บทที่ 261 สมบูรณ์แบบ
สิ่งที่กองอยู่ใต้ผืนผ้าสีดำนั้นชวนให้ประหลาดใจเล็กน้อย คงไม่มีใครคิดว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นจะเป็นเงินสดหรอกจริงไหม
“อาจจะเป็นซุปเปอร์คาร์สักสี่คันก็ได้นะ!”
“เชยมาก ไม่เข้ากับน่าย่าของเราเลย ฉันว่าในนั้นน่าจะเป็นหนูทดลองมากกว่า! หนูเจ๋งๆ สักร้อยตัวน่ะ! คุณไป๋เยี่ยเพาะพันธุ์หนูคุณภาพดีกว่าเดิมออกมาแล้วแน่ๆ”
“ให้ตายสิ คิดว่าดูหนังไซไฟอยู่เหรอ ฉันว่ามันน่าจะเป็นไอโฟนมากกว่า!”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังคากเดานั้น
ถังฮั่นยังไม่ทันจะแสดงท่าทางใดๆ เฉินนั่วเหยียนก็เลิกผ้าสีดำขึ้น ธนบัตรเงินหยวนสีแดงก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าสายตาของทุกคน ทำเอาผู้คนตรงนั้นนิ่งงันไปชั่วขณะ!
ทุกคนต่างคิดว่านี่จะเป็นรถซุปเปอร์คาร์คันหรูสักสองสามคันเพื่อเป็นเกียรติแก่บุคลากรชั้นสูง ทว่าพวกเขากลับคาดไม่ถึงว่าตรงหน้าจะเป็นเงินสดมูลค่ามหาศาล!
เมื่อจำนวนเงินนั้นเยอะในระดับหนึ่ง ก็พลอยทำให้ผู้คนตกตะลึงได้อย่างแน่นอน
ทุกคนไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อน ต่างคนต่างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป อย่างไรจำนวนเงินตรงหน้าก็เยอะมากเกินไปจริงๆ
ถังฮั่นยิ้ม “ผมบล็อกสัญญาณมือถือที่นี่ชั่วคราวนะครับ ตอนนี้ทุกคนจะยังโพสต์โมเมนต์ไม่ได้นะ กลับไปค่อยโพสต์นะครับ ยังไงเงินจำนวนมหาศาลตรงหน้านี่ก็คือโบนัสสิ้นปีของทุกคนครับ ถ้าถูกปล้นขึ้นมาก็ไม่มีให้แล้วนะ!”
ทุกคนพากันหัวเราะ มิน่าล่ะ ทำไมพวกเขาถึงเห็นว่าในห้องมีปืนใส่กระสุนจริงเตรียมไว้ด้วย ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง!
จำนวนเงินนั้นมากพอที่จะทำให้คนเราเกิดโลภขึ้นมาได้
ถังฮั่นพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “เงินนี้เป็นโบนัสสิ้นปีจากเงินส่วนตัวของผม ไป๋เยี่ย…และผู้บริหารคนอื่นๆ ที่มอบให้กับทุกคนครับ พวกคุณทำงานกันหนักมาก!”
“ฮ่าๆ จริงๆ แล้วตอนแรกผมกะว่าจะไม่ให้แล้วเชียว คิดไม่ออกก็ว่าจะแจกหนูให้ทุกคน ยังไงนี่ก็เป็นสินค้าพรีเมียมของพวกเรานี่นา!”
ทุกคนหัวเราะ แต่สิ่งที่ถังฮั่นพูดก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ สถานะของน่าย่าในตลาดอุตสาหกรรมนั้นสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะด้านการวิจัยหนูทดลองชนิดใหม่ซึ่งกล่าวได้ว่ามีสถานะโดดเด่นในตลาดเลยทีเดียว
ถังฮั่นพูดต่อ “ต่อมาผมลองถามไป๋เยี่ยว่า ‘เสี่ยวเยี่ย ปีนี้เราควรให้อะไรกับทุกคนดี’ แล้วเขาก็โพล่งออกมาว่า ‘งั้นผมให้ร้อยล้านเลยแล้วกัน!’ อายุแค่นี้ก็คิดจะควักเงินร้อยล้านออกมาซะแล้ว พวกผมก็ไม่ยอมเสียหน้ากัน ก็เลยรวบรวมเงินจำนวนนี้เข้าด้วยกันครับ”
ทุกคนต่างโห่ร้อง “ประธานไป๋สุดยอด!”
“ใช่ ฉันอยากแต่งงานกับคุณจัง ประธานไป๋!” ผู้จัดการแผนกการเงินผู้รับผิดชอบอำนาจทางเศรษฐกิจของบริษัทตะโกนขึ้นมา
“เฮ้ย ใครก็ได้หยุดผู้จัดการหวังที ถ้าหล่อนแต่งงานกับประธานไป๋ ต่อไปจะออกโบนัสสิ้นปีทีก็ต้องผ่านแผนกการเงินน่ะสิ…”
“ฮ่าๆ… ”
“ถูกต้อง คุณหวังขี้เหนียวจะตาย นั่งเถอะ เดี๋ยวฉันแต่งเอง! ใครๆ ก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนขี้เหนียว” ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์แทรก
“ใจเย็นหน่อยหยางเหม่ยลี่ คุณก็นั่งเถอะ ถ้าคุณได้แต่งกับประธานไป๋จริง บริษัทของเราต้องย่อยยับแน่ๆ…”
“ฮ่าๆ…”
ถังฮั่นรู้สึกตื้นตันใจกับบรรยากาศในขณะนี้จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “กว่าจะผ่านปีนี้ไปได้ไม่ง่ายเลย พวกเราก้าวหน้าขึ้นมากและได้รับการปรับปรุงในหลายๆ อย่าง ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากความพยายามจากทุกคนในน่าย่า ปีนี้ทุกคนเหนื่อยมามากจริงๆ ครับ!”
“สุดท้ายนี้ ผมจะเริ่มมอบเงินโบนัสให้ทุกคนนะครับ มีของทุกคนแน่นอน เตรียมตัวไว้ให้ดี เงินนี่เป็นของขวัญจากน่าย่าถึงทุกคน ขอให้ทุกคนมีปีที่ดีนะครับ!”
“ปีหน้ามาสู้กันใหม่ครับ! มาสู้เพื่อความรุ่งโรจน์ในปีหน้ากันเถอะ!”
“ได้เลย! ปีหน้ามาสู้กันใหม่!”
“ถูกต้อง โค่นลอนก้าแล้วพิชิตทั้งยุโรปและอเมริกา!”
“ใช่! น่าย่าสู้ๆ!”
บัดนี้ทุกคนในห้องต่างเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงใจ ทุกคนสัมผัสได้ถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับบริษัทและความรับผิดชอบอย่างแจ่มแจ้ง
กล่าวได้ว่าความสามัคคีของน่าย่าในตอนนี้แข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ปีที่ผ่านมา บริษัทน่าย่าผ่านการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างตั้งแต่การโยกย้ายบุคลากรไปสู่การเปลี่ยนเป้าหมายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทุกคนล้วนโชกโชนไปด้วยประสบการณ์
หลังจากกินดื่มกันจนจุใจแล้ว ทุกคนก็ชนแก้วกันเพื่อเป็นการฉลอง
ไป๋เยี่ยถูกคนอื่นๆ ลากไปดื่มแสดงความยินดี เขาดื่มไปเยอะพอสมควร ทั้งอาจารย์ซ่งที่ประจำห้องแล็บและบรรดารุ่นพี่ต่างก็อยู่ที่นี่หมด
ไป๋เยี่ยไม่ได้ดื่มหนักจนเกินไปเพราะพรุ่งนี้เถ้าแก่ไป๋จะกลับมาจีน เขาจึงขอตัวกลับไปเร็วเพื่อไปเตรียมตัวรับเถ้าแก่ไป๋ที่สนามบินพรุ่งนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น ไป๋เยี่ยตื่นขึ้นมาเก็บข้าวของและขอให้คนขับรถพาเขาไปส่งที่สนามบิน
ไป๋เยี่ยตั้งตารอวันนี้มานานแล้ว เขานั่งอยู่ในรถบิวอิคก์คันหรู มีคนขับเป็นชายอายุราวๆ สี่สิบปีซึ่งเคยทำงานเป็นคนขับรถทหารมาก่อนจึงขับรถได้นิ่มมาก
เหล่าเกาเอ่ยขึ้นอย่างยิ้มแย้ม “ประธานไป๋ใจดีมากเลย เมื่อวานขนาดคนขับรถธรรมดาๆ อย่างลุงยังได้โบนัสตั้งหนึ่งแสนหยวน นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ลุงได้โบนัสสิ้นปีแบบนี้ ลุงตื่นเต้นมากจริงๆ ไอ้พวกคอมเม้นต์บนเน็ตเมื่อหลายวันก่อนน่ะมันไร้สาระสิ้นดี ประธานไป๋ของพวกเราจะทำเรื่องแบบนั้นเพราะเงินแค่หมื่นหยวนเหรอ เหลวไหล!”
ไป๋เยี่ยยิ้ม “ลุงเกา ผมขอให้ลุงมารับแต่เช้ากลับก็ดึก มันไม่ง่ายสำหรับลุงเลย ปีนี้ลุงทำงานหนักมากแล้วครับ”
เหล่าเกาหัวเราะลั่น “เสี่ยวไป๋ล้อลุงเล่นอยู่แน่ๆ ลุงยังไม่รู้เลยว่าปีนี้ทำอะไรไปบ้าง งานของลุงสบายสุดแล้ว ฮ่าๆ เอาเปรียบเงินแสนของเสี่ยวไป๋ซะแล้วสิ”
ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังรอไฟลต์บินอยู่นั้น ไป๋เยี่ยก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตรวจดูเอกสารที่เขาดาวน์โหลดไว้เมื่อไม่กี่วันก่อนอย่างละเอียด
เหล่าเกาเขย่าตัวไป๋เยี่ยเบาๆ พลางชี้ไปที่ประตูอย่างยิ้มแย้ม “ประธานไป๋ ฟังดูสิ”
ไป๋เยี่ยผงะเล็กน้อยจากนั้นก็มองไปที่ประตูอย่างสงสัย
เขาพบว่าตรงนั้นมีคนจำนวนหนึ่งกำลังชูโทรศัพท์ขึ้นด้วยความตื่นตาตื่นใจ
“สุดยอด! โคตรใจกว้างเลยถึงกล้าควักเงินร้อยล้านหยวนออกมาแจกเป็นโบนัสสิ้นปี ไป๋เยี่ยนี่สุดยอดจริงๆ!”
“ใช่แล้ว! เมื่อไม่กี่วันก่อน หวงจิ้งยังพูดอยู่เลยว่าไป๋เยี่ยรับเงินเธอไป ต่ำทรามมาก! เธอทำไปก็แค่อยากรักษาหนังหน้าตัวเองไว้ทั้งนั้น”
“ใครว่าล่ะ ความจริงคือหวงจิ้งถูกรวบแล้วต่างหาก ไม่งั้นก็อ่านข่าวนี่ซะ ฉันว่าหนังหน้าหล่อนคงบวมเป่งแล้วล่ะมั้ง ตลกชะมัด”
“นั่นสินะ เป็นแค่ดาราเอาแต่อวดเงินแค่สองแสนหว่าหยวน แถมยังสร้างเรื่องให้ไป๋เยี่ยอีก เห็นไหมล่ะ ตอนนี้ทางการลงมือเองเลย เราเสิร์ชชื่อไป๋เยี่ยบนเวยป๋อไม่ได้แล้วนะ เหอะ ก็ไป๋เยี่ยน่ะเป็นถึงเสาหลักของประเทศและเป็นความหวังของชาติเรา ในขณะที่นังนั่นเป็นแค่ดาราเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง”
ไป๋เยี่ยได้ยินดังนั้นก็หลุดยิ้มโดยไม่พูดอะไร เรื่องราวของหวงจิ้งจบลงโดยสมบูรณ์แล้ว พูดตามตรงไป๋เยี่ยไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิดและมีจิตสำนึกชัดเจนอยู่แล้ว
ดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘ความรู้และประสบการณ์ที่เราได้สั่งสมมาตลอดชีวิตนี้ได้สอนเราว่า เราเองก็ยังมีบางสิ่งที่ทำไม่ได้’
ใกล้ถึงเวลาแล้ว เสียงประกาศก็ดังขึ้น สื่อให้รู้ว่าเครื่องบินลงจอดแล้ว
ไป๋เยี่ยตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาไม่ได้เจอครอบครัวมาครึ่งปีแล้ว เมื่อคิดว่าใกล้จะได้เจอพ่อแม่แล้ว เขาก็อดตื้นตันใจไม่ได้จริงๆ