ตอนที่ 246 เรื่องเกิดที่เกาะนภา
เรื่องฮ่องเต้ตัดศีรษะเซียนอีกทั้งพลิกเมืองตามหาเซียนแพร่ออกไปผ่านปากต่อปากเร็วมาก แม้แต่ชาวบ้านธรรมดาล้วนรู้เรื่อง เซียนผู้นั้นในเมื่อถูกฮ่องเต้ตัดศีรษะด้วยความโมโห มากกว่าครึ่งไม่มีทางกลับไปได้แล้ว
ฮ่องเต้มอบหมายเรื่องนี้ให้เหยียนฉาง ฝ่ายหลังเพียงบอกรายละเอียดใบหน้าท่าทางของขอทานชรากับเจ้าหน้าที่และขุนนางหลายคน ให้พวกเขาไปลองดูตรงที่ขอทานส่วนมากอยู่รวมตัวกันตามถนนต่างๆ ของเมือง
ตอนเจ้าหน้าที่ไปค้นหาสอบถาม เหยียนฉางขอร้องทุกคนว่าให้ทำสีหน้าอ่อนโยน อย่าทำสีหน้าดุร้าย ยิ่งไม่อาจติดภาพเหมือนของขอทานไว้ทั่วทุกที่ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรคนที่พวกเขาตามหาก็เป็นผู้สูงส่ง เหยียนฉางไม่กล้าใช้วิธีตามหาอย่างป่าเถื่อนจริงๆ
จนกระทั่งเย็นวันนั้น ข่าวที่ได้รับไม่น้อยเลย มีคนได้ยินว่าขอทานชราปรากฏตัวที่หัวถนนแห่งหนึ่ง และมีคนได้ยินว่าปรากฏตัวที่โรงน้ำชาบางแห่ง ถึงขนาดมีคน ‘พบ’ ขอทานชราแล้วด้วย พอเหยียนฉางไปดูกลับเป็นขอทานเฒ่าธรรมดาคนหนึ่ง จึงมอบถุงข้าวให้คนผู้นั้นไปเป็นอันจบเรื่อง
เมื่อจัดการเรื่องในวันนี้เสร็จ อ๋องและขุนนางใหญ่ทุกคนล้วนเดินไปทางวังหลวง เพราะงานเลี้ยงฉลองพระชนมายุกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
แม้ฮ่องเต้หยวนเต๋อได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมหาศาลตั้งแต่เช้า แต่พอตกเย็นแล้วเขาเปลี่ยนกลับไปเป็นประมุขผู้สง่างามและเยือกเย็น ราวกับความรู้สึกพ่ายแพ้เมื่อตอนกลางวันไม่ปรากฏให้เห็นบนตัวเขาแม้สักนิด
ก่อนงานเลี้ยงฉลองจะเริ่ม เหยียนฉางถูกเรียกตัวไปถามความที่ห้องทรงอักษรอย่างลับๆ ไม่ถามขั้นตอนแต่ถามผลลัพธ์ ทำให้เหยียนฉางที่เตรียมคำพูดไว้แล้วพูดไม่ออก ทำได้แค่ตอบอย่างไม่สบายใจว่า ‘ไร้ผลลัพธ์’
โชคดีที่ครั้งนี้ไม่ถูกตัดสินโทษ ความจริงฮ่องเต้หยวนเต๋อก็รู้เรื่องอยู่บ้างแล้ว จึงถามเหยียนฉางอย่างเสียไม่ได้อีกหลายคำถึงค่อยไปที่งานเลี้ยงฉลองพร้อมกับเขา ฝ่ายขุนนางเหยียนที่อกสั่นขวัญแขวนพลันตื่นตกใจเพราะได้รับความเอ็นดูอย่างฉับพลัน
ทั้งงานเลี้ยงฉลองพระชนมายุเคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง และเพราะเป็นงานเลี้ยงครบรอบอายุเจ็ดสิบปี กฎระเบียบจึงมากยิ่งกว่าปีที่แล้ว
ถึงขนาดที่ว่าฮ่องเต้แต่งตั้ง ‘ปรมาจารย์’ ในงานเลี้ยงฉลองด้วย นักเวทสิบสี่คนที่เหลือได้ชื่อว่าเป็น ‘ปรมาจารย์’ ทุกคน และได้รับเงินรางวัลหนึ่งพันตำลึงทอง
ถูกต้อง เหลือสิบสี่คนจริงๆ มีภิกษุรูปหนึ่งบอกก่อนเริมงานเลี้ยงฉลองว่ารู้สึกผิดที่ผิดทาง ล้มป่วยลุกไม่ขึ้นอยู่ที่สถานพักม้า
เหยียนฉางให้หมอหลวงไปตรวจอาการโดยเฉพาะ วินิจฉัยว่ามีอาการอาเจียนและท้องร่วง ร่างกายอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง
ฮ่องเต้หยวนเต๋อไม่คาดหวังกับคนที่เหลือมากเกินไป คนที่ป่วยใกล้ตายยิ่งไม่มีทางเข้าตาเขา จึงตัดออกจากรายชื่อแต่งตั้งทันที ลดเงินรางวัลเหลือแค่ทองหนึ่งพันชั่งด้วย
แน่นอนว่าสิบสี่คนที่เหลือส่วนใหญ่ทำไปเพื่อชื่อ ‘ปรมาจารย์สวรรค์’ เท่านั้น ไม่ได้คิดรับใช้ฮ่องเต้ชราเลย
ขณะแขกขุนนางในตำหนักดื่มสุรา พูดคุย และเต้นรำกัน ภายในสถานพักม้าข้างแท่นพิธีแห่งหนึ่ง ภิกษุหน้าตาดีที่เดิมทีล้มป่วยหน้าซีดขาวเลิกผ้าห่มของตนเองออกเสียอย่างนั้น
เพราะเป็นงานฉลองพระชนมายุ เขาแต่งกายอย่างดีคลุมชุดคลุมตัวยาว เมื่อผูกเชือกรองเท้าเรียบร้อยดีแล้วถึงไปหยิบไม้เท้าของตนเองขึ้นจากมุมผนัง จากนั้นใส่หมวกเตรียมพร้อม
“สาธุพระวิทยาราช…หนีดีกว่า!”
เขาไปถึงข้างประตูอย่างเงียบเชียบ เปิดประตูออกดังเอี๊ยด
“เฮ้ย…!”
เพิ่งเปิดประตูออกไปก็เห็นชายชราหน้าตาไม่เป็นมิตรคนหนึ่งยืนอยู่ข้างนอก กลิ่นอายนั้นทำให้ภิกษุรูปนี้ตกใจมากจนต้องถอยหลังไปมากกว่าหนึ่งจั้ง
“หึๆๆ…ภิกษุ เจ้าจะไปไหนหรือ”
ใบหน้าของภิกษุไม่แดงไม่แห้ง แต่มีเหงื่อหยดลงมาจากศีรษะที่เปลือยเปล่าใต้หมวกไม้ไผ่
“สาธุพระวิทยาราช…อาตมากำลังจะออกจากสถานพักม้า แล้วโยมเล่า”
คนหน้าตาน่ากลัวข้างนอกสถานพักม้าก็คือมังกรเฒ่าอิงหง เห็นท่าทางภิกษุรูปนี้แล้วยิ่งโมโหขึ้นมา
“เจ้า…มีงานฉลองพระชนมายุฮ่องเต้กลับไม่ไป แต่แกล้งป่วยแล้วจะหนีไปหรือนี่”
“เอ่อ…โยมเป็นคนของราชสำนักต้าเจินหรือ”
ภิกษุกระวนกระวายใจมาก หากราชสำนักต้าเจินมีบุคคลเช่นนี้ แล้วฮ่องเต้ชราผู้นั้นยังต้องตามหาเซียนไปทั่วทีปอีกหรือ
‘สาธุพระวิทยาราช นี่ไร้สาระเกินไปแล้ว!’
“ฮ่าๆ…ข้า? คนของราชสำนักต้าเจิน? ฮ่าๆ…”
มังกรเฒ่าโมโหจนหัวเราะออกมา ยื่นมือไปคว้าภิกษุรูปนั้น ยืนอยู่ที่หน้าประตูแท้ แขนก็ไม่ได้ยืดยาวออกไป ยิ่งไม่จำเป็นต้องใช้วิชาดึงดูด แต่ที่ว่างทั้งเรือนคล้ายกับถูกทำให้หดลง ภิกษุตัวติดผนังหนีไปไหนไม่ได้ ถูกมังกรเฒ่าจับคอเสื้อไว้โดยตรง
จากนั้นเหมือนกับนกอินทรีจับลูกไก่ มังกรเฒ่าหิ้วภิกษุรูปนี้ก้าวออกจากสถานพักม้าไป บินขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที
“เดี๋ยวๆๆ…โยม ท่านเซียน! มีอะไรพูดกันดีๆ มีอะไรพูดกันดีๆ! อาตมาไม่เป็นวิชาเหาะเหินหรอกนะ!”
ภิกษุที่อยู่บนท้องฟ้าไม่กล้าขยับมือเท้าตามใจชอบ กลับกอดแขนมังกรเฒ่าไว้จนแน่นเพราะกลัวตกลงไป ตกลงไปจากความสูงร้อยจั้งแบบนี้ หากกระดูกไม่เป็นผุยผงก็ต้องเป็นอัมพาตครึ่งร่างแล้ว
หายนะนี้ไม่มีเค้าลางเลยสักนิด ไม่ว่าอย่างไรก็คิดคำนวณไม่ถึง ภิกษุยิ่งไม่รู่ว่าตนเองไปหาเรื่องบุคคลที่มีระดับการฝึกปราณขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
มังกรเฒ่าพาภิกษุบินอยู่บนอากาศเพียงครู่เดียว สุดท้ายบินไปถึงท้องฟ้าเหนือวังหลวง ชี้การเต้นรำข้างล่างแล้วตะคอกว่า
“นี่คือที่ไหน”
ภิกษุรู้สึกได้ถึงลมคลั่งบนท้องฟ้าสูงเวลากลางคืน กลืนน้ำลายก่อนตอบ
“วังหลวง”
“อืม ข้างล่างเพิ่งมีการแต่งตั้งปรมาจารย์ เจ้าอยากไปทวงตำแหน่งสักหน่อยหรือไม่ วางใจเถอะ ข้าโยนเจ้าลงไปเจ้าไม่มีทางตาย อีกทั้งปรากฏตัวทั้งอย่างนี้ ฮ่องเต้ชราองค์นั้นต้องมอบรางวัลให้เจ้าอย่างแน่นอน!”
“อย่า อย่าเลยดีกว่า! ท่านเซียนอย่าล้ออาตมาเล่นเลย อาตมาไม่เคยทำผิดอะไรต่อท่าน ถึงต้องตายก็ต้องอธิบายให้ชัดเจนกระมัง”
เห็นท่าทางให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมของภิกษุรูปนี้แล้ว มังกรเฒ่าพ่นลมหายใจออกเพื่อปรับอารมณ์เล็กน้อย
“หากเจ้าไม่อยากเป็นปรมาจารย์จริงๆ ช่วงงานชุมนุมเก้าวันเจ้าแสดงอภินิหารอะไร เจ้ากินข้าวอิ่มหรือไม่ ข้าพนันกับท่านจี้ไว้ เดิมคาดว่าชนะแน่นอน ต่อมารู้สึกว่าน่าจะเสมอกัน ดี ดีมาก เมื่อครู่ที่ศาลมืดจังหวัดจิงจีมีอะไรบางอย่าง ลองคำนวณดูแล้วข้าแพ้อย่างน่าประหลาด คิดร้อยตลบแล้วก็ยังไม่เข้าใจ ที่แท้ภิกษุอย่างเจ้าแกล้งป่วยนี่เอง!”
ภิกษุร้อนใจเกิดปัญญา หาโอกาสรีบพูดขึ้น
“ท่านเซียน ในเมื่อท่านพนันไว้แล้ว ย่อมต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ตอนนี้ท่านกำลังโกงนะ ใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ได้!”
มังกรเฒ่ากลุ้มใจอยู่บ้างเช่นกัน จับภิกษุไว้เพื่อขู่ หากภิกษุรูปนี้ยังคงสงบนิ่ง เขาคงหงุดหงิดมากอย่างแน่นอน ตอนนี้เห็นท่าทางกระวนกระวายของอีกฝ่ายแล้ว เขากลับคลายความโกรธลงไม่น้อย
ไม่พูดแล้ว มังกรเฒ่าหิ้วภิกษุรูปนี้ขี่ลมบินไปทางจังหวัดจิงจี จากนั้นร่อนลงกลางศาลมืด
หลายวันก่อนพวกมารและปีศาจที่ถูกจับล้วนถูกขังอยู่ที่ศาลมืด ทั้งหมดเป็นร่างวิญญาณ ร่างจริงมากกว่าครึ่งถูกมังกรเจียวย่อยสลายไปแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่ภิกษุได้เข้ามาในศาลมืดของจังหวัดอย่างแท้จริง ปราณหยินเข้มข้นสายหนึ่งปะทะร่างกาย ปากท่องว่าสาธุพระวิทยาราชอย่างต่อเนื่อง
ภายในตำหนักเทพหลักเมือง ไอหมอกทรงกลมขนาดใหญ่ตลบอบอวลอยู่ใจกลางตำหนัก กลางไอหมอกปรากฎเงาลวงผืนหนึ่ง เป็นภาพส่วนที่ลึกที่สุดของคุกศาลมืด
คนกลุ่มหนึ่งกำลังดูชมอยู่ในตำหนักเทพหลักเมือง มีผู้ฝึกปราณเขาล้อมหยกกลุ่มหนึ่ง มีเทพผีศาลมืดและเทพหลักเมืองจังหวัดจิงจี อีกทั้งมีคนที่กลายร่างเป็นปีศาจอย่างชัดเจนจำนวนหนึ่ง
“ท่านพ่อ จู่ๆ ท่านออกมาทำไม เอ่อ ภิกษุรูปนี้ควรอยู่ที่วังหลวงไม่ใช่หรือ”
บุตรมังกรอิงเฟิงกาไหนน้ำไม่เดือดหยิบกานั้น[1] แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าปิดบังอะไร มังกรเฒ่าเป็นมังกรที่ยอมแพ้พนันแล้ว
“ภิกษุรูปนี้แกล้งป่วยไม่ไปวังหลวง ไม่อาจได้รับตำแหน่งปรมาจารย์ที่ฮ่องเต้แต่งตั้งให้”
“ไม่ใช่กระมัง นี่ก็ทำได้ด้วยหรือ”
ธิดามังกรที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“แบบนี้ก็แพ้ได้หรือ”
จากนั้นนอกจากคนที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรจำนวนหนึ่งประหลาดใจแล้ว สองสามคนที่รู้เรื่องนี้ต่างมองจี้หยวนที่อยู่ข้างๆ
จี้หยวนมองภิกษุที่มังกรเฒ่าใจร้ายผู้นี้หิ้วกลับมา ฝ่ายหลังประสานมือคารวะเซียนมารและเทพผี ศึกษาพุทธศาสนาจนถึงวันนี้ สถานการณ์แบบนี้อย่าว่าแต่ไม่เคยเห็น แค่คิดยังไม่เคยคิดเลย รู้สึกว่าเหมือนอยู่กับพระวิทยาราชอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งเป็นพระวิทยาราชกลุ่มหนึ่ง
“อาตมาเพียงมาเข้าร่วมงานชุมนุมวารีปฐพี ตอนนี้งานชุมนุมจบลงแล้ว เตรียมออกจากเมืองหลวงไป ไม่ทราบว่ามีตรงไหนไม่สะดวกหรือ”
จี้หยวนมองท่าทางตกใจของภิกษุรูปนี้ ก่อนจะยิ้มให้เขาแล้วเอ่ยปาก
“ไต้ซือ ท่านคงไม่คิดว่าผู้อาวุโสอิงแค่โมโหจริงๆ ก็เลยจับท่านมาที่ศาลมืดใช่หรือไม่”
หรือว่าไม่ใช่
“เอ่อ…ผู้อาวุโสสง่างามไม่ธรรมดา ย่อมไม่มีทาง…”
ภิกษุแปลกใจ แต่สิ่งที่พูดออกจากปากพิจารณาตามความจริงอย่างยิ่ง
“ไต้ซือเชิญดู!”
จี้หยวนชี้ไปยังภาพกลางหมอกภายในตำหนักเทพหลักเมือง แม้ไม่มีเสียง แต่ในภาพล้วนเป็นความน่าสยดสยองของวิญญาณหรือมารร้ายที่ถูกทรมาน เสียงร้องเพราะเจ็บปวดฉายชัดผ่านสีหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัวเหล่านั้น
“พวกนี้ล้วนเป็นมารหรือปีศาจที่แทรกซึมเข้ามาในต้าเจิน ในบรรดาพวกมันย่อมมีพวกหาผลประโยชน์ในสถานการณ์วิกฤติไม่น้อย และมีพวกพื้นเพไม่ธรรมดาอยู่บ้างเช่นกัน แม้ทนต่อความเจ็บปวดทรมานเกินจะบรรยายไม่ได้ แต่ตัวพวกมันเองรู้ว่ามีขีดจำกัดเช่นกัน”
มังกรเฒ่าแค่นหัวเราะก่อนกล่าว
“เกาะเมฆาบูรพาของข้ามีแนวโน้มวุ่นวาย เจ้าเป็นพระวัดต้าเหลียงแห่งอาณาจักรถิงเหลียงและทางเหนือ เดินทางไกลมาถึงต้าเจิน ไม่ได้กลับไปกี่ปีแล้วเล่า”
ภิกษุมุ่นคิ้วพิจารณา
“อาตมาปีนี้อายุสี่สิบสอง นับดูแล้วน่าจะสิบเจ็ดปี”
ถึงรู้ว่าภายในตำหนักหลังนี้ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดที่ไม่รู้ว่ามีอายุกี่รอบแล้ว ทว่าใบหน้าหล่อเหลาของภิกษุรูปนี้ไม่ตรงกับอายุจริงเกินไป ทำให้จี้หยวนต้องมองเขาอีกครั้งหนึ่งตามสัญชาตญาณ
“อืม เช่นนั้นท่านควรกลับไปดูหน่อย แม้พวกข้าไม่รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังปีศาจเหล่านี้เกี่ยวพันกับอะไรมากท่าไหร่ แต่มีส่วนที่ไม่เล็กในนั้นมาจากอาณาจักรเทียนเป่า ซึ่งพรมแดนทางตอนเหนือติดกับอาณาจักรถิงเหลียง”
“เหนืออาณาจักรเทียนเป่า!? เป็นไปได้อย่างไร”
“ฮ่าๆ เป็นไปได้อย่างไรที่มีปีศาจเยอะขนาดนี้”
ฟังคำมังกรเฒ่าแล้ว ภิกษุรูปนี้พยักหน้าโดยจิตใต้สำนึก คนทางเหนือของอาณาจักรถิงเหลียงเรียกอาณาจักรเทียนเป่ากันติดปากว่าเหนืออาณาจักร นั่นเป็นเพราะไม่มีทางด้อยกว่าใครที่ตรงไหน แต่ตอนนี้มารที่ได้ปราณแล้วมากมายมาที่นี่ ต้องมีปัญหาบางอย่างอย่างแน่นอน
[1] กาไหนน้ำไม่เดือดหยิบกานั้น หมายถึง ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด