ตอนที่ 259 ซื้อบ้าน
ตอนที่ 259 ซื้อบ้าน
เริ่นม่านลี่ได้ยินคำพูดของเซี่ยอวี่หรงก็รู้สึกโมโหมาก แต่เมื่อนึกถึงสถานะของตัวเองในตอนนี้ จึงทำได้เพียงฝืนยิ้มเท่านั้น ก่อนจะเอ่ย “ใช่แล้ว ฉันกับตระกูลเหยาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว กับฉินมู่หลานก็ไม่ได้สนิทอยู่แล้ว”
ในตอนนั้นเอง เริ่นม่านนีที่อยู๋ข้าง ๆ ก็ยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “อวี่หรง ทำไมเธอถึงมาที่นี่คนเดียวล่ะ อยากจะไปกับฉันไหม”
เซี่ยอวี่หรงกำลังจะปฏิเสธ แต่สิ่งที่หลุดปากออกไปคือ “ได้ค่ะ พวกเราไปกัน”
เริ่นม่านลี่เผยอปากขึ้นคล้ายอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดสักคำ แล้วทั้งสามก็เริ่มซื้อของกัน
“จริงสิพี่สะใภ้ พี่มาซื้ออะไรที่นี่เหรอคะ”
เริ่นม่านนีได้ยินเช่นนี้ ก็ยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ก็ไม่ได้จะมาซื้ออะไรหรอก แค่จะมาดูเสื้อผ้าน่ะ”
“เหรอคะ ตรงร้านข้างหน้ามีเสื้อผ้าสวย ๆ เยอะมากเลยค่ะ พวกเราไปดูกันได้นะ”
“เอาสิ”
เริ่นม่านนีกล่าวโดยไม่ได้คาดหวังอะไร ทั้งสองไม่ได้เอ่ยถามความเห็นของเริ่นม่านลี่ เอาแต่เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว
เริ่นม่านลี่รู้สึกไม่สู้ดีนิดหน่อย แต่ด้วยสถานการณ์ของหล่อนในตอนนี้ จึงทำได้เพียงอดทน แล้วเดินตามพวกเขาไป
“พี่สะใภ้ เสื้อผ้าตัวนี้สวยดีนะคะ พี่รีบไปลองเร็วเข้า”
เซี่ยอวี่หรงชี้ไปที่ชุดคลุมขนสัตว์สีแดงสดก่อนจะพูดขึ้น “ใกล้จะถึงวันปีใหม่แล้ว สีนี้ค่อนข้างเข้ากับเทศกาล แล้วเสื้อขนสัตว์ตัวนี้ก็รูปทรงค่อนข้างดูดีเลยทีเดียว ดูเหมือนมาจากเซี่ยงไฮ้”
เริ่นม่านนีหันมองเสื้อคลุมขนสัตว์ที่เซี่ยอวี่หรงชี้ไป และรู้สึกชอบมันมาก จึงยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ได้ เดี๋ยวฉันขอไปลองก่อนนะ”
ระหว่างที่กำลังรอเริ่นม่านนีไปลองเสื้อ เซี่ยอวี่หรงก็หันมองเริ่นม่านลี่แล้วเอ่ยถาม “พี่ม่านลี่ เมื่อกี้ฉันพูดตรงไปหน่อย ต้องขอโทษจริง ๆ นะคะ”
เมื่อเห็นเซี่ยอวี่หรงเอ่ยขอโทษ อยู่ ๆ เริ่นม่านลี่ก็รู้สึกภูมิใจขึ้นมานิดหน่อยที่อีกฝ่ายยอมรับว่าตนเองผิดจริง จึงรีบส่ายหัวแล้วเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ที่เธอเพิ่งพูดมาก็เป็นความจริงอยู่”
เมื่อได้ยินแบบนี้ อยู่ ๆ เซี่ยอวี่หรงก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น “แต่ว่าพี่ม่านลี่ พี่ยอมรับได้จริงเหรอ ตอนแรกทรัพย์สินของตระกูลเหยาจะต้องเป็นของเหยาอี้หนิงกับพี่ แต่แล้วลูกสาวคนโตตระกูลเหยากับฉินมู่หลานสองคนนั้นก็ปรากฎตัวขึ้นมา แล้วแย่งทุกสิ่งอย่างของตระกูลเหยาไป ถึงกับจับอดีตแม่สามีของพี่เข้าคุก พี่ทนได้จริงเหรอ?”
เริ่นม่านลี่ไม่คิดว่าเซี่ยอวี่หรงจะพูดแบบนี้
แน่นอนว่าหล่อนต้องไม่พอใจอยู่แล้วที่เป็นแบบนี้ แต่หากไม่ยอมแล้วจะทำอะไรได้ หล่อนไม่เหลือทางเลือกอื่นเลย นอกจากนี้หล่อนก็ได้หย่ากับเหยาอี้หนิงแล้ว ต่อให้คิดมากไปก็เปล่าประโยชน์
ถึงแม้ว่าเริ่นม่านลี่จะไม่พูด แต่เซี่ยอวี่หรงก็มองออกว่าหล่อนไม่พอใจ จึงพูดต่อ “พี่ไม่อยากจะกลับไปที่เดิมของตัวเองเหรอ สร้างสีสันให้พวกเขาได้ประจักษ์สักหน่อย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เริ่นม่านลี่ก็อดหัวเราะไม่ได้
“ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว อยู่บ้านพ่อแม่ท่านก็ไม่ชอบ เธอจะให้ฉันกลับคืนที่เดิมได้ยังไงกัน แล้วเธอก็เพิ่งพูดไปเองไม่ใช่เหรอว่าฉันกับเหยาอี้หนิงหย่ากันแล้ว ฉันไม่ได้ข้องเกี่ยวกับตระกูลเหยาแล้ว ต่อให้พวกฉินมู่หลานจะเป็นยังไง มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน”
เมื่อเห็นเริ่นม่านลี่พูดจาแปลก ๆ นิดหน่อย เซี่ยอวี่หรงก็ขมวดคิ้ว
“พี่จะปล่อยผ่านเหรอ?”
เริ่นม่านลี่ถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ย “แล้วฉันจะทำอะไรได้อีกถ้าไม่ให้ปล่อยผ่าน”
เมื่อเห็นว่าเริ่นม่านลี่ไม่มีความทะเยอทะยานเอาเสียเลย เซี่ยอวี่หรงก็ได้แต่รู้สึกขุ่นเคือง “ทำไมพี่ถึงจมปลักอยู่อย่างนั้นล่ะ เรื่องเป็นแบบนี้ แต่พี่ก็ไม่คิดจะทำอะไรเลยสักอย่าง”
ตอนแรกเริ่นม่านลี่ไม่ได้ตอบสนอง แต่ตอนนี้ก็เริ่มเข้าใจแล้ว ว่าเซี่ยอวี่หรงกำลังพยายามยุยงหล่อนกับฉินมู่หลาน อยากให้หล่อนเข้าไปราวีพวกฉินมู่หลานให้ไม่อยู่สุข
“คุณหนูเซี่ย เธอก็ไม่ชอบฉินมู่หลานเหมือนกันเหรอ จึงอยากใช้ฉันเป็นเครื่องมือจัดการฉินมู่หลานใช่ไหม?”
เซี่ยอวี่หรงไม่ได้คิดจะปิดบังเรื่องนี้ตั้งแต่แรก จึงพยักหน้ายอมรับแล้วเอ่ยกล่าวเสียงหนักแน่น “ใช่ ฉันแค่ไม่ชอบฉินมู่หลาน”
“ฉันขอถามหน่อย ทำไมเธอถึงไม่ชอบฉินมู่หลานล่ะ?”
เริ่นม่านลี่อยากรู้อยากเห็นนิดหน่อย เพราะเซี่ยอวี่หรงกับฉินมู่หลานดูไม่มีอะไรต้องข้องเกี่ยวกันเลย
เซี่ยอวี่หรงมองเริ่นม่านลี่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “ไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องรู้”
เมื่อเห็นเซี่ยอวี่หรงดูมีระยะห่าง เริ่นม่านลี่จึงเม้มปาก แล้วเอ่ย “ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก แต่ฉันไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกับตระกูลเหยาอีกแล้ว เรื่องของตระกูลเหยาไม่เกี่ยวข้องกับฉันอีกต่อไป”
“อ๋อ จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นพี่ตามพี่สะใภ้ฉันมาที่นี่ทำไม ฉันคิดว่าพี่คงลำบากแน่เลยใช่ไหม ให้ฉันเดา…”
เซี่ยอวี่หรงยิ้มเยาะมองเริ่นม่านลี่ ก่อนจะเอ่ย “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สนิทกับพี่มากนัก แต่เดิมทีก็พอมองพฤติกรรมของพี่ออกอยู่หรอกว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวที่คิดถึงแต่ตัวเอง ตอนนี้พี่หย่ากับเหยาอี้หนิงแล้ว อยู่บ้านก็คงอึดอัดมากใช่ไหมล่ะ พี่อยากจะหาผู้ชายดี ๆ สักคนใช่ไหมล่ะ แล้วก็หางานดี ๆ ทำให้คนอื่นคิดเยินยอพี่ คิดว่าพี่สุดยอดมาก”
เริ่นม่านลี่ถูกเดาเป้าหมายในใจได้แล้ว จึงไม่สามารถพูดเอ่ยปฏิเสธสิ่งใดออกมาได้
และเซี่ยอวี่หรงก็เอ่ยพูดอย่างยั่วยุพร้อมรอยยิ้ม “เรื่องพวกนี้ง่ายมาก หนูช่วยพี่ให้บรรลุเป้าหมายได้นะ”
“จริงเหรอ?”
“อยู่แล้ว”
อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลานกับเสิ่นหรูฮวนซื้อของมากมาย ก็เหลือของที่ต้องซื้ออีกไม่เยอะแล้ว
“หรูฮวน ฉันกับเคอวั่งว่าจะไปหาดูบ้านสักหน่อย เธอจะไปกับพวกเราไหม?”
ถึงแม้ว่าเสิ่นหรูฮวนอยากจะไป แต่หล่อนซื้อของไปมากมายแล้วและวางแผนจะไปตกแต่งบ้านใหม่ สุดท้ายจึงส่ายหัวปฏิเสธ “มู่หลาน ฉันคงต้องกลับก่อน”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นเธอรีบกลับเถอะ”
หลังจากเสิ่นหรูฮวนไปแล้ว ฉินมู่หลานก็พาฉินเคอวั่งไปดูบ้านตรงบริเวณใกล้ ๆ
“ก่อนหน้านี้ขอให้ลุงเจี่ยงช่วยหาด้วยแล้ว มีบ้านสวย ๆ อยู่ไม่น้อย วันนี้พวกเราไปดูกันเถอะ”
“ได้ครับ”
เมื่อพูดถึงเรื่องไปดูบ้าน ฉินเคอวั่งก็เต็มไปด้วยความสนอกสนใจ ก่อนหน้านี้ที่ได้ไปพักบ้านตระกูลเจี่ยงก็รู้สึกดีอยู่แล้ว หากเป็นบ้านตัวเองจะต้องดีกว่าแน่นอน ถ้าครอบครัวของเขามีบ้านอยู่ที่ปักกิ่งได้ก็คงดีมาก “พี่ครับ ถึงผมจะไม่มีเงิน แต่ต่อไปผมจะตั้งใจหาเงิน แล้วเอาเงินซื้อบ้านให้พี่นะ”
“ทำไมนายต้องให้เงินพี่ด้วย พี่ซื้อให้ตัวเองก็ซื้อให้ครอบครัวด้วย เพราะฉะนั้นนายไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้หรอก”
ฉินเคอวั่งไม่ได้เอ่ยพูดอะไรอีก แต่ก็แอบตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าต่อไปหลังจากเรียนจบจะตั้งใจทำงานหาเงิน
เวลาผ่านไป ทั้งสองพี่น้องก็ได้ไปดูบ้านมาแล้วสามหลัง มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป
“เคอวั่ง นายชอบหลังไหนบ้างไหม?”
“พี่ครับ แล้วแต่พี่เลย ผมรู้สึกว่ามันก็ดีหมด”
ฉินมู่หลานหันมองฉินเคอวั่ง ก่อนจะพูดขึ้น “ทำไมถึงประหม่าที่จะพูดกับพี่ล่ะ ถ้าอย่างนั้นพี่จะบอกให้ว่าชอบห้องไหน พี่ชอบห้องที่สอง เพราะไม่ใช่แค่กว้างขวางเท่านั้น แต่ทำเลที่ตั้งก็ดีด้วย”
ฉินเคอวั่งได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็มีความสุข
“พี่ ผมก็ชอบหลังนั้น เพียงแต่ว่า…มันจะไม่ใหญ่ไปหน่อยเหรอ แล้วก็ยังต้องซ่อมแซมอีกหลายจุดเลย ถึงตอนนั้นคงต้องเสียเงินเพิ่มเยอะมาก” บ้านหลังนั้นมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชัดเจนที่สุด ทำเลที่ตั้งดี อีกทั้งยังอยู่ไม่ห่างจากมหาลัยปักกิ่งและมหาลัยชิงหัวด้วย ต่อไปพวกเขาคงเดินทางได้สะดวก แต่ราคาก็แพงมากที่สุดในบรรดาบ้านหลังอื่นด้วย
“ดูเหมือนว่าเราสองพี่น้องจะคิดเหมือนกันนะ ถ้าอย่างนั้นก็ได้ เราไปซื้อหลังนั้นกัน”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พวกเธอมันก็หนูงูอยู่รูเดียวกันนั่นแหละ ไม่มีใครดีไปกว่าใครหรอกยัยม่านลี่ยัยอวี่หรง
เอาเงินส่วนไหนซื้อบ้านกันหนอ บ้านในปักกิ่งราคาแรงอยู่นะ
ไหหม่า(海馬)