การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า – ตอนที่ 42 องค์ที่ 2 ผู้กล้า – เจ้าหญิงแวมไพร์และเสียงกรีดร้องของผู้กล้า

การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

“ทำไมเราต้องมาเจอความทรมานพวกนั้นด้วย! ทั้งหมดที่เราอยากได้มันก็แค่ชีวิตธรรมดาๆ เท่านั้นเอง! ทั้งหมดที่เราอยาได้มันก็แค่ได้อยู่ท่ามกลางผู้คนใจดีและใช้ชีวิตอย่างสงบเท่านั้นเอง! ภารกิจผู้กล้าอะไรนั่น! ความสงบของมนุษยชาติอะไรนั่น! เราไม่รู้เรื่องอะไรนั่นหรอก! ถึงยังงั้น…ถึงยังงั้น ทั้งคุณพ่อ ทั้งคุณแม่ ทั้งทุกคนที่หมู่บ้าน พวกเขาทุกคนกลับขายเราแลกเงิน! ทุกคนรู้ทั้งรู้แท้ๆ แต่ก็ยังยอมให้เราไปถูกทรมานในนรกนั่นอีก!”

 

…ไม่มีใครเข้าไปหยุดผู้กล้าที่กำลังกรีดร้องเลย เธอปล่อยมือออกจากดาบที่ปักคาอกของท่านจอมมารอยู่ ก่อนจะทรุดลงคุกเข่า กุมหัวตัวเองและเริ่มสะอึกสะอื้น

 

“ตั้งแต่ตอนนั้น วันแล้ว วันเล่า วันแล้ว วันเล่า วันแล้ว วันเล่า! เราต้องหวดดาบจนฝ่ามือแตก! ต้องถูกเตะถูกตีจากพวกอัศวินนั่น! ต้องถูกฉีกเป็นชิ้นทั้งร่างกายทั้งจิตวิญญาณจากพวก 12 อัครสาวกหรือบ้าบออะไรนั่น! แม้แต่อาหารก็ยังห่วยแตกจนจะทำให้เราอ้วกได้ทุกมื้อ… มันนานมากจนเราจำไม่ได้ว่าอาหารที่ดีเป็นยังไงด้วยซ้ำ!! ต้องถูกกรอกหูทุกวันด้วยคำพูดจากเทพธิดาของมวลมนุษย์ เทพธิดาที่ไม่เคยคิดจะช่วยเราจากนรกนั่นเลยแม้แต่นิดเดียว!? พวกมันทรมานเรามากกว่าที่เราจะจำได้อีก… ตอนที่พวกมันฆ่าเรา เราคิดว่าจะได้จากไปอย่างสงบแล้วแท้ๆ แต่พวกมันยังหน้าด้านลากเรากลับมามีชีวิตในนรกนั่นต่ออีก!! พวกมันพร่ำอยู่ได้ทุกวันให้เราทำลายล้างพวกเผ่ามาร! เราไม่เคยมีเรื่องอะไรกับพวกเขาด้วยซ้ำ! ไอ้พวกชั่วน่ะ คือพวกมันที่ทรมานเราอยู่ตอนนี้ต่างหาก!!”

 

…ฉันรู้อยู่แล้วว่าผู้กล้าน่ะต่างจากคนอื่น

บางที เธออาจจะฉลาดมากมาตั้งแต่ก่อนจะเป็นผู้กล้าแล้วก็ได้

เพราะเธอสามารถคิดทุกอย่างได้เป็นเหตุเป็นผล และเพราะเธอถูกแยกจากพ่อแม่ที่ถูกล้างสมองมาจากเทพธิดาอย่างเป็นธรรมชาติ เธอเลยไม่ถูกล่อลวงเรื่องของเทพธิดาเลย

 

“ไม่มีใครช่วยเราซักคน! ไม่มีใครมองเราเป็นมนุษย์ซักคน! อะฮะฮะ…พวกคุณเชื่อมั้ยล่ะ? เรานึกไม่ออกแม้แต่ชื่อของตัวเองแล้วด้วยซ้ำ! ไม่เคยมีใครสักคนเรียกเราด้วยชื่อเลย! พวกมันเรียกกันแต่ผู้กล้า ผู้กล้า ผู้กล้า จะบ้าหรือไง!!! เราไม่สนหรอกเรื่องจะเป็นผู้กล้าอะไรนั่น!! เราไม่ได้อยากได้ไอ้พรสวรรค์นั่น!! ไม่รู้มีตั้งกี่ครั้งที่เราอยากจะตายให้พ้นๆ ไป จะได้รู้สึกดีขึ้นกว่านี้ซักที!! เราน่ะ…เราน่ะ……!!”

 

…บางทีเธออาจจะถึงขึดจำกัดของเธอแล้วก็ได้ ผู้กล้าเลยล้มลงร้องไห้สะอึกสะอื้น

ท่านจอมมารที่กำลังกุมไหล่ของผู้กล้าอยู่ และรับฟังเสียงร้องของเธอมาโดยตลอดก็ดึงดาบที่แทงเธออยู่ออกมาโดยไม่ร้องออกมาซักนิดเดียว

 

“ท- ท่านจอมมารค่ะ เลือดนั่น…!”

“หืม? อ้อ ไม่ต้องกังวลไปหรอก ของเพียงแค่นี้ไม่อาจจะฆ่าเราได้อยู่แล้ว เรามีร่างกายที่ออกจะพิเศษเสียหน่อย ที่สำคัญกว่านั้น…”

 

ท่านจอมมารหันไปหาทางผู้กล้าอีกครั้ง ย่อตัวลง และมองที่เธอ

เธอยังคงลูบหัวของผู้กล้าอยู่นานจนเธอหยุดร้องไห้และใจเย็นลง

 

“สงบใจลงบ้างหรือยัง?”

“…ค่ะ”

“…เอาล่ะ เจ้าเด็กน้อยผู้ได้ปลดภาระของผู้กล้าออกแล้วเอ๋ย เจ้าต้องการจะทำสิ่งใดต่อกันฤๅ?”

“…หมายความ…ว่าอะไร…เหรอ?”

“เจ้าได้ทำมามากพอแล้ว เจ้าฆ่าเรา ภารกิจของเจ้าก็ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว เจ้าหยุดหัวใจของเราลงและจัดการเผ่ามารที่นำโดยเราได้สำเร็จแล้ว เจ้าน่ะยังเยาว์นัก เยาว์พอที่จะยังเอาแต่ใจได้ บอกเราสิ ณ ขณะนี้ เจ้าต้องการจะทำสิ่งใด?”

 

สีหน้าของผู้กล้าดูมึนงงอยู่ซักพัก… แต่แล้วสีหน้าเธอก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่ทั้งโกรธหรือเสียใจ แต่เป็นสีหน้าที่ดูมืดมิด

 

“เราต้องการ… แก้แค้น…”

“โห? กับใครกันฤๅ?”

“พวกมันทุกคน! ทั้งพ่อแม่ที่ขายเรา ทั้งพี่สาว ทั้งคนทั้งหมู่บ้านนั่น ทั้งพวกอัศวินที่ทรมานฉัน ทั้งพวก 12 อัครสาวกนั่น… และประเทศที่สั่งการพวกมัน!! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ใช่แล้ว เราจะฆ่าพวกมัน ฆ่าพวกมันซะให้หมด! เราจะให้พวกมันได้ทรมาน ให้พวกมันได้ชดใช้ ให้พวกมันร้องขอชีวิต แล้วเราก็จะฆ่าพวกมันให้เหี้ยน! เราควรจะเป็นผู้ปกป้องพวกมนุษย์นั่นแล้วถ้าเกิดพวกมันไม่ได้ตัดสินใจแบบนั้นแล้วทำลายมันไป ถ้างั้น เราจะเป็นผู้ละเลงเลือดของมนุษยชาติเอง!!! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! แบบนี้สิดี! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!”

 

――― แล้วบางสิ่งบางอย่างก็พังทลาย

แต่… ที่เธอพูดมานั่นก็เยี่ยมไปเลย

ความโกรธ ความเกลียดชัง และความเคียดแค้นต่อมนุษยชาตินั่นถูกถ่ายทอดออกมาอย่างชัดเจน ด้วยพลังของ [อสูรอาฆาตแค้น]

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! ฮ่าฮ่าฮ่-…”

 

ผู้กล้าหัวเราะมาซักพักราวกับเพื่อชดเชยข้อเท็จจริงที่ว่าอารมณ์ของเธอถูกพังทลายมาจนถึงเมื่อครู่นี้… แล้วจู่ๆ เธอก็ล้มลงไป

 

“นี่ เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?…… แค่หลับไปงั้นฤ… ดูท่าหลังจากที่นางได้หัวใจกลับมาคงจะเหนื่อยล้าจากอารมณ์ที่พรั่งพรูออกมานั่นแล เอาเป็นว่า นางไม่เป็นไรแล้ว”

 

ท่านจอมมารอุ้มผู้กล้า… ไม่สิ อดีตผู้กล้าขึ้นมาด้วยท่าอุ้มเจ้าหญิง

 

“โอ๊ะ ตัวเบามากเลยทีเดียว”

“ด้วยพลังระดับจอมมารแล้ว จะอะไรก็เบาไปหมดไม่ใช่เหรอคะ…”

“ช่างเรื่องนั้นไปก่อน… การพังทลายของจิตใจของนางเป็นผลจากการ ‘สูญเสียตัวตน’ นางเป็นผู้กล้า แต่กลับถูกปฏิบัติอย่างโหดร้าย นางไม่เข้าใจความหมายของสถานการณ์ในปัจจุบันเลย และผลของมันก็เกิดต่อเป็นลูกโซ่จนทำให้จิตใจของนางต้องพังทลาย เพราะเช่นนั้น การจะปลดปล่อยนางจากโซ่ตรวนอย่างการเป็นผู้กล้า และมอบจุดมุ่งหมายให้กับนางในฐานะที่นางเป็นแค่เด็กธรรมดานั้นจะช่วยฟื้นฟูจิตใจให้นางได้… แม้ว่า จริงๆ นี่จะมาจากเทพพยากรณ์ของท่านอิซึสึก็ตามที”

 

…ฉันคิดว่าท่านอิซึสึเคยพูดมาครั้งนึงนี่นะว่า ‘เราจะช่วยด้วยเมื่อเธอจับตัวผู้กล้าได้แล้ว’

อย่างที่คิดเลยค่ะ เทพที่สุดยอดเลย ท่านทำงานของท่านต่างจากใครบางคนจริงๆ

 

“ท่านจอมมารครับ… แผลที่อกนั่นไม่เป็นไรจริงๆ เหรอครับ?”

“ไม่มีปัญหา ลีนนั้นน่ะน่าเป็นห่วงกว่าเราเสียอีก จากการอวยพรของท่านอิซึสึ เราสามารถกลับมามีชีวิตได้ตามที่ต้องการอย่างไม่มีเงื่อนไขได้ครั้งหนึ่งในทุกๆ 100 ชั่วโมง แม้ว่าเราจะไม่ทำแบบนั้น หากเราสั่งใช้งานสมบัติศักดิ์สิทธิที่เราสวมใส่อยู่ล่ะก็ เราก็สามารถป้องกันการโจมตีระดับนั้นได้อยู่แล้ว”

“…ง- งั้นเหรอครับ?”

 

ท่านจอมมารสุดยอดไปเลย สมแล้วล่ะที่ขนาดท่านอิซึสึยังเรียกว่าเป็นตัวโกง

 

“แต่ หากเราจะว่าอะไรล่ะก็ ผลของเวทฟื้นฟูนั้นให้ผลต่ำกว่าปกติมากทีเดียว”

“โอ๊ะ ของฉันก็เหมือนกันค่ะ ฉันร่ายเวทฟื้นฟูมาตั้งแต่เมื่อกี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ยังแทบไม่เห็นผลการรักษาเลย…”

“เช่นนั้นแล้ว นั่นก็ไม่ใช่พลังของผู้กล้าเองหรอก… โอ๊ะ ดาบเล่มนี้มัน ที่แท้ก็เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์นี่เอง หากเราจำไม่ผิด มันน่าจะชื่อ ‘ดาบมาร ไดอาส’ มีความแข็งแกร่งคงทน ไม่อาจถูกทำลายได้ อีกทั้งยังมีความสามารถแสนน่าเกลียดอย่างการสัมผัสถูกสิ่งที่ไม่มีรูปร่างทางกายภาพได้ อาทิเช่น ไฟหรือน้ำ และยังทำให้แผลที่ถูกฟันนั้นรักษาได้ยากขึ้นอีกด้วย”

“ผู้กล้าใช้ดาบมารเหรอคะ…?”

“ก็ ตัวดาบนั้นดูงดงามราวกับดาบศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว เพราะเหตุนั้น พวกมนุษย์จึงคิดว่ามันเป็นการดีที่พวกมันจะเก็บเอาไว้นั่นแหละ… เอาล่ะ ผู้บริหารทุกคน และก็ลีน พวกเจ้าทุกคนทำได้ดีมาก ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ภารกิจการปกป้องผู้กล้าสำเร็จลุล่วงแล้ว”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! แหม ใช้เวลานานพอดูเลยนะครับเนี่ย”

“เจ้าไม่ต้องพูดเลย อารอน เจ้าแทบไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ใช่หรือไง… ตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่าในครั้งนี้คือลีนเลย ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากของเจ้าเลยนะ”

“…ไม่หรอกค่ะ ฉันคนเดียวทำเรื่องพวกนั้นไม่ได้หรอก…”

“คุคุคุ ยังถ่อมตัวเหมือนเดิมเลยนะ”

 

ไม่ค่ะ ฉันหมายความแบบนั้นจริงๆ

ผู้บริหารทุกคน ท่านจอมมารเอง และก็ทหารคนอื่นๆ ทุกคนในกองทัพจอมมารเลย เพราะความร่วมมือจากทุกคน ภารกิจนี้เลยสำเร็จได้ต่างหาก นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดล่ะนะ

…และฉันก็รู้สึกขอบคุณคุณอารอนที่ซึมไปเลยหลังจากโดนท่านจอมมารพูดออกมาแบบนั้นอยู่นะ จริงๆ นะ

 

การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

Status: Ongoing
เซนโจ โยนะ เด็กหญิงที่ถูกกลั่นแกล้งอย่างหนัก ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแก๊สระเบิด หลังจากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของเทพชั่วร้าย อิซึสึ เธอก็ได้มาเกิดใหม่เป็นลูกสาวของผู้นำเผ่าแวมไพร์ [ลีน บลัดลอร์ด] ชีวิตอันสงบสุขกำลังรอเธออยู่ รายล้อมไปด้วยครอบครัวและเพื่อนพ้องที่รักเธอ สิ่งที่เธอต้องการมาโดยตลอดจากชาติก่อน … แต่เวลาเหล่านั้นก็ต้องสิ้นสุดลง จากการกวาดล้างเผ่าพันธุ์แวมไพร์ด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์อย่างไร้เหตุผล “อา เข้าใจแล้ว ชีวิตของฉันต้องพังทลายเพราะว่ามีพวกมนุษย์อยู่งั้นสินะ” อีกด้าน มีเด็กสาวที่ถูกมองเป็นตัวน่ารำคาญในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เธอได้รับ [คุณสมบัติของผู้กล้า] พร้อมทั้งพรสวรรค์และศักยภาพอันล้นเหลือ แต่จิตใจของเธอกลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์ เพื่อล้างสมอง และเปลี่ยนเธอเป็นอาวุธมีชีวิต “จริงๆ แล้ว…ไม่อยากปกป้องพวกมนุษย์ซักหน่อย เราไม่ได้อยากเป็นผู้กล้า…” และพวกเธอผู้เกลียดชังต่อมนุษย์ ก็กลายมาเป็นภัยพิบัติต่อมนุษยชาติ นี่คือเรื่องราวของเด็กสาว 2 คนที่ชีวิตต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของมนุษย์ และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไป เหลือเพียงแค่ชีวิตของตัวเอง และพวกเธอจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อล้างแค้นและกวาดล้างมนุษยชาติให้สิ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท