บทที่ 176 ท่าทีที่ไม่จริงใจ
“มึงมันก็แค่คนธรรมดา จะเรียกใครมาได้ คนที่คนธรรมดาอย่างแกรู้จักถ้าไม่ใช่คนจนก็ต้องเป็นพวกเศษสวะ มึงจะเรียกใครก็แล้วแต่ ฉันจะดูสิว่ามึงจะเรียกไอ้เหี้ยที่ไหนมา”
หวังหย่องรู้สึกดูถูกเหยียดหยามหลี่โม่ ถ้าพูดตามหลักการและเหตุผล คนธรรมดาไม่มีทางรู้จักคนใหญ่คนโตแน่นอน
“ฮัลโหล ผู้อำนวยการหลิวซินหมินใช่ไหม? ผมคือหลี่โม่”
หลี่โม่พูดเบาๆ
“สวัสดีครับนายน้อย ผมคือหลิวซินหมิน ท่านมีปัญหาอะไรรึเปล่า? หากเป็นปัญหาเรื่องการรักษา ท่านวางใจได้ ผู้เชี่ยวชาญได้ปรึกษาหารือ และกำหนดแผนการรักษาแล้ว”
หลิวซินหมินโน้มตัว และพูดด้วยความเคารพ
สำหรับตัวตนและภูมิหลังของหลี่โม่ หลิวซินหมินรู้ดีว่าเป็นอย่างไร เขาเป็นถึงเจ้านายของนักลงทุนในโรงพยาบาลเรียงตามความอาวุโสนั้น เขาถือว่าเป็นรุ่นปู่เชียวนะ!
“คุณหมอหวังกับฉันขัดแย้งกันเล็กน้อย นายมาที่นี่หน่อย ตรงหน้าห้องประตูผู้ป่วยของซีซี”
หลี่โม่เลิกคิ้ว และเหลือบมองไปที่หวังหย่องที่กำลังมีเลือดกำเดาไหลอยู่
“”ไอ้หวังหย่องคนนี้! นายน้อยโปรดรอสักครู่ ผมจะรีบไปจัดการมันให้ครับ!”
หลิวซินหมินคำรามทันที
“อืม ฉันวางละ”
มองดูหลี่โม่วางสาย หวังหย่องยืนพิงผนังและเอามือกุมหน้าท้องของเขา หัวเราะจนร่างกายกระตุกไปทั้งตัว
“น่าขำชะมัด ไอ้ขี้หมาอย่างแกถึงกับโทรหาผู้อำนวยการหลิว แสดงได้เหมือนเหมือนกันนะเนี่ย”
“เดี๋ยวแกก็รู้ว่าจริงหรือไม่จริง” หลี่โม่ยิ้มขณะพูด
“รอกับผีอะไร มึงคิดว่าแค่แกล้งทำเป็นแบบนี้ก็จะไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม โง่จริงๆ อุตส่าห์ให้เวลามึงในการกลับตัวกลับใจ แต่เป็นมึงเองที่ไม่รับมันไว้ ต่อให้มึงเรียกหาปู่ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว! พวกมึงทุกคนต้องตายในวันนี้! ”
หวังหย่องพูดอย่างโกรธๆ ด้วยใบหน้าที่น่าเกลียด!
ตึกตึกตึก!
มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นมา และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลุ่มหนึ่งก็วิ่งเข้ามา
หัวหน้าถงวิ่งไปที่ข้างกายของวังหย่อง มองดูจมูกและใบหน้าของหวังหย่องที่ฟกช้ำ เสื้อผ้าที่เปื้อนเลือด และหายใจด้วยความตกใจ
“ชิบหาย คุณหมอหวังอาการบาดเจ็บของคุณร้ายแรงเกินไปแล้ว คุณไปที่ห้องฉุกเฉินก่อนดีไหม”
หัวหน้าถงพูดอย่างเอาใจ
“ไปกับผี แกอยากให้แผนกฉุกเฉินเห็นฉันเป็นตัวตลกหรือไง! จับครอบครัวยาจกนั้นให้ฉันก่อน ฉันจะสั่งสอนพวกมัน!”
เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาถึง หวังหย่องมีความมั่นใจมากขึ้น และน้ำเสียงการพูดก็แข็งมากขึ้น
“ครับๆ”
หัวหน้าถงหันไปมองที่หลี่โม่ มองไปที่เสื้อผ้าของหลี่โม่ แล้วพูดด้วยความเยาะเย้ย”เด็กน้อย แม้แต่คุณหมอหวังก็กล้าทำร้าย แกกินดินปืนเข้าไปรึไง รีบมาขอโทษคุณหมอหวังเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นคงต้องใช้ข้อหาอาชญากรรมในการสร้างปัญหาและการยั่วยุให้เกิดปัญหา ส่งแกไปยังแผนกที่เกี่ยวข้อง ”
“ไม่ต้องให้มันขอโทษ พวกแกแค่จับครอบครัวมันไว้ และฉันจะสั่งสอนพวกมันเอง!” หวังหย่องพูดอย่างเย็นชา
“แกจะสั่งสอนใคร!” ทันใดนั้นเสียงของหลิวซินหมินก็ดังมาจากด้านหลังฝูงชน
เมื่อได้ยินเสียงของหลิวซินหมิน หวังหย่องและหัวหน้าถงก็สั่นไปทั้งตัว ไม่คิดเลยว่าผู้อำนวยการจะมาที่นี่
หัวหน้าถงแสดงสัญญาณมือให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ถอยออกเป็นทาง หัวหน้าถงพยักหน้าและโค้งคำนับให้หลิวซินหมิน
“ผู้อำนวยการหลิว ผมถูกเรียกคุณหมอหวังเรียกมา คุณหมอหวังถูกทำร้ายอย่างน่าสังเวช ดังนั้นผู้อำนวยการคิดว่าต้องควบคุมพวกอันธพาล และส่งพวกมันไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือไม่”
การปรากฏตัวของหลิวซินหมิน ทำให้หัวหน้าถงเปลี่ยนท่าทีทันที แล้วรายงานสถานการณ์ให้ หลิวซินหมินทราบทันที
หวังหย่องเหล่มองหลี่โม่ และเห็นท่าทีที่นิ่งสงบของหลี่โม่ สิ่งนี้ทำให้หวังหย่องพึมพำในใจของเขา หรือว่าผู้อำนวยการหลิวถูกเรียกโดยไอ้ยาจกนี้จริงๆ?
หวังหลิงยืนอยู่ข้างๆหวังหย่อง พูดอย่างเบาๆ “พี่ มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง”
“ฉันจะรู้ได้ยังไง บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ รอดูก่อน”
หวังหย่องหันหลังเดินไปหาหลิวซินหมิน สีหน้าเหมือนคนร้องไห้และพูดว่า “ผู้อำนวยการหลิวมาที่นี่ได้ถูกเวลาจริงๆ ท่านดูหน้าผมสิ ถูกอันธพาลทำร้าย ท่านต้องเอาเรื่องมันให้ผม”
หลิวซินหมินมองไปที่ใบหน้าของหวังหย่อง และพูดด้วยถ้อยคำแรงๆ “สมควร!”
“อะไรนะ?”
หวังหย่องมองไปที่หลิวซินหมินอย่างงงๆ คิดไม่ออกว่าหลิวซินหมินจะพูดคำนั้นออกมา
“ผู้อำนวยการหลิว คุณหมายความว่าอะไร? ผมหวังหย่องหลายปีมานี้ถึงไม่มีเครดิตแต่ก็มุ่งมานะในการทำงาน ผมถูกคนจนคนนี้ทำร้าย แต่ท่านกลับบอกว่าสมควร?”
“หรือมันไม่สมควรหรือไง! แกลองคิดสิ่งที่แกทำ แกได้ตรวจสอบหาข้อเท็จจริงของเรื่องนี้แล้วหรือยัง? หากพวกเขาไม่โกรธจนถึงที่สุด เขาจะทำร้ายแกหรือ? แกไตร่ตรองสิว่าแกทำอะไรลงไป!”
หลิวซินหมินพูดเสียงดัง
หวังหย่องหดคอลง หากเรื่องนี้ต้องสืบหาต้นตอจริงๆ ปัญหาทุกอย่างก็ต้องเป็นหวังหลิงในที่สุด
“ผู้อำนวยการหลิว ทำไมท่านถึงช่วยพวกมัน พวกมันก็แค่ไอ้ยาจก!”
หวังหลิงคำรามด้วยความไม่พอใจ
ผู้อำนวยการหลิวเหลือบมองไปที่หวังหลิง และพูดด้วยความเยาะเย้ย”คุณเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดล่ะสิ ไหนคุณพูดสิว่าที่จริงแล้วเรื่องมันเป็นยังไง”
“จะเป็นเรื่องอะไรล่ะ ลูกชายของฉันกำลังเล่นกับนังเด็กนั่น และนังเด็กนั่นก็ข่วนหน้าลูกชายฉัน และผลักลูกชายของฉัน ฉันสั่งให้นังเด็กนั่นขอโทษ แต่นังเด็กนั่นกลับต่อล้อต่อเถียงกับฉัน”
“พอฉันจะสั่งสอนนังเด็กนั่น ไอ้ยาจกนี่ก็พุ่งเข้ามาตบฉัน หน้าฉันยังมีรอยตบอยู่เลย! จากนั้นฉันก็โทรหาพี่ชายฉัน ดูหน้าพี่ชายฉันสิ เขาก็ถูกไอ้ยาจกนี่ทำร้ายเหมือนกัน!”
หวังหลิงตะโกนด้วยเสียงอันแหลมคม เหมือนกับว่าจะระบายความโกรธทั้งหมดออกมา
หลิวซินหมินชี้ไปที่กล้องวงจรปิดและพูดว่า”หัวหน้าถง ตรวจดูกล้องวงจรปิด ดูสิว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างที่เธอพูดไหม หากไม่ใช่ให้ติดต่อแผนกที่เกี่ยวข้อง ตามสถานการณ์แบบนี้ ถูกลงโทษสักสามถึงห้าเดือนคงไม่มีปัญหา”
“ครับ ผมจะให้คนตรวจสอบเดี๋ยวนี้”
หัวหน้าถงพูดเสียงดัง
เมื่อได้ยินว่าจะตรวจสอบกล้องวงจรปิด และจะส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หวังหลิงก็ตื่นตระหนก คำพูดเมื่อกี้ถูกแต่งขึ้นมาทั้งหมด หากตรวจสอบกล้องวงจรปิดขึ้นมาจริงๆ ทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผย
สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือหวังหลิงเป็นคนชอบเอาหน้า หากถูกส่งไปขังจริงๆ เป็นเวลาสามหรือห้าเดือน และถูกแพร่กระจายออกไปเธอจะเสียหน้าแบบไม่มีชิ้นดี
สายตาขอความช่วยเหลือของหวังหลิงมองไปที่หวังหย่อง และหวังหย่องก็รู้สึกตื่นตระหนกเช่นกัน เขารีบดึงหัวหน้าถงไว้ และพูดด้วยรอยยิ้ม”ผู้อำนวยการหลิว ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ไม่เห็นต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดเลย”
“ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าพวกแกจะเข้าใจแล้ว ไม่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็ได้ พวกแกขอโทษครอบครัวคุณหลี่ซะ แค่เพียงคุณหลี่ไม่เอาเรื่อง เรื่องนี้ก็จะจบลงเพียงนี้”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลิวซินหมินพูด ดวงตาของหวังหย่องก็กะพริบวูบวาบ ถามด้วยเสียงต่ำ:“ ผู้อำนวยการหลิว ท่านรู้จักไอ้ยาจกนั่น?”
“ถ้าเขาเป็นยาจก แกคงเป็นหลานยาจก ไม่ใช่ ว่าแกเป็นของยาจกดูจะยกย่องแกเกินไป แกไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเหลนด้วยซ้ำ” หลิวซินหมินพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา
หวังหย่องรู้สึกวิงเวียน และไม่สามารถเข้าใจคำอุปมาของหลิวซินหมินได้
ทำไมฉันถึงไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเหลนของไอ้ยาจก ฉันหวังหย่องเป็นหัวหน้าแผนก มีรายได้หลายล้านต่อปีเชียวนะ มีตัวแทนทางการแพทย์กี่คนที่ปฏิบัติต่อฉันเหมือนคุณปู่!
“พวกแกยังไม่ขอโทษอีกหรือไง? หากยังไม่ขอโทษคุณหลี่ ก็คงต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดจริงๆ”
ผู้อำนวยการหลิวกดดันอีกครั้ง
หวังหย่องกัดฟันแน่น หันไปจ้องหลี่โม่ ก้มศีรษะลงและพูดว่า “ฉันผิดไปแล้ว”
“ท่าทีไม่จริงใจพอ” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา