำหนัดของสัตว์อสูรวิเศษโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีผลต่อสัตว์อสูรเทพเท่านั้นอีกด้วย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “คืนนี้พวกเราคงจะมีสัตว์อสูรวิเศษมาคอยต้อนรับไม่น้อยเลยละ!”
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรกันดีเล่า” ซือหม่าโยวฉิงถามอย่างกระวนกระวาย
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีสัตว์อสูรเทพอยู่ แต่ถ้ามีสัตว์อสูรวิเศษมามากเกินไป พวกเขาก็จัดการไม่ไหวอยู่ดี
“แล้วจะทำอะไรได้อีกเล่า ก็ได้แต่ไหลไปตามน้ำนั่นแหละ สัตว์อสูรวิเศษจะมา พวกเราก็ได้แต่รอพวกมันน่ะสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์ดูไม่กังวลใจเลยแม้แต่น้อย
“ตั้งแต่พวกหลี่มู่มา พวกเราก็คอยเฝ้าพวกเขาอยู่ตลอด ก็ไม่เห็นพวกเขาจะลงมือเลยนี่ แล้วกลิ่นกล้วยไม้มาได้อย่างไรกัน”