ตอนที่ 264 ซื้อของต้อนรับปีใหม่
ตอนที่ 264 ซื้อของต้อนรับปีใหม่
ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ตื่นขึ้นก็พบว่าเด็กน้อยทั้งสองคนตื่นกันแล้ว ตากลมโตใสแจ๋วทั้งสองคู่กำลังจ้องมองพวกเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
จิตใจของเซี่ยเจ๋อหลี่พลันอ่วนระทวย อุ้มลูกทั้งสองคนไว้ในอ้อมแขนคนละข้าง
“เฉินเฉิน ชิงชิง พวกลูกคิดถึงพ่อไหม”
ไม่ทราบว่าเด็กทั้งสองเข้าใจหรือไม่ ทว่าตอนนี้มือเล็กกลับโบกสะบัดไปมา ก่อนจะขยับปากส่งเสียงอ้อแอ้
“อ๋อ พ่อเข้าใจแล้วครับ พวกลูกคิดถึงพ่อนี่เอง”
เซี่ยเจ๋อหลี่พูดเองเออเอง ก่อนจะยกยิ้มแล้วจูบลงบนใบหน้าของเด็กทั้งสอง
แต่เฉินเฉินกับชิงชิงก็ยังคงส่งเสียงอ้อแอ้ต่อไป นอกจากนี้ยังผลักมือเซี่ยเจ๋อหลี่และหันไปมองฉินมู่หลาน
ฉินมู่หลานเห็นดังนี้ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อาหลี่ ทั้งคู่น่าจะหิวแล้วน่ะค่ะ เดี๋ยวฉันให้นมก่อน”
“อ๋อ…”
เซี่ยเจ๋อหลี่รีบส่งเด็กทั้งสองให้ทันที เพื่อให้ภรรยาได้ให้นมลูก
ฉินมู่หลานมองเซี่ยเจ๋อหลี่ ก่อนจะพูด “คุณออกไปก่อนเถอะค่ะ”
“ไม่เป็นไร คุณรีบให้เถอะ หลังจากลูกอิ่มแล้วผมจะได้ช่วยคุณอุ้มพวกเขา”
ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นแบบนี้ก็อดเขินจนแก้มแดงไม่ได้ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ออกไปจริง ๆ จึงหันหลังให้นมลูกแทน
เด็กทั้งสองหิวมาก จึงกินอยู่สักพักก่อนจะหยุด
ฉินมู่หลานอุ้มลูกอยู่นานมาก รู้สึกปวดแขนทั้งสองข้างจนเหมือนจะยกไม่ขึ้น
“มู่หลาน ปวดแขนเหรอ เดี๋ยวผมอุ้มลูกให้เอง”
เซี่ยเจ๋อหลี่รีบเข้ามาอุ้มลูกให้ทันที เพียงแต่สายตาก็อดมองไปที่ภรรยาไม่ได้
หลังจากเด็กทั้งสองออกจากอ้อมแขนแล้ว มู่หลานก็รีบดึงเสื้อปิดลงด้วยใบหน้าแดงเถือก ก่อนจะเหลือบมองเซี่ยเจ๋อหลี่ ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยเห็นว่าผู้ชายคนนี้หน้าไม่อายขนาดนี้
ปลายหูของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ขึ้นสีแดงเช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้เด่นชัดจนมองออก เขาอุ้มลูกทั้งสองคนเอาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะเอ่ยพูด “มู่หลาน เดี๋ยวผมอุ้มลูกออกไปเดินเล่นก่อนนะ”
หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ออกไปพร้อมกับลูกทั้งสองคน ฉินมู่หลานก็พยายามทำใจให้สงบแล้วเริ่มจัดแจงข้าวของ
ยังไม่ทันที่ฉินมู่หลานจะออกไป เซี่ยเจ๋อหลี่ก็กลับเข้ามาเพียงคนเดียว
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ก็อดถามไม่ได้ “แล้วเจ้าหนูสองคนล่ะ?”
“พวกพ่อแม่ดูอยู่น่ะ”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนี้ก็พยักหน้า จากนั้นก็หันมองเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วเอ่ย “สองวันนี้ค่อนข้างยุ่ง ฉันลืมบอกคุณไปเลยค่ะว่าจริง ๆ แล้วฉันไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อกับแม่”
“อะไรนะ…”
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินดังนี้ก็พลันตกตะลึง “เป็นไปได้ยังไงกัน หรือว่าเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า?”
เขาไม่คิดว่าภรรยาจะเป็นลูกสาวบุตรธรรมของตระกูลฉิน เพราะพ่อตากับแม่ยายดีกับเธอมาก ดีกว่าฉินเคอวั่งที่เป็นลูกชายเสียอีก
ฉินมู่หลานถอนหายใจก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉันกหวังว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่มันไม่ใช่”
หลังจากนั้นเธอก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟังอีกครั้ง หลังจากนั้นก็พูดขึ้น “เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้วแม่คือน้าหญิงของฉัน แต่ในใจของฉัน อย่างไรท่านก็คือแม่แท้ ๆ”
เพราะฉินเจี้ยนเซ่อกับซูหว่านอี๋ดีกับฉินมู่หลานมากมาโดยตลอด
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินสิ่งนี้ก็พยักหน้าแล้วเอ่ย “ใช่ พ่อตากับแม่ยายคือพ่อแม่แท้ ๆ ของคุณ แต่ว่า…”
หลังจากเอ่ยจบ เขาก็อดแสดงความเห็นของตัวเองไม่ได้ “เซี่ยฉางชิงนั่นไม่ใช่คนดี แล้วจะปล่อยเขาไปอย่างนั้นเหรอ?”
พูดจบเขาก็พลันตระหนักได้ว่าเซี่ยฉางชิงเป็นพ่อแท้ ๆ ของฉินมู่หลาน จึงไม่ทราบว่าการพูดเช่นนั้นจะทำให้ฉินมู่หลานอึดอัดหรือไม่
มู่หลานเหมือนจะเห็นด้วย เซี่ยเจ๋อหลี่จึงทราบว่าเธอเองก็ไม่ชอบพ่อแท้ ๆ ของตัวเองเหมือนกัน เขาจึงเอ่ยต่อ “หรือว่าจะทำอะไรสักหน่อยดีไหม ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพูดจาหว่านล้อมแบบนั้น แม่แท้ ๆ ของคุณก็คงไม่ตาย”
เขารู้ตัวว่าจะต้องแต่งงานกับคนอื่น จึงพูดหว่านล้อมซูหว่านอวี๋ แล้วยังทำหล่อนตั้งครรภ์อีก เซี่ยฉางชิงช่างเจ้าเล่ห์จริง
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ก็ส่ายหัว แล้วพูดขึ้น “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เรายังทำอะไรเซี่ยฉางชิงไม่ได้ แต่ต่อไปถ้ามีโอกาส ก็ว่าจะจัดสักหน่อย”
เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าแล้วเอ่ย “ดี”
แต่เมื่อพูดถึงเซี่ยฉางชิง ฉินมู่หลานก็นึกถึงเซี่ยอวี่หรง ทำให้อดหันมองเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วเอ่ยพูดเสียไม่ได้ “ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเซี่ยอวี่หรงจะเป็นน้องสาวต่างแม่ของฉัน ตอนนี้ก็ถือว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันแล้ว แต่สองคนพี่น้องกลับมาตกหลุมรักคุณเหมือนกัน คุณรู้สึกยังไงล่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็กระตุกวูบ ก่อนจะรีบยกมือขึ้นสาบาน
“มู่หลาน ผมกับเซี่ยอวี่หรงไม่ได้ข้องเกี่ยวกันเลย เห็นได้ชัดว่าพวกเราเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งเอง ก็ไม่รู้ว่าทำไมหล่อนถึงได้มาสนใจผม ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนเป็นเพื่อนของเนี่ยนอัน ผมคงไม่ปรายตามองหล่อนแม้แต่ครั้งเดียวด้วยซ้ำ”
เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ร่ายยาว ฉินมู่หลานก็อดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “พอแล้ว ฉันแค่ล้อเล่นเอง เซี่ยอวี่หรงจะคิดยังไงกับคุณก็ไม่สำคัญหรอก ประเด็นมันอยู่ที่ว่าคุณคิดยังไงกับหล่นอถ้านายซื่อตรงแค่นั้นก็พอแล้ว”
“ผมซื่อตรงสุด ๆ แล้ว”
สีหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่เต็มไปด้วยความจริงจัง ขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่ชอบเซี่ยอวี่หรงมากยิ่งขึ้น
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ ก็หัวเราะทันที “พอแล้ว พอแล้ว ฉันรู้แล้ว”
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน ซูหว่านอี๋ก็เข้ามา “มู่หลาน อาหลี่ กินข้าวเย็นได้แล้ว”
หลังจากเซี่ยเจ่อหลี่กับฉินมู่หลานมาถึงห้องรับประทานอาหาร คนอื่น ๆ ก็มาถึงกันแล้ว เจี่ยงสือเหิงกำลังอุ้มชิงชิงแล้วเล่นกับหล่อนอยู่ตรงนั้น ตอนนี้ได้เห็นพวกฉินมู่หลานมาแล้ว จึงรีบเอ่ย “มู่หลานมากินข้าวกัน”
หลังจากกินเสร็จ เจี่ยงสือเหิงก็อดพูดไม่ได้ “มู่หลาน อีกไม่นานก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว พรุ่งนี้พวกเราไปซื้อของไหว้กันเถอะ ปีนี้ที่บ้านไม่ค่อยมีงานมงคลมากมายนัก เรามาจัดงานปีใหม่ให้ดีกันเถอะ”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ ก็ยกยิ้มแล้วพยักหน้าตามปกติ แล้วเอ่ย “ได้ค่ะพ่อบุญธรรม ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้พวกเราออกไปแต่เช้ากันเลยนะคะ”
เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็มาด้วย
ทันทีที่เหยาจิงจือเห็นฉินมู่หลาน ก็พูดถึงเรื่องที่นายท่านเหยาอยากเชิญตระกูลฉินไปกินมื้อค่ำด้วยกัน “มู่หลาน คุณพ่ออยากจะกินข้าวกับพ่อแม่ของเธอ แล้วก็เชิญสหายเจี่ยงไปด้วย จะได้พร้อมน้าพร้อมตากัน”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ก็หันมองฉินเจี้ยนเซ่อกับพวกซูหว่านอี๋ ขณะเดียวกันก็ถามความเห็นของเจี่ยงสือเหิงด้วย
เมื่อแต่ละคนไม่มีความเห็นใด จึงตัดสินใจไปบ้านตระกูลเหยาด้วยกัน
เหยาจิ้งจือเห็นทุกคนตอบตกลง ก็ยกยิ้มแล้วเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นตอนบ่ายพวกเราไปที่นั่นกัน”
ขณะพูด หล่อนก็สังเกตได้ว่าดูเหมือนทุกคนกำลังจะออกไปข้างนอก จึงอดเอ่ยถามไม่ได้ “มู่หลาน พวกเธอจะออกไปข้างนอกกันเหรอ?”
“ใช่ค่ะ พวกเรากำลังจะไปซื้อของต้อนรับปีใหม่ค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เหยาจิ้งจือก็รีบเอ่ยทันที “ฉํนก็จะไปกับพวกเธอด้วย ใกล้จะปีใหม่แล้ว ต้องเตรียมของไหว้ปีใหม่สักหน่อย”
เซี่ยเหวินปิงไม่อยากไปเลยจริง ๆ “มู่หลาน พวกเธอไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปดูบ้านหลังนั้นสักหน่อย”
ฉินเจี้ยนเซ่อได้ยินเช่นนี้ก็รีบเอ่ยตาม “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปด้วย”
สุดท้าย แม้แต่ฉินเคอวั่งก็ไปที่บ้านหลังนั้นด้วยเหมือนกัน ส่วนมู่หลานกับคนอื่นไปซื้อของต้อนรับปีใหม่ ครั้นพวกเขากลับมาก็รีบกินมื้อเที่ยงแล้วพักผ่อนกัน หลังจากตื่นเซี่ยขึ้นมา เซี่ยหวินปิงกับคนอื่นก็กลับมากันแล้ว ทุกคนจึงจัดแจงตัวเองให้พร้อม ก่อนจะไปบ้านตระกูลเหยา
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เหมือนบ้านตระกูลเหยาเป็นสถานที่อึดอัดใจสำหรับพ่อแม่สามีมู่หลานไปแล้ว
ไหหม่า(海馬)