ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 260 รับทีมงานก่อสร้าง

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 260 รับทีมงานก่อสร้าง

ตอนที่ 260 รับทีมงานก่อสร้าง

ฉินเคอวั่งได้ยินสิ่งที่พี่สาวพูด ก็เอ่ยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “พี่ครับ พวกเราตัดสินใจกันแบบนี้ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ ลองกลับไปถามพ่อกับแม่กันก่อนดีกว่าไหมครับ”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ ก็พูดขึ้นตามตรง “ไม่ต้องหรอก วันนี้พี่พกเงินมาด้วยแล้ว พวกเราไปซื้อกันเลยก็ได้”

“นี่…มันไม่เร็วไปเหรอครับ”

“ไม่หรอก”

ฉินมู่หลานยกยิ้ม หลังจากนั้นก็พาฉินเคอวั่งไปซื้อบ้านหลังนั้น

หลังจากทั้งสองคนกลับมา ซูหว่านอี๋กับฉินเจี้ยนเซ่อก็ได้ทราบข่าวว่าสองพี่น้องซื้อบ้านเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่จึงมีสีหน้าตกใจสุดขีด “มู่หลาน ทำไมลูกถึงซื้อเร็วจัง มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอ ทำไมไม่รอดูที่อื่นเพิ่มเติมก่อนล่ะ”

“พ่อคะแม่คะ บ้านหลังนั้นไม่เลวเลยค่ะ ถ้าซื้อเอาไว้ไม่ขาดทุนแน่นอน หากว่าพวกแม่อยากจะดูเพิ่มถ้างั้นพวกเราก็ซื้อเพิ่มอีกได้ค่ะ”

เมื่อเห็นลูกสาวซื้อบ้านราวกับซื้อผักกาดขาว ฉินเจี้ยนเซ่อกับซูหว่านอี๋ก็สะอึกพูดไม่ออก หลังจากมองฉินมู่หลานอยู่สักพักก็เอ่ยขึ้น “จะซื้อบ้านไปทำไมเยอะแยะ แค่เอาไว้อยู่อาศัยก็เพียงพอแล้ว ตอนนี้ซื้อครบทุกอย่างแล้ว ก็ไม่ต้องไปซื้อเพิ่มแล้วล่ะ”

ฉินมู่หลานยังคงอยากซื้ออีก ถึงตอนนี้จะซื้อแล้ว หลังจากนี้ต่อไปในอนาคตมูลค่ามันก็จะเพิ่มขึ้นอีก

“ลุงเจี่ยงคะ ช่วยมองหาบ้านอีกนะคะ ถ้ามีหลังดี ๆ อีก เดี๋ยวฉันจะไปดูค่ะ”

ลุงเจี่ยงได้ยินเช่นนี้ ก็ยกยิ้มพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “คุณหนูน้อยไม่ต้องห่วงครับ ผมคอยดูให้คุณหนูน้อยตลอดเลยครับ”

“มู่หลาน ทำไมลูกถึงจะซื้ออีกล่ะ ถ้าซื้อแล้วไม่ได้เข้าอยู่บ้านก็ว่างไม่ใช่เหรอ”

ในตอนนั้นเอง เจี่ยงสือเหิงก็ยกยิ้ม แล้วพูดขึ้น “เจี้ยนเซ่อ ยังไงบ้านก็ยังคงมีมูลค่าเอาไว้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าซื้อได้ก็ซื้อเอาไว้เถอะ” หลังจากพูดอย่างนั้นแล้ว เขาก็หันไปมองแล้วเอ่ยถามฉินมู่หลาน “มู่หลาน ลูกมีเงินพอไหม ถ้าไม่พอ พ่อมีนะ”

ฉินมู่หลานส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “พ่อบุญธรรมคะ ฉันมีพอค่ะ พอซื้อบ้านได้อยู่”

ตอนนี้ยาที่เธอเป็นคนผลิตถูกวางจำหน่ายในหลายมณฑลแล้ว เธอจึงได้รับส่วนแบ่งค่อนข้างดี และเพียงพอต่อการซื้อบ้าน

เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็ไม่เอ่ยพูดอะไรอีก แต่กลับเอ่ยถึงเรื่องที่เขากำลังจะต้องไปจัดการในเร็ว ๆ นี้แทน “มู่หลาน มีโครงการหนึ่งที่สถาบันวิจัยต้องไปทำ เพราะฉะนั้นอีกไม่นาน พ่ออาจจะไม่ค่อยได้กลับมาบ้านสักเท่าไหร่ แต่ลุงเจี่ยงยังอยู่ที่นี่ ลูกก็อยู่ไปเหมือนเดิมนะ”

ฉินเจี้ยนเซ่อกับซูหว่านอี๋ได้ยินสิ่งที่เจี่ยงสือเหิงบอกกล่าว ก็ได้แต่รู้สึกเขินอายนิดหน่อย นอกจากเจ้าบ้านจะไม่อยู่แล้ว พวกเขายังมาอาศัยอยู่ที่นี่อีก จึงรู้สึกเหมือนนกกาเหว่ามาแย่งอาศัยรังนกกา

ฉินมู่หลานไม่รู้สึกอะไรเลย ทำแค่พยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ได้ค่ะพ่อ พวกเราจะอยู่ต่อแน่นอนค่ะ แต่ว่างานของพ่อจะเสร็จทันสิ้นปีไหมคะ”

เจี่ยงสือเหิงไม่สามารถรับประกันเรื่องนี้ได้ แต่เมื่อคิดถึงปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า เขาก็อดพูดไม่ได้ “ถ้าพ่อทำงานเสร็จก่อนสิ้นปี พวกลูกทั้งครอบครัวก็อยู่ฉลองปีใหม่ที่เมิองหลวงเถอะ พวกเราจะได้ใช้เวลาดี ๆ ร่วมกันช่วงปีใหม่” หฃังจากพูดจบ แววตาของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง

นอกจากลุงเจี่ยงแล้ว เขาไม่มีใครให้อยู่ร่วมฉลองปีใหม่ด้วยเลย หากครอบครัวฉินมู่หลานอยู่ได้ เช่นนั้นคงจะดีไม่น้อย

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ ก็ไม่ต้องคิดเลย ก่อนจะเอ่ยพูดตามตรง “ได้ค่ะพ่อบุญธรรม ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาฉลองปีใหม่ด้วยกันค่ะ”

ฉินเจี้ยนเซ่อที่เฝ้ามองอยู่เห็นเช่นนี้ ก็อยากจะแย้งว่าช่วงปีใหม่ก็ควรจะใช้เวลากับที่บ้าน แต่ในเมื่อลูกสาวตอบตกลงแล้ว เขาจึงไม่พูดอะไร

และเมื่อเจี่ยงสือเหิงเห็นฉินมู่หลานตกลง สีหน้าก็ตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

“จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย พวกเราจะได้ฉลองปีใหม่ด้วยกัน”

ลุงเจี่ยงที่อยู่ข้าง ๆ ก็ดีใจมากเช่นกัน และเริ่มวางแผนซื้อของเอาไว้ฉลองช่วงปีใหม่

หลังจากเจี่ยงสือเหิงไปแล้ว เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงสองสามีภรรยาก็มา เมื่อพวกเขามาถึงก็ได้ยินว่าตระกูลฉินจะอยู่เลี้ยงฉลองปีใหม่ที่นี่

เหยาจิ้งจืออดหันมองเซี่ยเหวินปิงแล้วเอ่ยเสียไม่ได้ “ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเราก็อยู่ฉลองที่ปักกิ่งเหมือนกันเถอะ ถึงตอนนั้นก็ให้พวกเจ๋อเหว่ยมาที่นี่ด้วย”

เซี่ยเหวินปิงพยักหน้าเห็นด้วยอยู่แล้ว “ได้สิ เดี๋ยวผมส่งโทรเลขไปบอกเหวินปิงเอง”

“ได้”

หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ทราบเกี่ยวกับการซื้อบ้านของตระกูลฉิน

เซี่ยเหวินปิงรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “เจี้ยนเซ่อ พวกคุณซื้อบ้านเรียบร้อยแล้วเหรอ ทำไมเร็วจังเลย”

ฉินเจี้ยนเซ่ออดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นพร้อมส่ายหัว “ไม่ใช่พวกเราหรอกที่รีบ แต่มู่หลานนั่นแหละที่รีบ วันนี้หล่อนออกไปซื้อของกับเคอวั่งแล้วก็หรูฮวน ก็เลยได้โอกาสซื้อบ้านเสียเลย พวกเรายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าบ้านนั่นอยู่ตรงไหน พวกเขาสองคนพี่น้องเพิ่งเลือกดูไปไม่กี่ที่เองด้วย แต่ก็ด่วนตัดสินใจไปเสียแล้ว”

เซี่ยเหวินปิงได้ยินเช่นนี้ก็ยกยิ้มแล้วเอ่ย “ในเมื่อมู่หลานตัดสินใจซื้อไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ต้องดีอยู่แล้วล่ะ”

เซี่ยเหวินปิงเชื่อมั่นในตัวลูกสะใภ้คนเล็กคนนี้อย่างมาก ว่าสุดท้ายแล้วฉินมู่หลานจะทำอะไรก็ยอดเยยี่ยมทั้งนั้น

เมื่อฉินเจี้ยนเซ่อเห็นเซี่ยเหวินปิงเอ่ยเช่นนี้ ก็อดยิ้มแล้วพยักหน้าเสียไม่ได้ ก่อนจะเอ่ย “ใช่แล้ว มู่หลานทำอะไร พวกเราก็วางใจได้ตลอด เพียงแต่ครั้งนี้หล่อนดูหุนหันพลันแล่นไปหน่อย”

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ฉินเจี้ยนเซ่อก็มีความสุขมากเช่นกัน ลูกสาวตัวเองได้รับคำชมมากมาย เขาผู้เป็นพ่อก็ได้แต่รู้สึกภูมิใจ

ทั้งสองคุยกันอยู่สักพัก จากนั้นเซี่ยเหวินปิงก็อดหันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถามเสียไม่ได้ “มู่หลาน ตอนที่พวกเธอไปดูบ้าน พวกเราขอไปดูด้วยได้ไหม”

“ได้อยู่แล้วค่ะ เอาไว้หลังมื้อเที่ยงพวกเราไปดูกัน”

“ตกลง” เซี่ยเหวินปิงพยักหน้าแล้วตอบกลับทันที

มื้อเที่ยงค่อนข้างอิ่มหนำสำราญ อาหารวางเต็มโต๊ะใหญ่

ฉินมู่หลานเห็นเช่นนี้ก็อดหันมองแล้วเอ่ยถามลุงเจี่ยงเสียไม่ได้ “ลุงเจี่ยงคะ ทำไมวันนี้ถึงเตรียมอาหารเยอะจังเลย ถ้ากินไม่หมดก็เสียดายแย่เลยนะคะ”

ลุงเจี่ยงได้ยินอช่นนี้ก็ยกยิ้มแล้วเอ่ย “พวกคุณหนูซื้อบ้านกันแล้ว แน่นอนว่าพวกเราก็ต้องเฉลิมฉลองกันเสียหน่อยสิครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็พยักหน้า หลังจากนั้นก็หันไปพูดกับลุงเจี่ยง “ลุงเจี่ยงคะ ลุงก็นั่งเถอะค่ะ มากินข้าวด้วยกันกับพวกเรา”

ลุงเจี่ยงเคยชินกับการกินข้าวร่วมกับพวกเขา จึงพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะดื่มกับคุณเจี้ยนเซ่อและคุณเหวินปิงสักสองแก้วด้วย”

ฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงก็พยักหน้าตกลงอยู่แล้ว

หลังจากดื่มกินกันอย่างอิ่มหนำแล้ว ฉินมุ่หลานก็บอกให้ทุกคนไปพักผ่อนก่อน “ทุกคนไปพักกันก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวค่อยไปดูบ้านกัน”

“ตกลง”

ทุกคนไปพักหลังจากรับประทานอาหารกลางวัน จากนั้นก็ออกไปดูบ้านด้วยกัน กระทั่งเด็กทั้งสองก็ถูกพาไปด้วย ถึงแม้ว่าอากาศจะค่อนข้างหนาว แต่ทั้งสองก็โดนห่อตัวด้วยผ้าห่มผืนหนา นอกจากนี้ลุงเจี่ยงยังเอารถมาด้วย จึงสะดวกต่อการเดินทางมาก

หลังจากทุกคนมาถึง ฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงต่างก็ถอนหายใจ

“มู่หลาน บ้านหลังนี้ใหญ่มากเลย”

“ใช่ค่ะ พวกเราลองเข้าไปดูกันเถอะ”

เมื่อเดินจนทั่วแล้ว เซี่ยเหวินปิงกับฉินเจี้ยนเซ่อต่างรู้สึกว่ายังเดินชมไม่เพียงพอ แต่ก็รู้สึกว่ายังมีจุดที่ไม่พอใจอยู่

“มู่หลาน ดูแล้วตรงลานบ้านต้องปรับปรุงใหม่หมดเลยนะ”

ฉินมู่หลานพยักหน้าและพูดขึ้น “ใช่ค่ะ ถึงตอนนั้นก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม”

เซี่ยเหวินปิงได้ยินเช่นนี้ ก็คิดแล้วคิดอีก ก่อนจะเอ่ย “มู่หลาน จริง ๆ แล้ว…พวกเราหาคนงานแล้วทำกันเองก็ได้นะ จะได้ประหยัดเงิน”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มู่หลานเตรียมเก็งกำไรราคาอสังหาริมทรัพย์แล้วล่ะสิ เตรียมโกยทรัพย์รัวๆ แล้ว

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท