ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 277 ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 277 ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ตอนที่ 277 ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ครั้นเหลียงถงได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“จริงเหรอครับ นั่นมันเยี่ยมไปเลย”

คนที่เดินตามออกมาหลังจากนั้นคือหลี่ปิ่งฉวน เขาคอยสังเกตวิธีการผ่าตัดของฉินมู่หลานอยู่ตลอด จึงทราบทุกขั้นตอนแล้ว เขาเดินไปตบบ่าเหลียงถงก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เหล่าเหลียง ได้หมอฉินเป็นคนลงมือทั้งที นายมั่นใจได้เลย ต่อไปนายก็แค่ดูแลพี่สะใภ้ให้ดี หลังจากทำกายภาพสักหนึ่งเดือนหล่อนก็จะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”

“ดีๆ”

เหลียงถงทำได้แค่รู้สึกตื่นเต้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องเฝ้าติดตามอาการของโจวเหยียนต่อ หลังจากหล่อนออกมาจากห้องผ่าตัดแล้ว เหลียงถงก็ตรงไปที่หอพักผู้ป่วยด้วยทันที

ฉินมู่หลานไปที่หอพักผู้ป่วยอีกครั้ง แล้วบอกเหลียงถงในเรื่องที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ หลังจากนั้นก็พาเจี่ยงสือเหิงกับฉินเคอวั่งกลับบ้าน

หลังจากกลับถึงบ้าน เหยาจิ้งจือก็เห็นว่าลูกสะใภ้คนเล็กดูมีท่าทางเหนื่อยล้า จึงรีบพูดขึ้น “มู่หลาน เหนื่อยมากใช่ไหม เธอกลับห้องไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

เจี่ยงสือเหิงก็พูดเสริมเช่นกัน “ใช่แล้วมู่หลาน ผ่าตัดมาคงเหนื่อย ลูกไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวตื่นขึ้นจะได้มากินของอร่อย”

ฉินมู่หลานรู้สึกเหนื่อยมาก่อนหน้านี้นิดหน่อย จึงพยักหน้าแล้วตอบกลับ “ค่ะ”

เธอพบว่าหลังจากตัวเองคลอดลูก สมรรถภาพร่างกายก็แย่ลงนิดหน่อย สงสัยต้องลองไปเข้าคอร์สบริหารร่างกายดูแล้ว

หลังฉินมู่หลานพักผ่อนเรียบร้อยแล้วก็รู้สึกสดชื่นขึ้น เมื่อมองดูเวลา ก็พบว่าเป็นเวลาอาหารเย็นแล้ว เธอจึงรีบตรงไปที่ห้องอาหารทันที

“มู่หลาน มาแล้วเหรอ รีบมากินข้าวเร็ว”

เหยาจิ้งจือเห็นลูกสะใภ้คนเล็กมาแล้ว ก็ยกยิ้มแล้วรีบกวักมือเรียกทันที

ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วพยักหน้า แต่ก็ขอตัวไปดูลูกทั้งสองคนก่อน เหยาจิ้งจือแอบคิดถึงเปลที่พ่อบ้านเหยาเตรียมเอาไว้ว่ามันสะดวกสบายมากเพียงใด จึงอยากนำมาไว้ที่บ้านตระกูลเจี่ยงอีกสองเปล ตอนพวกเขาจะกินอาหาร เด็กทั้งสองจะได้นอนอยู่ในเปลได้

เมื่อเห็นฉินมู่หลานไปดูลูกทั้งสองคน เหยาจิ้งจือที่ได้เห็นภาพตรงหน้าก็อดเอ่ยด้วยรอยยิ้มไม่ได้ “เจ้าหนูสองคนกินแอปเปิ้ลบดไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากกินน้ำอุ่นอีกหน่อยก็หลับไป ขนาดพวกเราคุยกันอยู่ตรงนี้หรืออาหารจะหอมขนาดไหนก็ไม่ตื่นเลย”

ฉินมู่หลานเห็นว่าเด็กทั้งสองคนกำลังหลับสนิท จึงผละไปนั่งที่โต๊ะอาหาร แต่เมื่อเห็นว่าภายในห้องอาหารมีเพียงแค่เธอกับเหยาจิ้งจือแค่สองคน จึงถามเพิ่มเติม “แล้วคนอื่นล่ะคะ ยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”

“พ่อบุญธรรมของเธอบอกว่ามีธุระต้องไปจัดการ บอกว่าคืนนี้อาจจะไม่ได้กลับมา ส่วนเคอวั่งกับพ่อของเธอก็ไปดูเรือนสี่ประสานกันอีกแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย”

เพิ่งพูดจบ ฉินเคอวั่งกับเซี่ยเหวินปิงก็เดินเข้ามา พร้อมกับครอบครัวของเซี่ยเจ๋อเหว่ยด้วย

“จิ้งจือ ที่บ้านกับข้าวพอไหม วันนี้ผมชวนพวกเจ๋อเหว่ยมากินข้าวด้วยกัน”

เหยาจิ้งจือได้ยินก็รีบยกยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “ไม่ต้องห่วง กับข้าวมีพออยู่ค่ะ”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนมาถึงก็อยากเจอหน้าเด็กน้อยทั้งสองในทันที เสี่ยวอวี๋ก็วิ่งตามไปที่เปลด้วยเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยทั้งสองกำลังนอนหลับอยู่ ก็ทำได้เพียงเฝ้ามองใบหน้าที่กำลังหลับใหลของพวกเขาอย่างนึกเสียดายอยู่สักพักหนึ่ง และเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ทำไมผมรู้สึกว่าน้อง ๆ หลับตลอดเลยล่ะครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็บอกกล่าวด้วยน้ำเสียงขบขัน “เด็กเล็กส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลาไปกับการนอน ตอนเด็ก ๆ ลูกก็เป็นแบบนี้เหมือนกันแหละ”

“จริงเหรอครับ?”

เสี่ยวอวี๋รู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย แต่ในเมื่อผู้ใหญ่บอกแบบนี้ เขาก็ทำได้เพียงยอมเชื่อ

เซี่ยเหวินปิงไปช่วยภรรยายกอาหารในครัวออกมาเสิร์ฟด้วยกัน เมื่อเห็นว่าเจี่ยงสือเหิงไม่อยู่ ก็อดเอ่ยถามไม่ได้ “สือเหิงล่ะ ยังไม่กลับเหรอ?”

“คืนนี้สือเหิงไม่กลับ ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยเหวินปิงก็อดชะงักไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็หันไปพูดกับเหยาจิ้งจือ “อย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นคืนนี้คุณก็ค้างที่นี่เถอะ ไม่ต้องกลับบ้านตระกูลเหยาแล้ว ไม่อย่างนั้นมู่หลานคงจะเหนื่อยมากที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว”

“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

เหยาจิ้งจือยิ้มแล้วพูดขึ้น

แต่ฉินมู่หลานอดแย้งไม่ได้ “พ่อคะ แม่คะ ฉันอยู่คนเดียวก็ได้ค่ะ ลุงเจี่ยงกับคนอื่น ๆ ก็ยังอยู่ด้วย”

“มู่หลาน ให้ฉันอยู่ช่วยดูลูกเถอะ ถึงยังไงฉันก็ไม่ได้มีธุระอะไร”

เซี่ยเหวินปิงก็โน้มน้าวเช่นกัน “ใช่แล้วมู่หลาน แม่เธอกลับไปก็ไม่มีอะไรทำ ให้อยู่ที่นี่ช่วยเธอดีกว่า พรุ่งนี้ฉันกับเจ๋อเหว่ยจะมาที่นี่กันแต่เช้า และพาเคอวั่งไปที่บ้านสี่ประสานหลังนั้นด้วยกัน”

เมื่อเห็นทั้งสองพูดแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ไม่พูดอะไรอีก แล้วพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นรบกวนแม่ด้วยนะคะ”

ตอนแรกลุงเจี่ยงคิดว่าคุณหนูน้อยจะต้องดูแลลูกทั้งสองตอนกลางคืนตามลำพัง เมื่อเห็นเหยาจิ้งจืออยู่ค้างด้วยก็รู้สึกดีใจ เขายิ้มแย้มแล้วบอกให้คนไปช่วยเตรียมผลไม้มาเสิร์ฟให้อยู่ไม่น้อย หลังจากหลายคนกินกันเสร็จแล้วก็รีบจัดการเก็บกวาดจานผลไม้ทันที

เมื่อกินผลไม้กันเสร็จแล้ว เซี่ยเหวินปิงก็พาลูกชายคนโตกับครอบครัวกลับไป

ส่วนเหยาจิ้งจือคอยอยู่ช่วยดูแลเด็ก ๆ

เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยเหวินปิงก็พาเซี่ยเจ๋อเหว่ยมาตามฉินเคอวั่ง จากนั้นทั้งสามก็มุ่งหน้าไปที่บ้านสี่ประสานต่อ ฉินมู่หลานไม่ได้ถามเรื่องความคืบหน้าแต่อย่างใด เพราะต้องการปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเขา ส่วนการตกแต่งจะออกมาเป็นอย่างไรนั้นเธอไม่ได้หวังอะไรมากมายอยู่แล้ว ขอเพียงแต่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยก็พอ

และตอนนี้ฉินมู่หลานก็ว่างเช่นกัน เธอจึงเขียนบทความต้นฉบับต่อ ก่อนหน้านี้ยุ่งมาก จึงได้เขียนเป็นระยะ ๆ ไปทีละนิดเท่านั้น แต่หลายวันมานี้ทำได้เยอะขึ้นมาก จึงเรียบเรียงเขียนได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปส่ง

ตอนแรกเธอไม่คิดว่าจะได้รับค่าลิขสิทธิ์เร็วขนาดนี้ โดยไม่ทันตั้งตัว ค่าลิขสิทธิ์ก็ถูกส่งมาที่นี่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมีจดหมายของผู้อำนวยการหวงส่งมาด้วย เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านมู่จะเขียนบทความให้เยอะขึ้น จึงได้ช่วยเพิ่มค่าลิขสิทธ์ของต้นฉบับให้ด้วย

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็อดยิ้มไม่ได้ ดูเหมือนว่าบทความของเธอจะค่อนข้างได้รับความนิยมเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนว่าผู้อำนวยการหวงจะคิดว่าอันที่จริงแล้วเธอเป็นชายชรา แต่เธอก็ไม่ได้ต้องการชี้แจงอะไร จึงยอมเป็นท่านชายชราให้เขาไป

ถึงแม้ว่าค่าลิขสิทธิ์ที่ได้รับในวันนี้จะไม่ค่อยมากมายนัก แต่เธอก็คิดจะทำงานอดิเรกนี้ต่อไป เพราะเธอชอบความรู้สึกที่ได้ดื่มด่ำไปกับการเขียนมาก

ฉินมู่หลานได้รับค่าลิขสิทธิ์แล้วก็วางแผนที่จะตั้งใจเขียนบทความให้ดีต่อไป แต่ทันทีที่เธอเพิ่งหยิบปากกาขึ้นมา เหยาจิ้งจือก็เข้ามาพอดี “มู่หลาน อาจารย์ของเคอวั่งมาหา”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย หลังจากนั้นก็วางปากกาลงแล้วเดินออกไป เมื่อได้พบเหลียงถงก็อดถามไม่ได้ “ลุงเหลียง ทำไมถึงมาที่นี่คะ”

เหลียงถงเห็นฉินมู่หลาน ก็พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ภรรยาของผมออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ ฟื้นตัวได้เร็วมาก วันนี้ผมจึงตั้งใจมาหาเพื่อเป็นการขอบคุณ”

ได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็อดพูดไม่ได้ “ลุงเหลียงคะ ฉันบอกไปแล้วว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นหรอกค่ะ”

เหลียงถงได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้ม แล้วพูดขึ้น “เรื่องนั้นผมเข้าใจ แต่ก็อยากขอบคุณอยู่ดี ที่มาก็เพราะมีเรื่องอยากถามคุณ ว่าคุณมีบ้านสี่ประสานที่ต้องการจะออกแบบปรับปรุงใช่ไหม?”

ฉินมู่หลานไม่คิดว่าเหลียงถงจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ก็พยักหน้าก่อนจะบอกกล่าว “ค่ะ เคอวั่งก็เพิ่งไปทำงานกับพวกพ่อสามีของฉันที่นั่นเองค่ะ”

“ครับ ผมได้ยินภรรยาผมบอก วันนี้ก็เลยอยากจะมาถาม เดี๋ยวผมช่วยคุณออกแบบบ้านเรือนสี่ประสานนั้นให้ดีไหมครับ ไม่ใช่แค่คุณจะได้ตกแต่งบ้าน แต่ผมจะได้ถือโอกาสสอนเคอวั่งนอกสถานที่ไปด้วยเหมือนกัน ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

โอกาสดีแบบนี้ก็คว้าไว้เลยมู่หลาน น้องชายจะได้ก้าวหน้าในการเรียนไปด้วย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท