ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 251 ทุกคนต่างตะลึง(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 251 ทุกคนต่างตะลึง(2)

ตอนที่ 251 ทุกคนต่างตะลึง(2)

ทว่าหล่อนปฏิเสธไม่ได้เพราะมันคือเรื่องจริง ครั้งแรกตอนที่ได้พบซูหว่านอี๋ หล่อนก็ทราบได้ทันทีว่าน้องสามีกับน้องสะใภ้แตกต่างจากคนอื่นในหมู่บ้าน แต่เรื่องที่ลูกชายทั้งสองของเธอไม่เรียนหนังสือมันเป็นความผิดของหล่อนคนเดียวเหรอ เห็นได้ชัดว่าสามีหล่อนก็ผิดเหมือนกัน แต่ตอนนี้กลับมาตำหนิหล่อนเพียงฝ่ายเดียว มีเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร

แต่อย่างไรก่อนที่ซุนฮุ่ยหงจะทันได้โต้ตอบ คนในหมู่บ้านก็แทรกขึ้นจนหล่อนไม่มีโอกาส

บริเวณรอบบ้านตระกูลฉินเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ตรงนั้น “คุณปู่ฉิน ครอบครัวคุณควรจัดงานฉลองเลี้ยงอาหารจานเด็ดกับชาวบ้านอย่างพวกเราหน่อยนะ”

“ใช่แล้ว ๆ ข่าวใหญ่โตขนาดนี้ ไม่มีเหตุผลที่จะไม่อวดไปกันสามวันสามคืนเลยนะ”

คุณปู่ฉินได้ยินเช่นนี้ ก็หัวเราะฮ่าๆ ก่อนจะเอ่ย “เอ้อ ก็ต้องอวดอยู่แล้ว เดี๋ยวพวกเราจะเลี้ยงทั้งหมู่บ้านเลย“

”ครับ เจ้าภาพจงเจริญ”

ทุกคนใหมู่บ้านโห่ร้องด้วยความดีใจ เพราะจะมีงานเลี้ยงกินฟรี พวกเขาจึงมีความสุข

เหยาจิ้งจือเห็นว่าตระกูลฉินกำลังจะจัดงานเลี้ยง ก็รีบเอ่ยจากข้าง ๆ “ตอนนี้มู่หลานก็เป็นภรรยาอาหลี่ของเรา ก็ถือเป็นสมาชิกตระกูลเซี่ยเช่นกัน เพราะฉะนั้นครอบครัวพวกเราก็จะร่วมจัดงานเลี้ยงด้วย เดี๋ยวพวกเราจะจัดร่วมกับตระกูลฉิน ให้ทุกคนได้มาดื่มด่ำกับช่วงเวลาดี ๆ ไปด้วยกัน“

เมื่อเห็นเหยาจิ้งจือพูดแบบนี้ คนในหมู่บ้านก็ตื่นเต้นมากขึ้น

“ดี ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนั้น พวกเราจะตั้งตารองานฉลอง“

”นั่นมันแน่อยู่แล้ว“

เหยาจิ้งจือกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้น

หลังจากที่ผู้คนรอบข้างได้ยินว่าตระกูลฉฺนกับตระกูลเซี่ยกำลังจัดงานเลี้ยงร่วมกัน พวกเขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นพูดคุยกันอย่างกระตือรือร้น บางคนก็ถึงกับบอกว่าอยากกินหมูตุ๋น

เหยาจิ้งจือโบกมือ แล้วเห็นด้วยอยู่แล้ว

บริเวณนี้ในตอนนี้คึกครื้นมาก ไม่นานนักผู้คนในหมู่บ้านก็เริ่มมารวมตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ

จากนั้นฉินเจี้ยนเซ่อกับฉินเจี้ยนหัวสองคนพี่น้องก็เป็นแกนนำพาพวกฉินเคอวั่ง ฉินเคอเหล่ยและฉินเคอเจี๋ย บอกให้คนในหมู่บ้านกลับไป หากยังมารวมตัวกันอยู่ตรงนี้ ผนังบ้านได้แตกแน่นอน

“ทุกคนไม่ต้องห่วง ถึงเวลากินเมื่อไหร่ พวกเราจะไปตามทุกคนเอง มาได้ทั้งหมู่บ้านเลย”

“ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะรอ”

คนในหมู่บ้านจากไปพร้อมเสียงหัวเราะ

สุดท้ายบ้านตระกูลฉินก็สงบลง และในที่สุดคุณปู่ฉินก็ได้สบโอกาสพูดคุยกับหลานชายหลานสาว “มู่หลาน เคอวั่ง หลังจากนี้พวกหลานจะเป็นนักศึกษา พอไปถึงปักกิ่ง ก็ต้องเรียนตั้งใจเรียนนะ จะได้ชูเกียรติแก่วงศ์ตระกูล”

“ได้ครับคุณปู่ พวกเราทราบแล้วครับ”

ฉินเคอวั่งกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาในอนาคตและความมุ่งมั่น

ฉินมู่หลานก็ยิ้มและเอ่ยบอกเช่นกัน “คุณปู่คะ ถึงจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว พวกเราก็จะตั้งใจเรียนต่อไปค่ะ”

“ดี ปู่เชื่อในตัวพวกหลาน”

วันนี้คุณปู่ฉินมีความสุขมมาก ในบ้านมีว่าที่นักศึกษาสองคน เท่านี้ชีวิตก็ไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว

ทุกคนในตระกูลฉินยกเว้นซุนฮุ่ยหงต่างพากันมีความสุข หลิวชุ่ยฮวาถึงกับจับมือของฉินมู่หลานแล้วเอ่ยขึ้น “มู่หลาน ย่ารู้เสมอว่าหลานจะทำได้ดีตลอด ดูสิ หลานสาวของย่าเก่งที่สุดเลย ไม่มีใครในหมู่บ้านชิงซานจะเก่งกว่าหลานสาวของย่าแล้วล่ะ”

ฉินมู่หลานรู้สึกเขินอายเล็กน้อยกับคำชมนี้ แต่เธอก็ยังไม่ลืมว่าปล่อยลูกทั้งสองคนเอาไว้ในบ้าน จึงคิดจะกลับไป

หลิวชุ่ยฮวาก็รู้ว่าเด็กทั้งสองสำคัญที่สุด แต่ก็คิดขึ้นได้ว่าหากหลานสาวไปเรียนมหาวิทยาลัย แล้วจะทำยังไงกับเด็กทั้งสองกันนะ

ไม่รอให้ฉินมู่หลานได้ทันเอ่ย เหยาจิ้งจือก็มีรอยยิ้มประดับบนหน้าแล้วเอ่ย “คุณไม่ต้องห่วงนะคะ พวกเราจะดูแลเด็กทั้งสองเป็นอย่างดีเลยค่ะ มู่หลานกำลังจะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง พวกเราก็จะไปเหมือนกัน ช่วงกลางวันพวกเราจะดูแลเด็ก ๆ เอง หลังจากนั้นตอนเย็นพอมู่หลานกลับบ้าน ก็ดูเด็ก ๆ ได้เหมือนกัน จะได้ไม่ล่าช้า”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวชุ่ยฮวาก็โล่งใจ

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ”

นางเกือบลืมไปแล้ว เหยาจิ้งจือได้เจอพ่อแม่แท้ ๆ ที่ปักกิ่ง เพราะฉะนั้นพวกเขาก็ไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วยได้

ซูหว่านอี๋เคยได้ยินลูกสาวเล่าเรื่องนี้ให้ฟังแล้ว ดังนั้นจึงไม่กังวลใจ ก่อนจะเอ่ยเร่งเร้าแทน “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นพวกลูกก็รีบกลับไปเถอะ เดี๋ยวเด็กสองคนตื่น ก็คงร้องหาลูก”

“ค่ะ”

หลังจากฉินมู่หลานกับเหยาจิ้งจือกลับมา ก็พบว่าเด็กสองคนตื่นแล้วจริง ๆ

ที่นี่คึกครื้นมาก ทางฝั่งกลุ่มเด็กที่ได้ไปเรียนในเมืองก็คึกครื้นไม่แพ้กัน เพียงแต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสอบติดมหาวิทยาลัย ในเมื่อมีบางคนสอบผ่าน ก็ต้องมีคนที่สอบไม่ผ่านด้วยอยู่แล้ว ดังนั้นในขณะที่บางคนความสุขก็มีบางคนก็เศร้าใจกันอยู่สักพัก

หลังจากนั้นก็มีใครบางคนเอ่ยพูด “ฉันได้ยินมาว่ามีสองคนในหมู่บ้านชิงซานที่ติดมหาวิทยาลัยแล้ว ข้างนอกถึงได้แตกตื่นกันมาก คนในหมู่บ้านสองคนนั้นดูเหมือนจะทำคะแนนได้ไม่เลวนะ”

“ไม่ใช่แค่ไม่เลว แต่ดีเลยแหละ คนหนึ่งได้มหาวิทยาลัยชิงหัว กับอีกคนได้มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เทียบกับพวกเราแล้วเหนือชั้นกว่ามาก สองมหาวิทยาลัยนี้อยู่เกินเอื้อมพวกเรา แต่พวกเขากลับสอบผ่าน เมื่อก่อนพวกเธอก็คิดว่าตัวเองสูงส่งมาก แต่กลับด้อยกว่าคนในหมู่บ้านด้วยซ้ำ”

“อะไรนะ…จริงหรือเปล่านี่ เป็นไปได้ยังไง”

“จริงอยู่แล้ว หนังสือตอบรับส่งมาที่บ้านแล้ว จะมีอะไรต้องหลอก”

ในตอนนี้ พวกเด็กที่ได้เข้าไปเรียนในเมืองต่างให้ความสนใจ และซุนเหมยก็อดถามไม่ได้ “คนในหมู่บ้านนี่ใครกัน?”

“ฉินมู่หลานกับฉินเคอวั่งสองคนพี่น้อง ช่างเป็นคู่พี่น้องที่สุดยอดมากเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซุนเหมยก็เปิดปากพูดด้วยความตกใจ “อะไรนะ…เป็นพวกเขาสองพี่น้องจริงเหรอ”

หวังเจี๋ยที่อยู่ด้านข้างก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน หล่อนคิดว่าหญิงสาวที่ดูไม่เหมือนคนชนบท และมีแววาม จะสอบติดมหาวิทยาลัยชั้นนำเช่นนี้ได้ ไม่คาดคิดเลย

มีบางคนอดถอนหายใจไม่ได้ “สองคนพี่น้องนี่ต้องซุกไม้เด็ดเอาไว้แน่ ถึงทำคะแนนสอบได้ดีแบบนี้”

แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเขา หลังจากที่พูดแล้ว ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก

เพียงแต่เรื่องที่ฉินมู่หลานกับฉินเคอวั่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ทำให้หมู่บ้านชิงซานมีชีวิตชีวาไปหมด แม้แต่หมู่บ้านใกล้ ๆ ก็ทราบเรื่องนี้เช่นกัน หลังจากทราบว่าตระกูลฉินกับตระกูลเซี่ยกำลังจะจัดงานเลี้ยงใหญ่ ก็ได้ส่งของมาให้ไม่น้อย

จนกระทั่งถึงวันจัดงาน ดูเหมือนว่าทุกคนในหมู่บ้านชิงซานจะมารวมตัวเพื่อช่วยกันจัดงาน นอกจากนี้ยังมีหหลายคนจับกลุ่มพูดคุยกัน ดูมีชีวิตชีวามาก

“ท่านฉิน เหวินปิง ยินดีกับพวกคุณด้วยนะครับ”

“ขอบคุณครับ”

บางคนก็เข้ามาพูดคุยกับฉินมู่หลานและฉินเคอวั่ง “มู่หลาน เคอวั่ง ยินดีด้วยนะ พวกเธอสองคนคืดความภาคภูมิใจของหมู่บ้านเรา ตอนนี้ทั้งในและนอกหมู่บ้านต่างก็รู้แล้วว่าในหมู่บ้านชิงซานของเรามีนักศึกษากับเขาด้วย”

“ใช่แล้ว ๆ พวกเธอสองคนทำให้พวกเราประหลาดใจจนอึ้งไปเลย”

“สุดยอดเหลือเกิน”

แน่นอนว่างานเลี้ยงถูกจัดเพียงสามวันสามคืน แต่ก็จัดเต็มที่ทั้งวัน หลังจากงานเลี้ยงจบลง ทุกคนก็ต่างรู้สึกว่ายังไม่พอ แต่เป็นเพราะความใจเด็ดของตระกูลเซี่ยกับตระกูลฉิน จึงมีจานมากมายวางเรียงราย เกือบจะเหมือนช่วงตรุษจีน พวกเขาลงมือกินกันเยอะมากโดยไม่อยากกลับเลย

หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้ว ฉินมู่หลานก็อดหันมองฉินเจี้ยนเซ่อกับซูหว่านอี๋ไม่ได้ ก่อนจะพูด “พ่อคะ แม่คะ เดี๋ยวพวกพ่อกับแม่ไปเมืองหลวงกับพวกเราก็ได้นะคะ ถือว่าเป็นการไปส่งเคอวั่งเข้าเรียน”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มันคงเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับสมัยนั้น กับการที่ใครสักคนสอบติดมหาวิทยาลัย ถึงได้ฉลองกันสามวันสามคืนไปเลยจุกๆ

คนที่เคยบอกว่าคนชนบทอย่างเขาสอบไม่ได้อะสอบติดหรือเปล่า

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน