บทที่ 340 คับขันอันตราย
บทที่ 340 คับขันอันตราย
เสี่ยวเป่าจ้องดอกไม้นั้นเขม็ง นั่นเป็นกุญแจสำคัญในการแก้พิษให้บิดาของนาง
แมวดำในอกดิ้นไปมา เสี่ยวเป่าดึงสายตากลับมาแล้วก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าชายชราผู้นั้นใช้กริชที่สาดประกายเย็นเยียบกรีดไปบนแขนของเด็กหนุ่มอย่างชำนิชำนาญ
ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะเคยชินกับเรื่องแบบนี้ไปแล้ว หน้าจึงไม่เปลี่ยนสีเลยสักนิด
เมื่อเลือดสดแฝงกลิ่นหอมจาง ๆ ไหลลงมาจากแขนของเขาก็มีชามแก้วใบหนึ่งมารองรับไว้
เสี่ยวเป่าเห็นแล้วพลันโมโหจนตัวสั่น ที่แท้บาดแผลพวกนั้นก็มีที่มาเช่นนี้เอง!
นางเปิดกระเป๋าที่ใส่ตัวต่อเอาไว้ ใช้นิ้วมือตบบนนั้นเบา ๆ
“หึ่ง ๆ ๆ”
เสียงแมลงกระพือปีกดังขึ้น สองคนนั้นย่อมได้ยินเช่นกัน
“ใคร!”
ยามพวกเขาหันหน้ามองมา ตัวต่อสิบกว่าตัวก็โฉบไปถึงตรงหน้าแล้ว
“ที่นี่มีตัวต่อได้อย่างไร! ไป ไปให้พ้น!”
เลือดที่ชายชราประคองอยู่ตกลงบนพื้น ดอกไม้ที่ชายวัยกลางคนถืออยู่ก็ตกลงบนพื้นเช่นกัน
ไม่มีใครสังเกตว่าเลือดเหล่านั้นถูกดอกสามชีวาที่แลดูงดงามไร้พิษภัยดูดซับเข้าไปจนหมด
ดวงตาสีม่วงของเด็กหนุ่มจ้องดอกสามชีวานิ่ง
ขณะที่ดอกสามชีวาดูดเลือด กลิ่นหวานเลี่ยนขุมหนึ่งค่อย ๆ แผ่ซ่านไปทั่วคุกใต้ดิน
“ไปให้พ้น ไปให้พ้น!”
สองคนนั้นยุ่งอยู่กับการไล่ตัวต่อที่รุมตนเอง ใบหน้าของพวกเขาถูกต่อยจนบวมเป็นหัวหมู
ชายชราล้วงขวดกระเบื้องออกมาจากในชุดแล้วเปิดจุกออก “ตายซะ!”
เขายิ้มบิดเบี้ยวชั่วร้าย กรีดข้อมือตนเองแล้วปล่อยให้เลือดหยดลงในขวดกระเบื้อง จากนั้นแมลงสีดำมะเมื่อมฝูงหนึ่งก็บินออกมา
พวกมันพุ่งเป้าไปที่ตัวต่อเหล่านั้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่มีขนาดเท่ายุง แต่กลับเขมือบกลืนตัวต่อทั้งตัวหายไปได้ในชั่วพริบตา
เสี่ยวเป่าเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกปวดใจ กอดแมวดำพลางเคลื่อนไหว
และเพราะการขยับตัวครั้งนี้ ดวงตาคมปลาบของชายชราจึงตวัดมาทิศทางที่นางอยู่
ถูกจับได้แล้ว!
เสี่ยวเป่าอุ้มแมวดำวิ่งหนี
ชายชรามีสีหน้าดุร้ายยิ่งกว่าเดิม “คิดไม่ถึงว่าจะเป็นนังเด็กนี่ กล้ามาก่อกวนเรื่องสำคัญของพวกข้า เช่นนั้นก็เอาเจ้ามาเลี้ยงกู่ก็แล้วกัน!”
เขาว่าพลางวิ่งตามมา เพราะเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ เขาจึงเสียสติไปอย่างเห็นได้ชัด
ชายวัยกลางคนก็ตามมาพร้อมแววตาเหี้ยมเกรียม ผู้ใหญ่สองคนอย่างพวกเขาคิดจะจับเด็กน้อยคนหนึ่งอย่างเสี่ยวเป่าเป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่ง
ชั่วขณะที่ถูกจับได้ เสี่ยวเป่าก็ดิ้นรนสุดแรง “ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า!”
“เมี้ยว!!!”
แมวดำร้องเสียงแหลม กระโจนเข้าไปข่วนหลังมือของชายชรา
เขาหดมือกลับไปอย่างเจ็บปวด “เดรัจฉาน!”
ชายชราตาแดงก่ำ เตะแมวดำที่เพิ่งลงถึงพื้นกระเด็นออกไป
“เมี้ยว!!”
เสียงร้องของแมวดำฟังดูโหยหวนเป็นพิเศษในห้องใต้ดินที่มืดมิดแห่งนี้
เสี่ยวเป่าร่วงลงพื้น เมื่อคลานขึ้นมาได้อีกครั้งนางก็ใช้สองเท้ากระโดดเหยียบหลังเท้าของเขาเต็มแรง จนได้ยินเสียงกร๊อบดังลั่น
ชายชราร้องเสียงหลง กุมเท้าเกลือกกลิ้งไปมาบนพื้น
น่าเสียดายที่พริบตาถัดมาก็ถูกชายวัยกลางคนจับตัวเอาไว้ได้
เขาตีหน้ายักษ์ เงื้อมือขึ้นจะตีนาง
ครืดคราด…
เสียงโซ่กระทบกันดึงสติของเขาคืนมา เสี่ยวเป่าที่หลับตานานแล้วแต่ฝ่ามือนั้นยังไม่ฟาดลงมาเสียทีจึงลืมตาขึ้นอย่างสงสัย
คอเสื้อของนางยังถูกกระชากค้างไว้ ชายวัยกลางคนเงื้อมืออีกข้างขึ้นสูง แต่กลับไม่ตีลงมาเสียที
นัยน์ตาของเขาหดเล็ก เหลือบมองไปทางด้านหลังอย่างพรั่นพรึง
เสี่ยวเป่ามองตามก็เห็นว่าเด็กหนุ่มคนนั้นไม่รู้ยืนขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ในมือของเขาประคองดอกสามชีวาเอาไว้
เลือดบนแขนยังหลั่งรินเป็นสาย รากของดอกสามชีวาแทงเข้าไปในปากแผลบนแขนเขา สูบเลือดของเขาไม่หยุดราวกับหิวโหยมาเป็นเวลานาน
หากมองข้ามเรื่องที่ดอกไม้นั้นดูดเลือดของเขาไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นเด็กหนุ่มคนนั้นหรือดอกไม้ล้วนงามล้ำประหนึ่งเทพเซียนที่ไม่แปดเปื้อนโลกีย์
ทว่าเด็กหนุ่มกลับทำเพียงจ้องดอกไม้นิ่ง ๆ ปล่อยให้เลือดหลั่งไหลออกจากร่าง สีผิวซีดจางลงทุกขณะ
ในตอนนี้เอง เสี่ยวเป่าค่อยได้กลิ่นหวานเลี่ยนในอากาศที่พวกตนไม่ทันสังเกตมาแต่แรก
“ไม่ ไม่ ๆ ๆ…”
ชายวัยกลางคนไม่สนใจเสี่ยวเป่าอีกต่อไป เขาส่ายศีรษะอย่างบ้าคลั่ง ถลันเข้าไปแย่งดอกไม้นั้นราวกับคนเสียสติ
ทว่าชั่วพริบตาที่นิ้วของเขาแตะต้องดอกไม้สีแดงดอกนั้น แมลงน่ากลัวที่ถูกชายชราปล่อยออกมาในตอนแรกก็พลันกรูเข้าไปห้อมล้อมร่างชายวัยกลางคน
“อ๊ากกก!!!”
เสียงโหยหวนชวนขนลุกทำเอาเสี่ยวเป่าตัวสั่นสะท้าน จากนั้นนางก็ได้เห็นเต็มสองตาว่าคนตัวโตคนหนึ่ง ผ่านไปไม่กี่อึดใจกลับเหลือเพียงอาภรณ์กองอยู่บนพื้น
อย่าว่าแต่เลือด แม้แต่กระดูกก็ยังไม่เหลือ!
เสี่ยวเป่า : สวรรค์! นี่มันแมลงอะไรกัน น่ากลัวเกินไปแล้ว!
เสี่ยวเป่านั่งเหม่ออยู่บนพื้น คล้ายกับว่าตกใจจนสติหลุดไปแล้ว
กลับเป็นชายชราผู้นั้น ใบหน้าเผยแววครั่นคร้าม กระถดหนีไปข้างหลังโดยไม่สนใจนิ้วเท้าที่ถูกเสี่ยวเป่าเหยียบแตก จากนั้นก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นวิ่งตรงไปทางออกของห้องใต้ดินด้วยสีหน้าหวาดผวา
เสี่ยวเป่าหันไปมองก็เห็นว่าแมลงสีดำที่เขมือบชายวัยกลางคนไปทั้งคนฝูงนั้นบินตามไปด้วยเช่นกัน
เพียงไม่นานก็มีเสียงร้องแหลมดังมาจากทางเดินที่มืดมิด
แต่ในไม่ช้าก็ไม่มีเสียงใดอีก
เสียงที่คุ้นเคยเช่นนั้น คาดว่าคงถูกเขมือบทั้งเลือดเนื้อและกระดูกจนหมดจดเช่นเดียวกับชายวัยกลางคนไปแล้ว
“เมี้ยว~”
เสียงร้องอ่อนแรงของแมวดำดึงสติเสี่ยวเป่ากลับมา นางรีบวิ่งเข้าไปอุ้มแมวน้อยขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
แล้วอุ้มมันเดินไปถึงข้างกายเด็กหนุ่ม
“ท่าน…”
แต่พูดออกมาได้คำเดียว เสี่ยวเป่าก็ต้องใจสะท้านเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มที่ทั่วร่างขาวราวหิมะเด็ดดอกไม้ที่แดงเข้มมากขึ้นทุกขณะออกมา แล้วโยนเข้าปากตนเอง
เสี่ยวเป่า “!!!”
อ๊า ไม่นะ!
ตอนที่เจียงอู๋ฮ่วนพูดถึงข้อมูลเกี่ยวกับดอกสามชีวา เสี่ยวเป่านอนหลับไปแล้ว นางจึงไม่รู้ว่าดอกสามชีวาต้องหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับคนที่ใช้เลือดเพาะเลี้ยงมันมาจึงจะเติบโตโดยสมบูรณ์
ยามนี้นางเพียงทราบว่าดอกไม้ไม่มีแล้ว ไม่อาจช่วยท่านพ่อของนางได้อีกแล้ว
คิดถึงตรงนี้นางก็อยากร้องไห้ พวกท่านพ่อตามหามาตั้งนาน ไม่ง่ายเลยกว่านางจะโชคดีมาพบเข้า
ฮือ ๆ ๆ ๆ…ทำไมนางถึงโชคร้ายขนาดนี้นะ
เสี่ยวเป่ารีบเข้าไปง้างปากเขา เด็กหนุ่มก็อ้าปากขึ้นอย่างให้ความร่วมมือ
แต่เสี่ยวเป่าก็ต้องพบกับความปวดใจว่าดอกไม้ดอกนั้นพอเข้าปากก็ละลายทันที ไม่ทิ้งซากไว้เลยสักนิด
“แง…หมดทางช่วยท่านพ่อแล้ว ฮือ ๆ ๆ ๆ…ท่านพ่อ”
ท่าทางราวกับร้องไห้ไว้อาลัย
เด็กหนุ่มไม่เข้าใจว่านางเป็นอะไรไป พอดอกสามชีวาซึมซับเข้าสู่ร่างกายเขาทั้งหมด ปากแผลก็พลันสมานตัว แต่สีหน้าของเขายังคงซีดขาวดุจหิมะเช่นเดิม
เขานั่งลง ใช้ศีรษะถูไถเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่าผลักศีรษะของเขาออกไป แต่เขาก็ยังคงเบียดเข้ามาอย่างดื้อรั้น
เสี่ยวเป่า “ฮือ ๆ ๆ…ท่านให้ข้าทำใจก่อน ข้าปวดใจมากเลย”
ถึงจะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่อาจโทษเขา อีกทั้งดูจากรูปการณ์แล้วดอกไม้นี้คงใช้เลือดเขามาเพาะเลี้ยง
แต่…แต่เสี่ยวเป่าปวดใจมากจริง ๆ ร้องไห้หนักจนหน้ายับยู่ไปหมด
ช่วยไม่ได้นี่นา ตอนมุดรูสุนัขเข้ามาก็ทำตัวเองมอมแมมไปหมด ตอนนี้ยังร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล สภาพก็ต้องไม่น่ามองอยู่แล้ว