การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า – ตอนที่ 40 องค์ที่ 2 ผู้กล้า – เจ้าหญิงแวมไพร์ vs ผู้กล้า (3) บทสรุป

การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

คลาส (อาชีพ) ระดับสูงพิเศษ [อสูรอาฆาตแค้น]

เงื่อนไขในการได้รับอาชีพนี้ก็คือจะต้องสังหารเป้าหมายในการล้างแค้นจนถึงจำนวนนึง

ความสามารถหลักของอาชีพนี้ก็คือ ‘การเพิ่ม/ลดพรสวรรค์’

ยิ่งความแค้นหรือความเกลียดชังที่มีต่อเป้าหมายในการล้างแค้นมากขนาดไหน พรสวรรค์ในตัวที่มีจะยิ่งเพิ่มขึ้นขนาดนั้น ในทางกลับกัน ถ้าความแค้นที่มีลดลงไป มันก็จะลดพรสวรรค์ในตัวที่มีแทน ทำเอาดูเป็นอาชีพที่แย่ไปเลยนะ

แต่ยังไงก็ตาม ฉันมั่นใจเลยล่ะว่าความแค้นที่ฉันมีต่อมนุษย์น่ะไม่ธรรมดาแน่นอน

ฉันกล้ายืดอกพูดเลยว่า ถ้ามองแค่เรื่องนี้ล่ะก็ ฉันต้องเป็นท็อป 10 ของกองทัพจอมมารแน่

นี่เป็นอาชีพที่เหมาะกับฉันมากเลยล่ะ

 

อีกอย่าง ความได้เปรียบที่ฉันมีเมื่อตอนที่ยังเป็น [ผู้ชำระแค้น] ต่อเป้าหมายในการล้างแค้นน่ะ มันสะท้อนให้เห็นเลยว่าอาชีพนี้เข้ากับฉันได้ดีแค่ไหน

กล่าวคือ ความได้เปรียบที่เคยสู้ได้อย่างสูสีเมื่อตอนที่ยังเป็น [ผู้ชำระแค้น] อยู่น่ะ ได้ก้าวข้ามไปอีกระดับแล้วเรียบร้อยนั่นเอง

 

แล้วผู้กล้าล่ะเป็นยังไง?

พรรคพวกในคณะของเธอถูกฉันฆ่าเรียบไปแล้ว และพวก 12 อัครสาวก ฝ่ายสนับสนุนหลักของเธอก็ไม่อยู่ที่นี่แล้ว

ไม่มีการเสริมกำลังมาเพิ่มจากผู้วิเศษ ไม่มีการรักษาจากนักบุญ

ทั้งหมดที่เธอมีตอนนี้คือเพลงดาบที่เก่งจนล้นเหลือ กับหัวใจที่แตกสลายและถูกเปลี่ยนเป็นอสุรกายไร้ความเมตตา

…เอาล่ะ มาเริ่มยกที่ 2 กันเลย ฉันจะจบมันในคืนนี้นี่แหละ

 

“เอาล่ะ จะเริ่มล่ะนะ… ผู้กล้า!”

 

ฉันเป็นคนทำลายความเงียบนั่นก่อน

ฉันเข้าประชิดตัวในพริบตา ก่อนจะซัดหมัดแบ็คแฮนด์ใส่… แต่ผู้กล้าก็ก้าวหลบไปด้านข้าง ก่อนจะสวนกลับมาด้วยท่าอิไออีกครั้ง

ฉันเบี่ยงหลบการฟันนั้นได้แบบนีโอในเดอะ เมทริกซ์ ก่อนจะพยายามโจมตีใส่ด้วยลูกเตะตีลังกามูนซอลท์ แต่เธอก็กระโดดหลบไป เตะต้นไม้ข้างหลังเพื่อเพิ่มโมเมนตัมและพุ่งมาพร้อมเล็งแทงเข้าที่หว่างคิ้วของฉันอย่างไม่ลดละ

ฉันถอยหลังไปเพื่อหลบการโจมตีนั่น แต่เหมือนเธอจะคาดไว้แล้วว่าฉันจะทำแบบนั้น เพราะเธอยังพุ่งตรงมาหาฉันอยู่ ฉันก้มเบี่ยงตัวหลบเธอได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนจะสับเข้าที่ท้ายทอยของเธอเพื่อทำให้เธอสลบ… นั่นเป็นแค่ความคิดของฉัน แต่ฉันหยุดตัวเองไว้ก่อน แล้วก็โยนตัวเองออกไปทางด้านข้างแทน ใช่ เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าเมื่อกี้ฉันเลือกจะก้มตัวหลบล่ะก็ เมื่อกี้ฉันคงโดนฟันขาดครึ่งไปแล้ว

 

“ฟู่ว… เธอนี่เป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ นั่นแหละ”

“………”

 

ฉันเข้าใจได้จากการโจมตีและตั้งรับที่ผ่านมา ความสามารถของเธอน่ะเป็นของจริงเลย แต่ยิ่งกว่านั้น ความเร็วในการฟันดาบของเธอน่ะน่าทึ่งมาก ความเร็วของเธอสูงกว่าสเตตัสความเร็วเริ่มต้นของฉันแน่  

ไม่ใช่แค่มนุษย์หรอก แม้แต่ทหารทั่วๆ ไปของกองทัพเผ่ามารไม่มีทางรับมือกับความเร็วระดับนี้ได้เลย เผลอๆ หัวจะหลุดออกจากบ่าก่อนที่จะทันรู้ว่าดาบถูกดึงออกจากฝักด้วยซ้ำ

อย่างที่คิดไว้เลย นี่สินะตัวตนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในโลก ฉันไม่รู้เลเวลของเธอหรอก แต่ถ้านี่ไม่ใช่คืนจันทร์เพ็ญล่ะก็ ทั้งคอทั้งลำตัวของฉันคงถูกฟันขาดไปนานแล้วล่ะ

…นี่ถ้าเธอเป็นแบบผู้กล้าทั่วไป แล้วกลายเป็นพวกคนถ่อยแบบพวกมนุษย์ที่เหลือล่ะก็ กองทัพเผ่ามารคงจะต้องเจ็บหนักไม่น้อยเลย

แทบไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ เธอคงเป็นวีรสตรีที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังได้แล้วแน่นอน เด็กผู้หญิงที่มีพรสวรรค์มากขนาดนั้น กลับต้องมามีสภาพทรุดโทรมขนาดนี้… เจ้าพวกมนุษย์นี่มันจะโง่ดักดานเกินไปแล้ว

 

“…ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอต้องเจออะไรมาบ้าง หรือทำไมเธอถึงเลือกมาเป็นผู้กล้า… แต่ยังไงก็ตาม ฉันคิดว่าเธอกับฉันคล้ายกันนะ เรารู้สึกได้ถึงความเกลียดชังพวกมนุษย์แผ่ออกมาจากเธอทั้งๆ ที่เธอควรจะใจสลายอยู่แท้ๆ นะ”

“………”

 

ฉันว่าการที่ได้มาเป็น [อสูรอาฆาตแค้น] ทำให้ฉันสามารถแยกคนที่มีความคิดเหมือนกันได้เลย

เพราะแบบนั้น ฉันเลยเชื่อว่าผู้กล้าจะต้องแค้นพวกมนุษย์ฝังใจเหมือนกันแน่นอน แม้จะไม่มีหลักฐานอะไรสนับสนุนความคิดนี้เลยก็เถอะ

มันเหมือนกับฉันได้ยินเสียงร้องตะโกนว่า ‘ฉันอยากจะแก้แค้นพวกมัน’ ดังมาจากใจของเธอที่พังทลายไปแล้วนั่นเลย

 

“เพราะงั้น ฉันจะหยุดเธอไว้ที่นี่… ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าจะยื้อไว้ได้นานแค่ไหน มันอาจจะเลวร้ายกว่านี้อีกถ้าเกิดพวกคนที่เป็นห่วงกลุ่มของผู้กล้าที่ไม่กลับมาซักทีดันส่งนักฆ่าตามมาดู งั้น มาจัดการด้วยวิธีที่เร็วที่สุดกันเลยดีกว่า”

 

…แล้วฉันก็ใช้งานไพ่ตายของฉัน

 

เมื่อ 3 ปีก่อน

ฉันได้รับมอบหมายภารกิจให้ประหารพวกมนุษย์ที่เป็นเชลยศึกและถูกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตัดหางปล่อยวัดมาในตอนนั้น แล้วพอจัดการเรียบร้อย ท่านจอมมารก็ให้รางวัลกับฉันด้วย

รางวัลที่ว่านั่นคือภาชนะ เป็นของเลียนแบบรุ่นที่ด้อยกว่าของสมบัติศักดิ์สิทธิ์ และพูดจริงๆ เลยนะ ของพวกนั้นส่วนใหญ่มีแต่พวกของที่มีประสิทธิภาพเฉพาะทางมากๆ เลย แต่พวกมันก็เป็นอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งอยู่ดี

ฉันถูกบอกให้เลือกได้ 1 ชิ้น และสิ่งที่สะดุดตาฉันในตอนนั้นที่กำลังลังเลกับตัวเลือกที่มีก็คือกำไลอันนึง

 

“ท่านจอมมารค่ะ นี่คืออะไรเหรอคะ?”

“หืม นั่นน่ะเหรอ? มันคือกำไลสงวนไงเล่า”

“กำไลสงวน?”

“อือฮึ ผู้สวมใส่จะสามารถเก็บสถานะเสริมพลังไว้เพื่อเอามาใช้ภายหลังได้น่ะ”

“หืม?”

“กล่าวคือ ตอนที่เธอได้รับเวทเสริมสเตตัส แต่เธอปฏิเสธที่จะรับมันในตอนนั้น ผลของสถานะเสริมพลังนั่นจะถูกดูดมาเก็บไว้ในกำไลนี้แทน แล้วผู้สวมใส่ก็จะสามารถใช้การเสริมกำลังนั้นเวลาไหนก็ได้ที่เจ้าตัวต้องการเลย”

“เห…”

“กำไลนี้สามารถเก็บสถานะเสริมกำลังได้แบบไม่จำกัดอีกด้วย และยามปกติสถานะที่ซ้ำกันจะไม่สามารถส่งผลซ้อนทับกันได้ แต่ด้วยกำไลอันนี้ก็เป็นอีกเรื่องเลย”

“อืม งั้นถ้าฉันสวมกำไลนี่เอาไว้ แล้วร่ายเวทเสริมกำลังเอาไว้เยอะๆ เลย แต่ปฏิเสธมันทั้งหมด… ถ้าฉันสั่งใช้งานมันทั้งหมดพร้อมกัน แม้แต่ทหารธรรมดาก็สามารถแข็งแกร่งเทียบเท่ากับระดับผู้บริหารได้เลยสิคะ”

“ถูกต้องทางทฤษฎี แต่กำไลนี้มีจุดอ่อนอยู่เช่นกัน ขึ้นกับจำนวนสถานะเสริมกำลังที่สั่งใช้งาน, ระยะเวลาที่ใช้งาน และพลังของการเสริมกำลังนั้น สเตตัสของทหารคนนั้นจะลดลง ทั้งร่างกายจะอ่อนล้าไปหมดและก็จะได้รับความเจ็บปวดไปทั้งตัวทันทีที่ผลการเสริมกำลังจากกำไลสงวนนั้นสิ้นสุดลง นี่จึงเป็นภาชนะที่เสี่ยงมาก แต่ก็คุ้มค่ากับความเสี่ยงนั้นอย่างแท้จริงเลย”

 

…เอาจริงๆ เลยนะ หลังจากที่ได้ยินความเสี่ยงที่ว่านั่น ฉันไม่แน่ใจเลยว่าจะเลือกชิ้นนี้ดีมั้ย แต่ฉันก็ตัดสินใจจะเลือกภาชนะอันนี้แหละ

นับแต่นั้น กำไลสงวนอยู่ที่ข้อมือซ้ายของฉันตลอดเหมือนนาฬิกาข้อมือเลย

ทำไมฉันถึงเลือกเจ้านี่ทั้งที่รู้ถึงความเสี่ยงของมันงั้นเหรอ?

ผลของมันไม่ค่อยจะ…เออ ไม่สิ มันเข้ากับแวมไพร์ได้ดีเลยล่ะ เอาเข้าจริง ฉันยังสงสัยเลยว่าทำไมท่านจอมมารถึงไม่ใช้มันกัน

 

“มันคือภาชนะที่สามารถดูดสถานะเสริมกำลังได้ทั้งหมด และสามารถนำกลับมาใช้งานตอนไหนก็ได้”

 

พูดอีกอย่างก็คือ มันจะ ―――

 

“แม้แต่การอวยพรจากดวงจันทร์ก็สามารถดูดเก็บไว้ได้ใช่มั้ยคะ?”

 

ถูกต้องค่ะ

ในคืนจันทร์เพ็ญ สเตตัสของฉันจะเพิ่มขึ้น 20 เท่า

แล้วถ้าฉันดูดผลของมันเก็บไว้ในกำไลสงวน แล้วเอามาใช้ในคืนจันทร์เพ็ญคืนต่อไปล่ะ จะเป็นยังไง?

คำตอบก็คือ 20 x 20 = 400 หรือก็คือฉันจะมีสเตตัสสูงขึ้น 400 เท่าได้ภายในเสี้ยววินาที

ฉันอยากจะบอกว่าพลังเฟ้อขนาดนี้มันก็มีขอบเขตของมันอยู่ แต่มันก็มาพร้อมกับข้อบกพร่องใหญ่เลย

อย่างที่รู้ การอวยพรจากดวงจันทร์นั้นเป็นสถานะเสริมกำลังที่แข็งแกร่งเกินไป ครั้งนึง ฉันได้ทดลองอยู่ในภาวะที่สเตตัสเพิ่มขึ้น 400 เท่าอยู่ ‘1 นาที’ แล้วก็หยุดการทำงานของกำไลสงวน… ทันใดนั้น ความเจ็บปวดแทบบ้าก็อัดกระแทกไปทั้งร่างกายของฉัน ผลการชาของแผลจากการอวยพรของดวงจันทร์นี่แทบไม่เป็นผลเลย

ความเจ็บปวดนั่นเบาบางลงระหว่างที่ฉันพยายามรวบรวมสติของตัวเองเอาไว้ แต่ฉันไม่มีทางลีมความเจ็บปวดนั่นได้อย่างเด็ดขาดเลย

 

หลังจากนั้น ฉันก็อดทนกับความเจ็บปวดนั่นก่อนจะทดลองมันซ้ำไปซ้ำมา… ผลสรุปที่ได้คือ ฉันทนไว้ถ้าใช้มันไปนาน ‘5 วินาที’

 

[กำไลที่ให้พลังที่เหนือได้แม้แต่ท่านจอมมารได้ 5 วินาทีทุกเดือน]

 

นั่นคือการประเมินกำไลสงวนโดยรวมของฉันเอง

และตอนนี้ ฉันก็สั่งใช้งานมันแล้ว

 

“ไม่ต้องห่วง ฉันยั้งแรงไว้แล้วล่ะ”

 

――― เหลืออีก 4 วินาที

 

“โอเค เอาล่ะนะ”

“………”

 

――― เหลืออีก 3 วินาที

 

“…ฟู่ว!”

“………!?”

 

――― เหลืออีก 2 วินาที

 

กำปั้นของฉันเหนือกว่าความเร็วในการชักดาบออกมาของผู้กล้าแล้ว

หมัดของฉันพุ่งเข้าลิ้นปี่ของเธออย่างแม่นยำ

 

――― เหลืออีก 1 วินาที

 

ฉันได้ยินและรู้สึกได้เลยว่ากระดูกของเธอหัก… พริบตาต่อมา ผู้กล้าก็ลอยกระเด็นไป

ทะลุผ่านหมู่ต้นไม้ไปแต่โมเมนตัมนั่นก็ไม่ลดลงเลย.. แล้วพอลอยไปไกลประมาณ 4 กิโล แถวๆ กลางป่า ทุกอย่างก็หยุดลงซักที

 

――― เหลืออีก 0 วินาที

 

“หยุดการใช้งานกำไลสงวน…อื้ออออออออออออง!!!”

 

จังหวะทันทีที่ฉันปิดการทำงานของมัน ความเจ็บปวดมหาศาลก็พุ่งใส่ทั้งตัวของฉัน… หยั่งกับถูกแทงด้วยเหล็กเป็นพันชิ้นทั่วทั้งตัวเลย

 

“ฮะ ฮะ ฮะ…อืออออออออกกกก…!”

 

…ฉันกัดฟันแน่นและอดทนมันอยู่ซักพักหนึ่ง จนความเจ็บปวดนั่นเริ่มเบาลง

อาจจะเพราะความตึงเครียดที่หายไป แผลถูกฟันจากผู้กล้าก็เริ่มเจ็บขึ้นมา

 

เอาเถอะ แผลพวกนั้นนี่เนอะๆ เลย เทียบกับความเจ็บปวดที่ฉันเพิ่งจะโดนมาเมื่อกี้น่ะ

 

แม้สเตตัสของฉันจะตกลง ฉันก็ใช้เวลาแค่ 20 วินาทีในการวิ่งระยะ 4 กิโลนี่ล่ะนะ

พอมาถึงตัวผู้กล้า ฉันก็ก้มมองดูเธอ

 

เธอหมดสติไปแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ตายแน่นอน ฉันกะแรงไว้ดีแล้ว แถมสเตตัสของผู้กล้าที่สูงนั่นก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกข้อนึง

 

“เฮ่อ…เฮ่อ……ในที่สุด ฉันก็ทำได้นี่นา…ตัวฉัน…!”

 

ผู้กล้ายังมีชีวิตอยู่ แต่เธอไม่น่าจะขยับตัวได้ตามปกติแล้วล่ะถึงเธอจะตื่นขึ้นมาก็เถอะ เพราะสภาพกระดูกหักทั้งตัวนั่นก็หนักไม่ใช่เล่นเลย

ก็นะ ฉันเองก็มีแผลเจ็บไปทั้งตัวเลยเหมือนกัน แผลที่โดนฟัน แล้วก็อื่นๆ อีก

มันมีขอบเขตอยู่ว่าฉันสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บด้วย {ฟื้นฟูระดับกลาง} ได้แค่ไหน และที่สำคัญ สเตตัสของฉันร่วงลงมาจากผลตีกลับของกำไลสงวนด้วย ยิ่งกว่านั้น เมื่อกี้ฉันเร่งรีบไปจนไม่ทันสังเกต แต่มันก็ต้องใช้พลังเยอะพอควรเลยในการรักษาแผลถูกฟันแบบนี้

บางทีคงเป็นผลจากความสามารถพิเศษของผู้กล้า ไม่ก็ผลจากคุณสมบัติของดาบนี่แหละ

 

ยังไงก็ตาม… ฉันก็ทำความฝันที่ยึดมั่นมานานได้อย่างนึงแล้วนะ : หยุดผู้กล้าให้ได้ไงล่ะ

 

การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

Status: Ongoing
เซนโจ โยนะ เด็กหญิงที่ถูกกลั่นแกล้งอย่างหนัก ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแก๊สระเบิด หลังจากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของเทพชั่วร้าย อิซึสึ เธอก็ได้มาเกิดใหม่เป็นลูกสาวของผู้นำเผ่าแวมไพร์ [ลีน บลัดลอร์ด] ชีวิตอันสงบสุขกำลังรอเธออยู่ รายล้อมไปด้วยครอบครัวและเพื่อนพ้องที่รักเธอ สิ่งที่เธอต้องการมาโดยตลอดจากชาติก่อน … แต่เวลาเหล่านั้นก็ต้องสิ้นสุดลง จากการกวาดล้างเผ่าพันธุ์แวมไพร์ด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์อย่างไร้เหตุผล “อา เข้าใจแล้ว ชีวิตของฉันต้องพังทลายเพราะว่ามีพวกมนุษย์อยู่งั้นสินะ” อีกด้าน มีเด็กสาวที่ถูกมองเป็นตัวน่ารำคาญในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เธอได้รับ [คุณสมบัติของผู้กล้า] พร้อมทั้งพรสวรรค์และศักยภาพอันล้นเหลือ แต่จิตใจของเธอกลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์ เพื่อล้างสมอง และเปลี่ยนเธอเป็นอาวุธมีชีวิต “จริงๆ แล้ว…ไม่อยากปกป้องพวกมนุษย์ซักหน่อย เราไม่ได้อยากเป็นผู้กล้า…” และพวกเธอผู้เกลียดชังต่อมนุษย์ ก็กลายมาเป็นภัยพิบัติต่อมนุษยชาติ นี่คือเรื่องราวของเด็กสาว 2 คนที่ชีวิตต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของมนุษย์ และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไป เหลือเพียงแค่ชีวิตของตัวเอง และพวกเธอจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อล้างแค้นและกวาดล้างมนุษยชาติให้สิ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท