ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 257 ประสบการณ์ชีวิต(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 257 ประสบการณ์ชีวิต(2)

ตอนที่ 257 ประสบการณ์ชีวิต(2)

ตั้งแต่พ่อแม่เสียไป หล่อนกับพี่สาวก็ต้องพึ่งพาอาศัยด้วยกันตลอด แล้วก็เป็นเพราะการเลี้ยงดูจากพี่สาวด้วย หล่อนจึงตามพี่สาวลงไปทางใต้ได้อย่างปลอดภัย หากไม่มีพี่สาว หล่อนอาจโดนพวกญาติ ๆ ขายทิ้งไปนานแล้ว

ฉินมู่หลานเห็นแม่พูดถึงพี่สาวของหล่อน ก็อดถามไม่ได้ “แม่คะ ป้าใหญ่สวยมากเลยเหรอคะ แถมยังเก่งมากด้วย?”

ซูหว่านอี๋ได้ยินเช่นนี้ ก็ยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “ใช่แล้ว พี่สาวเก่งมาก แล้วก็สวยมากด้วย เรียนหนังสือก็เก่ง เจอปัญหาก็สามารถคิดวิธีแก้ปัญหาได้เร็วกว่าคนอื่น สมัยก่อนตอนที่ตากับยายยังอยู่ พี่สาวของแม่สวยและโดดเด่นในสายตาของทุกคนเลย แต่หลังจากที่คุณตาคุณยายเสียได้ไม่นาน ตระกูลซูก็ตกต่ำลง”

“หนูขอถามได้ไหมคะ ว่าป้าใหญ่เสียได้ยังไง?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของซูหว่านอี๋ก็หม่นหมองลง

“พี่โดนใครบางคนฆ่าตาย”

เมื่อเห็นแม่ดูโกรธมาก ฉินมู่หลานก็เอ่ยถามทันที “ใครเป็นคนฆ่าป้าใหญ่เหรอคะ?”

“เจ้าเซี่ยฉางชิงสารเลวคนนั้นนั่นแหละ เขาเป็นคนฆ๋าพี่”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย วันนี้เธอได้ยินบทสนทนาระหว่างเซี่ยฉางชิงกับแม่ของตนแล้ว ดูเหมือนว่าเซี่ยฉางชิงจะไม่รู้ว่าป้าใหญ่ของเธอเสียแล้ว เช่นนั้นเขาคือผู้ร้ายอย่างนั้นเหรอ?

ฉินมู่หลานเอ่ยถามกับตัวเองด้วยความสงสัย

ซูหว่านอี๋เปิดปากเอ่ยประโยคนี้แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

เมื่อเห็นว่าแม่ไม่ได้พูดอะไร ฉินมู่หลานก็ทราบได้โดยสัญชาตญาณว่าแม่กำลังปกปิดอะไรบางอย่าง

ครั้งก่อนที่แม่เคยเอ่ยถามว่ามาเจอใครในเมืองหลวงอีกไหมมันทำให้เธอรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย แล้วยังรู้สึกแปลกมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เนื่องจากแม่ไม่ได้อยากลงรายละเอียด เธอจึงไม่เอ่ยถามอะไรมากมาย เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นเรื่องของแม่ที่จะบอกหรือไม่บอกเรื่องพวกนี้

ซูหว่านอี๋หันไปจ้องมองฉินมู่หลาน ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วแตะลงบนคิ้วของเธอ แววตาเต็มไปด้วยความคิดถึง

ฉินมู่หลานรู้สึกว่าสายตาของแม่ดูแปลกนิดหน่อย ราวกับว่าท่านกำลังมองใครบางคนผ่านตัวเอง

“แม่คะ ทำไมถึงมองหนูแบบนี้ล่ะ?”

ซูหว่านอี๋ยกยิ้มนิดหน่อยก่อนจะส่ายหัว แล้วเอ่ย “ไม่มีอะไร” หลังจากนั้นก็ดึงมือกลับ แล้วมองฉินมู่หลานอีกครั้ง

“แม่คะ ทำไมเหรอ?”

เมื่อเห็นแม่จ้องมองตนเองอีกครั้ง ฉินมู่หลานก็อดทนต่อไปไม่ไหว แล้วเอ่ยถามอีกครั้ง

ในตอนนี้ สีหน้าของซูหว่านอี๋เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ราวกับตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว “มู่หลาน จริง ๆ แล้ว…ลูกไม่ใช่ลูกสาวของแม่ตั้งแต่แรกหรอกนะ”

“อะไรนะ…”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็อึ้งงันไป พูดอะไรไม่ออกทันที “แม่ แม่อย่ามาล้อเล่นนะคะ”

ฉินมู่หลานไม่เคยสงสัยในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเธอเลย เพราะเธอดูคล้ายกับซูหว่านอี๋มาก คนอื่นมองเพียงแวบเดียวก็บอกได้ทันทีว่าพวกเธอสองคนเป็นแม่ลูกกัน แต่ไม่นานนักฉินมู่หลานก็ตระหนักได้ทันทีว่าการที่เธอดูคล้ายกับซูหว่านอี๋ นั่นหมายความว่า…เธอก็อาจหน้าคล้ายกับซูหว่านอวี๋เช่นกัน เพราะสุดท้ายแล้วซูหว่านอี๋กับซูหว่านอวี๋ก็เป็นพี่น้องแท้ ๆ

เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ ฉินมู่หลานก็อดถามไม่ได้ “แม่ ถ้าอย่างนั้นความจริงหนูเป็นลูกสาวของป้าใหญ่เหรอ?”

“มู่หลานของเราเนี่ยฉลาดเหมือนอย่างเคยเลยนะ แค่แปบเดียวก็เดาได้หมดเลย”

ซูหว่านอี๋ยอมรับในทันที

ในทางกลับกัน ฉินมู่หลานกลับรู้สึกว่ามันไม่จริง “แม่ เป็นเรื่องจริงเหรอคะ จริง ๆ แล้วแม่คือน้าของหนูเหรอ”

“ใช่ ลูกเป็นลูกสาวของพี่สาวแม่ เพราะฉะนั้นแม่ก็คือน้าหญิงของลูก”

“แต่ทำไมถึง…มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ”

เท่าที่ทราบคือคุณปู่ฉินกับคุณย่าฉินเอ็นดูตนมาตลอด แม้แต่ลุงฉินกับลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนก็ดีกับตัวเองมาก หากว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวของซูหว่านอี๋กับฉินเจี้ยนเซ่อแล้ว ทำไมพวกเขาถึงได้ดีกับตัวเองขนาดนั้น แต่เธอก็ทราบว่าซูหว่านอี๋ไม่มีความจำเป็นจะต้องโกหกตนเลย เพราะฉะนั้นฉินมู่หลานจึงอดถามไม่ได้ “พ่อรู้เรื่องนี้ไหมคะ?”

ซูหว่านอี๋พยักหน้าแล้วเอ่ย “พ่อของลูกรู้เรื่องนี้ แต่ก็มีแค่พ่อของลูกกับแม่เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ คนอื่นไม่มีใครรู้อีก”

“แต่คุณปู่กับคุณย่าไม่สงสัยเหรอคะ อยู่ ๆ พวกแม่ก็มีลูกสาวออกมาคนหนึ่ง”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แววตาของซูหว่านอี๋ก็รู้สึกเศร้านิดหน่อย

“พวกท่านไม่สงสัยอยู่แล้ว เพราะตอนนั้นแม่ท้องจริง ๆ และก็คลอดลูกสาวออกมาหนึ่งคน หลังจากลูกคลอดได้สองวัน”

“แล้ว…แล้วเด็กคนนั้นล่ะคะ?”

ฉินมู่หลานรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ เริ่มซับซ้อน

ในตอนนั้นเอง น้ำตาของซูหว่านอี๋ก็หลังรินลงมา ก่อนจะเล่าให้ฟัง “เด็กคนนั้นหลังคลอดออกมาก็เสียแล้ว แม่ไม่มีเวลาได้ร่ำไห้ด้วยซ้ำ ระหว่างที่พี่สาวของแม่คลอดก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น หลังจากหล่อนคลอดลูกออกมาก็เสียเลย ก่อนที่หล่อนจะเสียก็ได้ฝากลูกเอาไว้กับแม่ ให้แม่เลี้ยงดูลูกให้ดี”

เมื่อพูดถึงเรื่องเศร้าใจในตอนนั้น น้ำตาของซูหว่านอี๋ก็หลังรินไม่หยุด

การสูญเสียคนสำคัญทั้งสองไปพร้อมกันทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนจะใช้ชีวิตต่อไปไม่ไหว แต่เมื่อหันไปเห็นฉินมู่หลานตัวน้อยในตอนนั้น หล่อนก็ตระหนักได้ว่าตัวเองมีลูกสาวตัวน้อยอีกคนที่ต้องเลี้ยงดู หากตัวเองไม่อยู่แล้ว เด็กน้อยคนนี้จะทำอย่างไร พี่สาวอุตส่าห์ไว้ใจในตัวหล่อนขนาดนั้น สุดท้ายซูหว่านอี๋จึงมีกำลังใจขึ้นมา

“ต่อมาแม่ก็จัดพิธีศพให้พี่สาวและเด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนั้น แล้วพ่อของลูกก็พาพวกเรากลับหมู่บ้าน เพราะฉะนั้นคนในหมู่บ้านต้องคิดอยู่แล้วว่าลูกเป็นลูกของพวกเรา ไม่เคยมีใครสงสัยเลย”

ฉินมู่หลานไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะบังเอิญขนาดนี้ แต่เป็นเพราะเหตุนี้เอง คนอื่นจึงไม่สงสัยในตัวเธอเลย ถึงอย่างนั้นฉินมู่หลานก็ยังอยากรู้อะไรเพิ่มอีกนิดหน่อย

“แม่คะ แล้วทำไมอยู่ ๆ แม่ถึงเล่าเรื่องนี้ให้หนูฟังล่ะ จริง ๆ แล้วถ้าแม่ไม่บอกหนู หนูก็จะเป็นลูกสาวของแม่ตลอดไป แล้วก็คงไม่สงสัยในตัวตนของตัวเอง”

“เป็นเพราะเซี่ยฉางชิง”

เมื่อซูหว่านอี๋พูดถึงเซี่ยฉางชิง หล่อนก็กัดฟันดังกรอด ยังคงเกลียดชังในตัวเขาไม่หาย

และฉินมู่หลานก็ค้นพบกุญแจสำคัญของเรื่องได้อย่างรวดเร็ว “หรือว่าพ่อแท้ ๆ ของหนูคือเขา?”

ซูหว่านอี๋รู้มาโดยตลอดว่าลูกสาวตัวเองฉลาดมาก เมื่อเห็นว่าตอนนี้เธอคาดเดาได้แล้ว ก็ไม่ปกปิดอีก แล้วพยักหน้าตามตรง “ใช่แล้ว เขาคือพ่อแท้ ๆ ของลูก แล้วก็เป็นคนที่ทำร้ายพี่ด้วย เขาใช้ถ้อยคำหวานล่อลวงพี่ ให้พี่อยู่กับเขา แต่ตระกูลเซี่ยมั่นหมายกับตระกูลเติ้งเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายเขาก็เลือกเติ้งซูหลาน เพราะตระกูลเติ้งสามารถช่วยส่งเสริมเขาได้”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซูหว่านอี๋ก็รู้สึกว่าวันนี้ตัวเองทำพลาดไป หล่อนควรจะสั่งสอนเซี่ยฉางชิงสักหน่อย แทนที่จะแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกันตั้งแต่แรก

“พี่เสียใจมากตอนที่รู้เรื่องนี้ หลังจากนั้นก็ออกมาจากชีวิตของเซี่ยฉางชิง แต่ไม่คิดว่าจะมีลูก ตอนแรกแม่มีความคิดอยากจะให้พี่สาวของแม่ทำแท้ง แต่พี่ก็ไม่ยอม หล่อนอยากจะให้ลูกได้เกิดมาลืมตาดูโลก เพราะลูกเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของหล่อน และเป็นสายเลือดของหล่อน”

เมื่อพูดถึงเรื่องในวันวาน ซูหว่านอี๋ก็รู้สึกราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง

“พี่อยากจะคลอดลูก แม่ก็เลยจะพาหล่อนกลับไปที่บ้าน แต่พี่กลัวว่าจะรบกวน ก็เลยเช่าบ้านในเมืองเอาไว้ หลังจากนั้นแม่ก็รู้ว่าตัวเองท้องมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ไม่ทันได้สังเกต พวกเราสองพี่น้องจึงคิดว่ามันคงเป็นลิขิตสวรรค์ หลังจากที่พวกเราคลอดลูกแล้ว ก็หวังจะให้เป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันมากที่สุด ใครจะไปคิดว่า…”

หลังจากพูดจบ ซูหว่านอี๋ก็ถอนหายใจ รู้สึกเหมือนสวรรค์กำลังเล่นตลกกับคน

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เรื่องราวซับซ้อนในซับซ้อนไปอีก แสดงว่ามู่หลานเป็นพี่น้องต่างแม่กันกับยัยอวี่หรงสินะ

ไหหม่า(海馬)

——————————–

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท