บทที่ 231 เปิดใช้งานระบบฉายากิตติมศักดิ์ (2)
บางครั้งไป๋เยี่ยก็คิดว่าการทุ่มทุนให้กับเทคโนโลยี วัฒนธรรมและผลิตภัณฑ์นั้นเปรียบเสมือนการบุกรุกอย่างหนึ่ง
ไป๋เยี่ยมองเว่ยซูชิงด้วยหัวใจสั่นเทิ้ม ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเหล่าผู้เชี่ยวชาญชื่อดังที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศถึงเดินทางกลับมาที่จีน
ก็เพื่อทำให้มาตุภูมิของเราแข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่หรือ
ในช่วงแรกของการสร้างชาติ มีผู้คนจำนวนมากเดินทางกลับมาที่ประเทศจีนและอุทิศตนให้กับการสร้างชาติ จะเป็นเพราะว่าประเทศของเรามีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการทำงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์จริงหรือ
แน่นอนว่าไม่ แต่เป็นเพราะมาตุภูมิยังต้องการพวกเขา!
มาตุภูมิมิใช่ประเทศหรืออำนาจทางการเมืองแต่เป็นผู้คน เป็นครอบครัวขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์มากมาย
มาตุภูมิจะไม่ทอดทิ้งทุกคน แม้ว่าจะเป็นคนไร้ความสามารถ แต่มาตุภูมิย่อมมอบความอบอุ่นให้คนกลุ่มนั้นเสมอ
อันที่จริง ประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศมักจะให้การประกันภัยและสิทธิประโยชน์ครบถ้วนให้กับประชาชนตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต
ก็เหมือนกับความแตกต่างระหว่างตัวคุณและหวังซือชง เขาเกิดมาในครอบครัวร่ำรวย ในขณะที่พวกเราเป็นเพียงคนธรรมดา มาจากครอบครัวธรรมดา มีแม่ที่เป็นคนธรรมดาแต่ให้สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะให้ได้กับคุณ
สิ่งที่แม่ปกป้องก็คือครอบครัว เช่นเดียวกันกับมาตุภูมิแห่งนี้ มีผู้คนอยู่ล้นหลาม ชีวิตประจำวันก็ดำเนินไปได้ยากลำบากขึ้น
ไม่นานนัก เว่ยซูชิงก็เผยรอยยิ้มเป็นมิตรออกมา ทว่าไป๋เยี่ยยังคงรู้สึกขมขื่นเล็กน้อย
“อ่านจบแล้วเหรอ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า เขาเข้าใจแล้ว เราก็แค่ล้าหลังเท่านั้น เชื่อว่าเราจะต้องเปลี่ยนแปลงมันได้แน่นอน!
คิดได้ดังนั้นแล้ว จิตใจอันมุ่งมั่นศรัทธาก็ปรากฏขึ้นในแววตาของไป๋เยี่ย
แน่นอนว่าในช่วงเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมานี้เขาเติบโตขึ้นมาก หลังจากที่มีระบบเข้ามาพัวพันในชีวิต ไป๋เยี่ยก็รู้สึกว่าความรู้ของเขาแผ่ขยายออกไปได้ไกลมากจริงๆ ทั้งถ้วยรางวัลมากมายที่ถือกันจนมือไม้อ่อนระทวยและบรรดาบทความทรงอิทธิพลที่ถูกเผยแพร่ แต่ท้ายที่สุดเขาเปลี่ยนแปลงมาตุภูมิแห่งนี้ไปได้มากแค่ไหนเชียว
ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็ถอนหายใจ เขายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ
เว่ยซูชิงมองไป๋เยี่ยด้วยสายตาจริงจัง “นี่คือสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศเรา ความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขของเรายังคงมีข้อบกพร่องอยู่ อย่างไรก็ตาม ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราก็พัฒนาได้เร็วพอสมควร เว้นแต่ในส่วนของเทคโนโลยีและนวัตกรรม แต่ความสำเร็จของคุณก็ทำให้พวกเราพอมีความหวังขึ้นมาบ้าง”
“การจะทำให้ชาติก้าวหน้าย่อมไม่ขึ้นอยู่กับบุคคลเพียงคนเดียวเท่านั้น เพียงแต่พวกเราให้ความสำคัญกับบุคลากรมากความสามารถแบบคุณ”
อาวุธลับของชาติ นี่แหละความหวัง!
ทั้งสามคนพูดคุยกันถึงสถานการณ์ปัจจุบัน เว่ยซูชิงเองก็ศึกษาด้านการแพทย์มาเหมือนกัน เธอจึงมีความรู้ด้านการแพทย์มากมาย ทำให้บทสนทนาระหว่างทั้งสามคนเป็นไปอย่างลื่นไหลและเห็นพ้องต้องกันในหลายประเด็น
จู่ๆ เว่ยซูชิงก็เอ่ยขึ้น “คุณรู้จัก ‘โครงการวิชาการฉางเจียง‘ มากแค่ไหน”
ไป๋เยี่ยได้ยินก็มีท่าทีงุนงง ‘โครงการวิชาการฉางเจียง’ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันเป็นโครงการสำหรับบุคลากรระดับแนวหน้าที่ก่อตั้งขึ้นโดยกระทรวงศึกษาธิการและหลี่เจียเฉิง เป็นโครงการระดับพิเศษที่ได้รับงบประมาณในการปรับปรุงสถานะทางวิชาการของมหาวิทยาลัยและฟื้นฟูหลักสูตรการศึกษาระดับอุดมศึกษาในประเทศจีน
โครงการนี้มีรางวัลทั้งสิ้นสองรายการ คือรางวัลศาสตราจารย์ดีเด่น และรางวัลผลงานยอดเยี่ยมจากโครงการวิชาการฉางเจียง
ไป๋เยี่ยเคยได้ยินเรื่องนี้มาตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ที่โรงเรียนแล้ว ในปี 2015 มีนักวิชาการที่ได้รับเลือกเข้าโครงการนี้เพียงสี่ร้อยสิบสองคนเท่านั้น ประกอบด้วยศาสตราจารย์พิศิษฐ์หนึ่งร้อยห้าสิบสองคน ศาสตรเมธาจารย์สี่สิบเก้าคนและนักวิชาการรุ่นเยาว์อีกสองร้อยสิบเอ็ดคน
หรือว่า ไป๋เยี่ยไม่กล้าคิดไปไกล หรือว่าเราจะถูกเสนอชื่อเข้าโครงการฉางเจียงแล้ว
ไป๋เยี่ยตอบรับ “ผมรู้จักครับ แต่ว่านี่อาจารย์เว่ยกำลังหมายถึงอะไรกันครับ”
เว่ยซูชิงและเกาเย่ว์หยางหันไปมองหน้ากันพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
เกาเย่ว์หยางตอบ “ที่ยูเนียนมีเกณฑ์น่ะ ถ้าคุณเป็นศาสตราจารย์ที่ยูเนียน คุณจะมีโอกาสได้รับการเสนอชื่อเข้าโครงการวิชาการฉางเจียง แต่อถึงอย่างนั้น เราก็มีเงื่อนไขเบื้องต้น นั่นคือคุณต้องได้รับรางวัลผลงานดีเด่นด้วย!”
จู่ๆ ก็มีเสียงแว่วขึ้นในหัวของไป๋เยี่ย
[ติ๊ง! แผนสมาชิกตลอดชีพกำลังเปิดใช้งานระบบฉายากิตติมศักดิ์ กำลังเพิ่ม…โปรดรอสักครู่…]
[ติ๊ง! ระบบฉายากิตติมศักดิ์เป็นตำแหน่งพิเศษสำหรับสมาชิกที่เคารพ ฉายาพิเศษแต่ละฉายาจะเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศของคุณ…]
[ติ๊ง! เปิดใช้งานระบบฉายากิตติมศักดิ์ แจ้งเตือน ทันทีที่เปิดใช้งานระบบฉายากิตติมศักดิ์ ทุกฉายาที่คุณได้รับจะเพิ่มโบนัสและรางวัลพิเศษให้กับคุณ ฉายาที่แตกต่างกันจะสร้างความเปลี่ยนแปลงและให้รางวัลที่แตกต่างกันไป โปรดสำรวจด้วยตนเอง!]
[แจ้งเตือน ระบบฉายากิตติมศักดิ์กำหนดให้แต่ละฉายาต้องเป็นที่ยอมรับในระดับชาติหรือสูงกว่า หากฉายาอยู่ในระดับต่ำกว่านั้นจะไม่เปิดใช้งาน]
ไป๋เยี่ยนิ่งงันไปกับเสียงแจ้งเตือนจากระบบ อยู่ดีๆ ก็เปิดใช้งานระบบฉายาซะงั้น ฉายาระดับชาติหรือสูงกว่านั้นแต่ละฉายาก็จะให้โบนัสและรางวัลที่ต่างกันไปอีก ไม่เลว!
เพราะมีรางวัลเป็นตัวล่อ ไป๋เยี่ยจึงไม่ยอมพลาดตำแหน่ง ‘นักวิชาการฉางเจียง’ แน่นอน
หลังจากออกมาจากที่ทำการคณะกรรมการวางแผนสุขภาพและครอบครัวแห่งชาติแล้ว ในใจของไป๋เยี่ยก็เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง การมีชื่ออยู่ในโครงการวิชาการฉางเจียงจะได้รางวัลแบบไหนกันนะ
ระบบฉายากิตติมศักดิ์ช่วยคลายความเบื่อหน่ายให้ไป๋เยี่ยได้ตลอดทั้งเช้า ถึงอย่างนั้น ความรับผิดชอบและภารกิจของเขาก็ไม่ได้เบาลงเลย
ยิ่งมีความสามารถมากเท่าใด ความรับผิดชอบก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ไป๋เยี่ยเข้าใจคำกล่าวนี้ดี
ยิ่งเก่งก็ยิ่งมีสิทธิพิเศษมากขึ้น คุณได้รับหลายสิ่ง แต่ในขณะเดียวกันภาระและความรับผิดชอบที่คุณต้องแบกรับไว้ก็มากขึ้นตามไปด้วย
ไป๋เยี่ยออกมาจากที่ทำการด้วยความรู้สึกอันซับซ้อนก่อนจะเดินทางกลับไปที่โรงพยาบาลผู่เจ๋อ เขาวางแผนไว้แล้วว่าหลังจากเรื่องนี้จบลงจะกลับไปฝึกงานตามแผนกอีกครั้ง
หลังจากกลับมาที่โรงพยาบาลและพูดคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว หลิวป๋อหลี่ก็มีท่าทีสงบนิ่ง ทั้งสองคนต่างแลกเปลี่ยนความคิดและข้อเสนอแนะซึ่งกันและกัน จากนั้นหลิวป๋อหลี่ก็รินชาให้ไป๋เยี่ยถ้วยหนึ่งโดยไม่พูดอะไรอีก
เหล่าหลิวอ่านหนังสือในมือเงียบๆ เช่นเดียวกันกับไป๋เยี่ยที่มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
หลังจากดื่มชาแล้ว ไป๋เยี่ยก็รินน้ำจนเต็มแก้ว ทว่าก่อนที่เขาจะเดินออกไป เหล่าหลิวกลับเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“จริงๆ แล้ว บางอย่างผมก็คงพูดเยอะไม่ได้ แต่ในฐานะที่เป็นผอ.และนักวิชาการคนหนึ่ง ผมก็หวังว่าคุณจะช่วยเหลือประเทศชาติของเราได้”
“แต่ในฐานะอาจารย์ แน่นอนว่าผมก็หวังให้คุณประสบความสำเร็จ แต่…ผมเองก็หวังว่าคุณจะรู้ตัวว่าคุณควรทำอะไร ‘จงยึดมั่นในความตั้งใจแรกเริ่ม‘ ของคุณ นี่คงเป็นคำแนะนำเดียวที่ผมมีให้คุณ”
“คุณแตกต่างจากคนอื่น มีเพียงตัวคุณเท่านั้นที่รู้วิถีทางของตนเอง”
ไป๋เยี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าลงและหันกลับมาโค้งคำนับเหล่าหลิว “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับอาจารย์ ผมเข้าใจแล้ว”
เหล่าหลิวพูดต่อ “คุณไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว มันถึงเวลาที่คุณต้องตัดสินใจด้วยตัวเองแล้ว การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด จงอย่าใช้เวลาอย่างสูญเปล่า”
ไป๋เยี่ยที่กำลังจะเดินออกไปถึงกับนิ่งงันไปครู่หนึ่ง