ผลที่ออกมาก็คือ เลเวลของฉันพุ่งทะยานขึ้นมาเลย
ทำไมน่ะเหรอ? คำตอบก็ง่ายๆ : ้พราะเลเวลระหว่างฉันกับคู่ต่อสู้มันห่างกันมากเลยไงล่ะ
ตอนแรกฉันอยู่แค่เลเวล 10 ส่วนพวกมันน่าจะเลเวลประมาณ 50
ความต่างของเลเวลนั้นสูงมาก เพราะงั้น แม้ตามปกติมันน่าจะไม่มีทางเอาชนะได้เลย ฉันก็เชือดพวกมันทิ้งได้หมดด้วยพรสวรรค์ที่สูงของฉัน รวมกันผลจากคืนจันทร์เต็มดวง แล้วก็ยังได้ผลเพิ่มพลังจาก [ผู้ชำระแค้น] เข้าไปอีก
พวกที่ฉันฆ่าไปในหมู่บ้านคงเป็นพวกเลเวลต่ำๆ ล่ะมั้ง เพราะขนาดฉันฆ่าพวกมันไปตั้ง 21 คน เลเวลยังเพิ่มมาแค่ 7 เอง
แต่รอบนี้ไม่เหมือนกัน ฉันฆ่ามนุษย์ที่มีเลเวลประมาณ 50 ไป 15 คน แถมเจ้าพวกนั้นยังเป็นกลุ่มแนวหน้าในสงครามด้วยอีกต่างหาก
และผลที่ได้ก็เป็นแบบนี้
ลีน บลัดลอร์ด/เซนโจ โยนะ, เจ้าหญิงแวมไพร์ Lv 28
คลาส (อาชีพ) : ผู้ชำระแค้น
สภาพ : สมบูรณ์, การอวยพรจากดวงจันทร์ (จันทร์เต็มดวง, กำลังทำงาน)
ความแข็งแกร่ง: 16,000 (800)
การป้องกัน: 14,400 (720)
พลังเวท: 17,000 (850)
การป้องกันเวท: 15,800 (790)
ความเร็ว: 16,600 (830)
เวทมนตร์: เวทมนตร์ธาตุ (ลม,ไฟ)
สุดยอดดด
ไม่สิ แน่นอน ฉันรู้อยู่แล้วว่าพลังระดับนี้น่ะ ฉันจะใช้ได้แค่คืนจันทร์เต็มดวงคืนเดียวเอง หรือก็คือ ใช้ได้แค่เดือนละครั้งเท่านั้นเอง แต่นี่ก็แข็งแกร่งสุดๆ เลยนะ
อีกไม่นาน สเตตัสเฉลี่ยของฉันก็จะถึง 1,000 แล้ว แถมพลังของฉันในคืนจันทร์เพ็ญก็มาถึงระดับผู้บริหารได้เลยนะเนี่ย
“เป็นยังไงบ้างครับ คุณหนูลีน? เลเวลเพิ่มได้มั้ยครับ?”
“ค่ะ เลเวลขึ้นมาเป็น 28 แล้วค่ะ อย่างที่คิดเลย พวกมนุษย์… มีอีกประมาณ 1,000 สินะคะ ถ้าฉันฆ่าพวกมันไปขนาดนั้น ฉันก็คงมีสเตตัสสูสีกับพวกผู้บริหารเลยก็ได้นะคะ”
“ยอดเยี่ยมเลยครับ กระผมมั่นใจเลยว่าท่านต้องมี [ขีดจำกัดเลเวล] สูงแน่นอน และดูจากความพยายามของท่านแล้ว ท่านอาจจะเลื่อนขึ้นเป็นผู้บริหารได้ภายใน 3 ปีนี้เลยก็เป็นได้นะครับ”
เลื่อนขึ้นเป็นผู้บริหารเหรอ?
ตอนนี้ สเตตัสของฉันไม่ได้อยู่ในระดับล่างมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้อยู่แล้วล่ะนะ ยิ่งตอนนี้ก็ได้เพิ่มเลเวลขึ้นมาด้วย
ถ้าอีกพันกว่าคนที่ฉันจะฆ่าในอนาคตนี่มีเลเวลประมาณเจ้าพวกนี่ด้วยล่ะก็ เลเวลฉันคงขึ้นได้อีกเยอะเลยล่ะ… เอ๊ะ เดี๋ยว เมื่อกี้หมายความว่าไงนะ?
“คุณเซดคะ [ขีดจำกัดเลเวล] คืออะไรเหรอคะ?”
“หืม? ไม่ทราบงั้นเหรอครับ? พูดอย่างง่าย มันคือขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิตนั่นเองครับ”
มีของแบบนั้นด้วยเหรอเนี่ย!?
“ขีดจำกัดเลเวลไม่ได้ถึงกับเป็นปลายทางหรอกนะครับ เมื่อเลเวลไปถึงขีดจำกัดแล้ว ปริมาณค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อเพิ่มเลเวลจะพุ่งสูงขึ้นเลยล่ะครับ เช่น จากเดิมใช้แค่ประมาณ 100 หน่วยเพื่อเพิ่มเลเวล ก็พุ่งไปกลายเป็นต้องใช้ 5,000 หน่วยเพื่อเพิ่มเลเวล ประมาณนั้นน่ะครับ”
“เป็นไปได้มั้ยคะที่การเพิ่มเลเวลจะหยุดลงกะทันหัน?”
“ขีดจำกัดเลเวลจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลครับ สำหรับผู้ที่ไร้พรสวรรค์ โดยทั่วไปก็จะมีเลเวลอยู่แค่ 10 ถึง 20 ในทางกลับกัน หากเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์แล้ว บางคนอาจจะมีขีดจำกัดเกิน 100 ด้วยซ้ำ พวกนักสู้มือเปล่าหลายคนในกองทัพจอมมารเราก็ไปถึงขีดจำกัดเลเวลกันแล้วครับ แต่พวกเขาก็ยังเพิ่มเลเวลของตัวเองกันอยู่ แม้ว่าจะต้องฆ่าพวกศัตรูจำนวนมากเลยก็ตาม นายท่านเทียน่าก็เป็นแบบนั้นเช่นกันครับ”
คุณเทียน่า…
ขีดจำกัดเลเวลงั้นเหรอ… ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะเนี่ย
“เป็นไปได้มั้ยค่ะที่จะมีสเตตัสสูง แม้จะมีขีดจำกัดเลเวลที่ต่ำก็ตาม?”
“มีครับ พวกเขามีสเตตัสที่สูงและมีความคาดหวังที่สูงด้วย แต่ขีดจำกัดเลเวลกลับมาถึงตั้งแต่เลเวล 30 หรือประมาณนั้น… นี่ไม่ใช่เรื่องหายากอะไร แต่กระผมคิดว่าท่านจะไม่มีปัญหาเช่นนี้แน่นอนครับ”
“…เอ๋? ทำไมล่ะคะ?”
“เพราะท่านจอมมารให้การรับรองท่านแล้วยังไงล่ะครับ ท่านมีความสามารถพิเศษที่เห็นพรสวรรค์คร่าวๆ ของเหล่าบุคคลที่ท่านมองได้ ข้อเท็จจริงที่ว่าท่านจอมมารคาดหวังในตัวท่านไว้มาก นั่นหมายความว่าท่านต้องเป็นกำลังสำคัญในอนาคตได้อย่างแน่นอนครับ”
…น่าอายจัง
ไม่เห็นรู้เลยว่าท่านจอมมารมีพลังแบบนั้นด้วย หรือจะเป็นผลจากการอวยพรของท่านอิซึสึกันนะ?
“แต่ ก็มีบางคนที่ไม่มีขีดจำกัดเลเวลเหมือนกันนะครับ…”
“เอ๋? มีคนแบบนั้นอยู่ด้วยเหรอคะ?“
“ใช่ครับ คนแรกเลยก็คือท่านจอมมาร ท่านไม่มีขีดจำกัดเลเวลหรอกนะครับ… หรือไม่ ท่านก็อาจจะมี เพียงแต่ยังไปไม่ถึงเท่านั้นเอง”
“…จะว่าไป เลเวลของท่านจอมมารนี่…”
“กระผมก็ไม่ทราบเช่นกันครับ แต่เท่าที่กระผมเห็นเมื่อประมาณ 100 ปีก่อนล่ะก็ นั่นก็เกิน 200 ไปแล้วครับ”
ปีศาจโคตรเลเวลอยู่ที่นี่แล้วค่า~
“…และก็มีผู้กล้าด้วยครับ อาชีพของวีรบุรุษนั่นมีความสามารถพิเศษที่น่ารังเกียจอย่างการทำให้ขีดจำกัดเลเวลหายไปได้ครับ”
“ก็ดูเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความสามารถแบบนั้นเลยนะคะ”
ผู้กล้า… ในแง่ของพรสวรรค์ละก็ นั่นมันสัตว์ประหลาดชัดๆ ถึงขั้นเหนือกว่าท่านจอมมารซะอีก
ฉันจะเทียบกับผู้กล้าไหวมั้ยนะ?
…ไม่สิ ไม่เกี่ยวกันซะหน่อยว่าฉันจะมีพรสวรรค์อะไรอยู่บ้าง ถ้าเป็นฉันในคืนที่จันทร์เต็มดวงล่ะก็ ฉันก็มีโอกาสชนะสูงเลย
“…คุณเซดคะ วันนี้ฉันขอฆ่าเพิ่มอีกได้หรือเปล่าคะ?”
“หืมม? ทำไมล่ะครับ?”
“ฉันอยากจะคุ้นเคยกับคืนจันทร์เพ็ญให้มากกว่านี้หน่อย คราวนี้ ฉันจะลองฆ่าพวกนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้โดยไม่สนใจวิธีในการฆ่าดูค่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ สิ่งแรกที่ท่านต้องทำคือมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่ท่านกำลังจะทำนั้นเป็นความคิดที่ดีแล้ว รอสักครู่นะครับ กระผมจะไปเตรียมพวกมันให้เรียบร้อย”
ฉันฆ่ามนุษย์ที่เข้ามาครบทุกคน ครั้งนี้ใช้เวลาไป 5 วินาที และเมนูการฝึกของฉันวันนี้ก็จบลง
“บ้าเอ๊ย!! โ―――โอ้!!”
“{ไฟร์บอล (ลูกบอลไฟ)}”
“อ๊าาาาาาาา!!!”
ผ่านมาเดือนครึ่งแล้วนับจากที่ฉันเริ่มมาใช้สนามประลองนี้
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้ฆ่าพวกมนุษย์แล้ว
มนุษย์ที่อยู่ที่นี่มีทั้งหมด 20 คน… ฉันฆ่าไป 4 แล้ว ก็เหลืออีก 16 หมดนั่น ฉันก็จะฆ่าพวกเชลยศึกครบทั้งหมดแล้ว
ตลอดเวลาเดือนครึ่งที่ผ่านมา พลังเวทของฉันเติบโตขึ้นจนถึงจุดที่ฉันสามารถใช้มันร่วมในการต่อสู้จริงได้แล้ว
จากการใช้เวทมนตร์ในการต่อสู้ รูปแบบการโจมตีของฉันก็เพิ่มขึ้นมาเยอะเลย บางครั้งฉันก็พยายามลองฆ่าพวกมันโดยใช้แค่เวทมนตร์อย่างเดียวด้วยเหมือนกัน
เพราะแบบนั้น ฉันเลยฆ่าพวกมนุษย์ได้ง่ายดายเลย ไม่ว่าจะคืนเดือนมืด หรือเวลากลางวัน
“เดปป์! แก… แกกล้าดียังไงฮะ! ตาย!!!”
“ฮึบ!”
ฉันไม่รู้หรอกว่าเจ้าคนไหนมันคือเดปป์ แล้วฉันก็ไม่สนด้วย
ฉันเตะเจ้าบ้านั่นเข้าที่ก้านคอตอนพุ่งเข้าหาฉันทั้งน้ำตา และเตะมันอีกรอบที่ข้างหัวมัน
คอเจ้านั่น ขาดกระเด็นออกจากลำตัว พุ่งไปเหมือนลูกบอล อัดกระแทกกับกำแพง แล้วแตกออกยังกับมะเขือเทศเลย
“เอาล่ะ เอาล่ะ ต่อไป…”
“เหวอ! ไอ้นี่มันตัวบ้าอะไรฟะเนี่ย?!”
“ผู้บริหารเหรอ? ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่าจะมีเด็กพรรค์นี้ทำหน้าที่แบบนั้นด้วยน่ะ!”
เออ ฉันไม่ใช่ผู้บริหารซักหน่อย
“โอ้ให้ตายเถอะ พวกแกนี่มันน่ารำคาญจริงๆ {วินด์เบลด (สายลมฉีกกระชาก)}”
“กะอ๊าาาาาาา!”
“อั๊กกกก!”
อ่า อ่อนแอ อ่อนแอเกินไปแล้ว
นี่คุณเทียน่าต้านเวทมนตร์ที่ฉันยิงไปสุดแรงเกิดด้วยมือแค่ข้างเดียวได้ยังไงกันนะ?
“เอาล่ะ นี่ก็รายสุดท้ายแล้ว… มาค่อยๆ สนุกกันดีกว่าเนอะ”
จากนั้นฉันก็ใช้เวลาอีก 4 นาทีครึ่ง ทิ้งไปกับเจ้ามนุษย์นี่
สีหน้าของมันที่มีความหวังลมๆ แล้งๆ อย่าง ‘อีกแค่ 30 วินาที’ แล้วก็ตายไปนั่นสุดยอดไปเลยนะ ใช้ได้เลยทีเดียว
ฉันรู้สึกประสบความสำเร็จบางอย่างแปลกๆ ด้วยแหละหลังจากที่จบการประหารขั้นสุดท้าย และฉันก็ได้ยินเสียง…
“หืม จบแล้วอย่างนั้นฤๅ? น่าเสียดายจริง เราอุตส่าห์มาที่นี่เพื่อจะได้ยลโฉมเสียหน่อย”
เสียงที่คุ้นเคยนี้…
“ท่านจอมมาร!”
“โอ้ ท่านจอมมารเองเหรอครับ ขอต้อนรับสู่เขตการรับผิดชอบของกระผมนะครับ”
“อืม เราขอขอบใจเจ้ามากที่ช่วยเสริมกำลังให้กับลีนนะ เซด”
“ท่านกล่าวชมเกินไปแล้วครับ”
ท่านจอมมารคะ~ ฉันดีใจที่ท่านมาที่นี่ แต่ฉันสงสัยจังว่าทุกอย่างโอเคหรือเปล่า กับพวกเรื่องการเมืองหรืออะไรแบบนั้นน่ะค่ะ
ฉันได้ยินคุณวีเนลเคยเผลอพูดออกมาว่า ‘ท่านจอมมารน่ะเป็นคนที่ยอดเยี่ยม แต่ปัญหาก็มีแค่ว่า ท่านค่อนข้างจะชอบปล่อยตัวตามสบายไปหน่อย’
“เอาล่ะๆ ลีน ขอบใจเจ้ามากที่ต้องลำบากกับงานจัดการกับพวกเชลยสงครามนะ”
“เอ๋ ข- ขอบคุณมากค่ะ!”
ฉันเพิ่งรู้ว่าตัวเองไม่ค่อยชินกับการถูกชมเลย
อาจจะเพราะฉันไม่เคยได้รับมันเลยจากชาติก่อนล่ะมั้ง ฉันเลยไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปยังไงในเวลาแบบนี้
ท่านจอมมารพูดต่อโดยที่ทิ้งฉันที่ยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่
“ถ้าอย่างนั้น ในแง่ของบุคลากรของกองทัพจอมมาร นี่คืองานแรกของเจ้าสินะ”
“เอ๋? …อา จะบอกว่าเป็นแบบนั้นก็ได้ค่ะ”
งานแรกงั้นเหรอ
“เรามีรางวัลจะให้เจ้าด้วย ตามเรามา”
“…ฮะ? รางวัลเหรอคะ?”
นี่ท่านจะให้รางวัลฉันแล้ว เพราะงานแค่นี้เองเหรอคะ?
ไม่สิ ฉันยังเด็กอยู่ก็เลยไม่มีเงินเดือนให้ และฉันก็ไม่มีสิทธิ์ไปลงงานภาคสนามด้วย
แต่ฉันก็ทำงานของฉันที่ได้รับมอบหมายแล้ว ถ้าเราทำงานออกมาได้ดี พวกเขาก็จะตอบแทนเราตามสมควรได้รับสินะ ที่นี่เป็นสถานที่ทำงานที่ให้ผลประโยชน์ที่ดีจริงๆ
…ไม่สิ ฉันไม่คิดว่าจะเรียกที่นี่ว่าเป็นแค่ที่ทำงานได้หรอกนะ