คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 420 ทำตัวลึกลับ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 420 ทำตัวลึกลับ

เมื่อรู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าของวิเศษที่มีไว้บูชาชองวัดหนี่ว์วาล้วนแต่เป็นของชั่วร้ายที่ทำร้ายคน พวกเติ้งฟู่ไฉก็รู้สึกหนาวสะท้าน เพราะวัดหนี่ว์วาเป็นที่นิยมมากจริงๆ

“ยากจะบอกได้ว่ามีทั้งหมดกี่คน แม้ว่าบางคนจะไปขอแล้ว ก็ไม่ได้ป่าวประกาศไปทั่ว ด้วยกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าตนเองมีลูกเองไม่ได้” เติ้งเฉิงซื่อยิ้มขื่น “แต่ว่าวัดหนี่ว์วาโด่งดังจริงๆ ได้ยินมาว่ามีคนขอลูกได้จริง และเพราะเหตุนี้จึงมีคนไปทำบุญเป็นจำนวนมาก”

นางมองใบหน้าย่ำแย่ของฉินหลิวซีพลางเอ่ย “ท่านอาจารย์เป็นผู้ออกบวชคงไม่รู้ว่าสตรีที่ไม่สามารถมีลูกได้นั้นยากลำบากเพียงใด บ้านสามีไม่ต้องการ แม้แต่บ้านบิดามารดาตนเองก็ยังต้องก้มหน้าก้มตาให้ก็มีเป็นจำนวนมาก และเพราะเช่นนี้ นานเข้าก็ยังไม่มีลูก หรือมีแต่ลูกสาว ก็ต้องพยายามหาวิถีทาง ไม่ก็ขอพรจากเทพเจ้า หรือไม่ก็ต้องเชิญแม่มดหมอผีมาทำพิธีให้ ขอให้มีลูกชายได้ก็พอ”

เติ้งเฉิงซื่อเอ่ยด้วยความขมขื่นและทอดถอนใจเล็กน้อย นางหันไปมองสามีของตนเอง “ข้านับว่าเป็นคนโชคดีคนหนึ่งที่สามารถมีลูกชายได้ตั้งกี่คน คนอื่นตั้งตารอลูกชาย เราตั้งตารอลูกสาว ยามชราแล้วจึงได้ลูกสาวมาอย่างที่ต้องการ จะพูดว่าดูแลทะนุถนอมราวแก้วตาดวงใจก็ไม่เกินจริง เพราะเหตุนี้ด้วยเช่นกัน พอนางเป็นอะไรขึ้นมา พวกเราจึงวิตกกังวล”

“ถูกต้อง ท่านอาจารย์ ในเมื่อท่านจัดการสิ่งนั้นแล้ว บุตรสาวของข้าก็ไม่เป็นไรแล้วใช่หรือไม่” เติ้งฟู่ไฉมองบุตรสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าสงบ

ฉินหลิวซีเดินเข้าไป แล้วยกมือนางขึ้นตรวจชีพจรก่อนจะวางลงตามเดิม “แม้ว่าผีน้อยตนนั้นจะดูดซับแก่นปราณของนาง แต่ก็ไม่ได้ดูดซับไปจนหมด ค่อยๆ บำรุงไป นางอายุยังน้อย บัดนี้เข้าหน้าหนาวแล้ว อากาศก็เย็น ถึงอย่างไรนางก็อยู่ในห้องเดียวกับวิญญาณชั่วร้ายมานานหลายวัน ต้องให้นางรับแดดมากๆ เพื่อขับไล่พลังหยิน นอกจากนี้ข้าจะวาดยันต์สงบใจให้นางด้วย เผาละลายน้ำแล้วดื่มก็พอ แล้วค่อยดื่มน้ำแกงสงบใจ”

เติ้งฟู่ไฉและภรรยาต่างก็ถอนหายใจโล่งอก

เพื่อไม่ให้พวกเขากังวลใจ ฉินหลิวซีจึงวางเรื่องตุ๊กตาดินเผาลงก่อน แล้วนำพู่กันและกระดาษยันต์ที่ผ่านการอาบน้ำยามาแล้วออกมาวาดอักษรยันต์แล้วเผาละลายน้ำ ก่อนจะให้เติ้งเฉิงซื่อป้อนนาง

จากนั้นนางก็วาดยันต์ขจัดสิ่งสกปรกและปราบปรามวิญญาณชั่วร้ายอีกแผ่นวางไว้ข้างเตียงของเด็กน้อย

เด็กหญิงตัวน้อยดื่มน้ำยันต์เข้าไปแล้ว สีหน้าก็ดูสงบมากขึ้น ลมหายใจของนางก็ยาวขึ้น ราวกับคนกำลังหลับ

“ไม่นานก็ตื่น ไม่ต้องกังวล”

เติ้งเฉิงซื่อได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้าซาบซึ้ง รีบคารวะฉินหลิวซีเป็นการใหญ่ “นี่ก็เป็นเวลาพอสมควรแล้ว เดินทางกลับเมืองหลีคงไม่สะดวก ท่านอาจารย์พักเสียที่บ้านเราดีหรือไม่เจ้าคะ ข้าจะให้คนไปเตรียมห้องพักและสุราอาหารไว้ให้”

ฉินหลิวซีเองก็ยังอยากที่จะไปสำรวจวัดหนี่ว์วาจึงไม่ได้ปฏิเสธ และเดินออกไปพร้อมกับเติ้งฟู่ไฉ

“จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นมาได้ สะใภ้ตระกูลหลิวทางด้านตะวันออกก็ดูเหมือนจะไปขอลูกที่วัดหนี่ว์วามาเช่นกัน ได้ยินมาว่านางคลอดสามครั้งเป็นบุตรสาวทั้งหมด ไม่ได้เก็บใครไว้สักคน” เติ้งเฉิงซื่อกล่าว “คนสุดท้ายก็คลอดยาก จนตายไปทั้งแม่ทั้งลูก เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงไหว้บรรพบุรุษของปีนี้ ตอนนี้ตระกูลหลิวก็ได้สะใภ้คนใหม่มาแล้ว”

ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว สีหน้ายิ่งไม่น่ามองขึ้นไปอีก

ทารกหญิงอีกแล้ว

ทารกหญิงเป็นหยิน ต่อให้เป็นทารกน้อยก็ยังมีพลังหยินมากกว่าผู้ชาย คนบงการเบื้องหลังเรื่องนี้ต้องการสิ่งใดกันแน่ หรือว่าเขาต้องการผีทารกหญิงทั้งหมด?

เติ้งฟู่เดินออกไปพร้อมกับฉินหลิวซีจนมาถึงโถงชมดอกไม้อีกครั้ง “หมู่บ้านเจ่าจือของเราอยู่ไม่ไกลจากอำเภอหลิง แต่ก็ต้องเดินทางสักระยะ วัดหนี่ว์วานั้นอยู่ที่อำเภอหลิง ต่อให้ไปขอลูกที่วัดหนี่ว์วาก็คงมีไม่มากเท่าคนในอำเภอหลิง”

ฉินหลิวซีพยักหน้า “เช่นนั้นแล้วท่านเศรษฐีเติ้งจะพาข้าไปดูบ้านรองตระกูลหยวนหน่อยได้หรือไม่”

เติ้งฟู่ไฉรีบเอ่ยทันที “ย่อมได้”

ฉินหลิวซีมองท้องฟ้าที่ยังไม่ทันมืด จึงพาเถิงเจาออกได้ด้วยกัน ขณะที่เดินไปบ้านรองตระกูลหยวน ก็พูดคุยไปพลาง และเห็นว่าคนที่ผ่านไปผ่านมาทักทายเขาอย่างสนิทสนม จึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านเศรษฐีเติ้งเป็นที่ชื่นชอบจริงๆ”

เติ้งฟู่ไฉหัวเราะออกมา “ตระกูลเติ้งของเราทำนาทอผ้ามาหลายชั่วอายุคน ตั้งแต่ปู่ทวดก็ทำนาเล็กๆ น้อยๆ เพื่อหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว และทำบุญกุศลเรื่อยมา จากรุ่นสู่รุ่นจึงได้มีที่นาในหมู่บ้านเจาจือถึงแปดส่วนเช่นนี้ ที่นี่มีผู้เช่าไม่น้อย ข้าเรียกเก็บค่าเช่าเพียงสี่ส่วนเท่านั้น มีข้อยกเว้นอยู่อย่าง หากเกิดภัยพิบัติหรือความอดอยาก ก็มีบ้างที่ไม่เก็บค่าเช่าและแจกเมล็ดพันธุ์ให้โดยไม่คิดเงิน ความชื่นชอบที่ท่านอาจารย์กล่าวถึงก็ได้มาด้วยการใช้เงิน”

“การทำบุญกับคนถือเป็นบุญใหญ่ เศรษฐีใหญ่อย่างท่านโดยทั่วไปแล้วมักจะตระหนี่ขี้เหนียวไม่ยอมเสียผลประโยชน์ ท่านได้ใจชาวบ้าน เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในหมู่บ้าน หากพบกับศัตรูจากภายนอก ก็สามารถรวมใจกันต่อสู้ได้” ฉินหลิวซีเอ่ย

เติ้งฟู่ไฉยิ้มพลางพยักหน้า “ความจริงเป็นเช่นนั้น เราเองก็มีเหลือจึงสามารถใจบุญสุนทานได้ หากไม่มีกำลังเหลือ ถึงมีใจก็ไร้แรง”

“ท่านจะได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทน”

ขณะที่พูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงหน้าบ้านที่มีสภาพทรุดโทรมเล็กน้อยหลังหนึ่ง ลานบ้านล้อมรอบด้วยกำแพงดินเตี้ยๆ เพียงเขย่งปลายเท้าก็สามารถเห็นความเคลื่อนไหวภายในลานบ้านได้แล้ว

ประตูไม้ในลานบ้านแง้มไว้ ก่อนที่ทั้งสองจะส่งเสียงเรียกก็มีคนเดินออกมาจากในบ้าน ปากก็ด่าทอไปด้วย เป็นหญิงชราผมขาวร่างเตี้ยคนหนึ่ง คำด่าหยาบคายสารพัดพ่นออกจากปากนาง ไม่น่าฟังอย่างยิ่ง

“นี่คือบ้านรองตระกูลหยวน” เติ้งฟู่ไฉเอ่ย “นางเป็นคนจู้จี้จุกจิก ชอบเอาเปรียบคนอื่น ใจร้ายไปบ้าง หากได้รับการปฏิบัติไม่ดีก็ขอให้ท่านอาจารย์อย่าได้โกรธเคือง ล้วนเป็นเพราะความยากจน”

“ไม่ใช่แค่เพราะความยากจนหรอก เป็นที่นิสัยของนางด้วย โหงวเฮ้งนางใจร้าย นิสัยอาฆาตพยาบาท อายุไม่ยืน” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างเฉยชา

เติ้งฟู่ไฉใจเต้นกระตุก ใบหน้าเคร่งขรึมทันที

“ใครมาทำอะไรลับๆ ล่อๆ” ท่านยายหยวนสังเกตเห็นพวกฉินหลิวซีก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาทันที

“ท่านยายหยวน ข้าเอง” เติ้งฟู่ไฉตอบกลับ และนำฉินหลิวซีเดินไปที่ประตูบ้าน

ท่านยายหยวนรีบโยนจานในมือทิ้งทันที ก่อนจะเช็ดมือไม้กับผ้ากันเปื้อนกระดำกระด่าง แล้วเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “โอ๊ะ เป็นนายท่านผู้ใจบุญนี่เอง ท่านมาหาถึงที่ด้วยเรื่องใดหรือ”

ก่อนที่เติ้งฟู่ไฉจะได้เอ่ยอะไร ฉินหลิวซีก็กระแอมออกมาก่อน นางเอามือไพล่หลังพลางเอ่ย “ในบ้านของท่านมีวิญญาณแค้นก่อกวน พลังหยินไหลวนไม่จางหายไปไหน ข้าเดินผ่านมา นับนิ้วคำนวณดูแล้ว ท่านจะมีเคราะห์เลือดตกยางออก”

เติ้งฟู่ไฉ “?”

ฉินหลิวซีเอียงหน้ามาเล็กน้อยพลางส่งสายตาให้เขา และเอ่ยกับท่านยายหยวนว่า “ไม่ทราบท่านยาย เพิ่งจะเสียเด็กหญิงคนหนึ่งไปใช่หรือไม่”

ตระกูลหยวนเชื่อในสิ่งใด นางก็ทำเช่นนั้น พวกเขาเชื่อในการบูชาเจ้าแม่ประทานบุตร จนยินดีที่จะบูชาของชั่วร้ายเพื่อขอลูกมิใช่หรือ เช่นนั้นแล้วนางก็จะพูดว่ามีวิญญาณร้ายรังควาน ดูสิว่าจะกลัวหรือไม่!

“เหลวไหล…” นางหยวนได้ยินแล้วก็อยากจะด่าออกมาทันทีที่ได้ยิน หนุ่มน้อยหน้าขาวจากไหนมาถึงก็สาปแช่งคนแล้ว แต่ฉินหลิวซีกลับเอ่ยถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง นางจึงสะอึกไป

ใช่แล้ว ไม่กี่วันก่อนเด็กที่เพิ่งเกิดจมน้ำตายไปจริงๆ และยังเป็นเด็กผู้หญิงด้วย

ม่านตาของท่านยายหยวนหดเล็กลงทันที

ฉินหลิวซีแสร้งทำเป็นนับนิ้วพึมพำบางอย่าง “ไม่ ไม่ใช่แค่ไม่กี่วันที่ผ่านมา ต้นปีที่แล้วก็ตายไปหนึ่งคน สูญเสียหลานสาวไปสองคนในหนึ่งปี ไม่ดี ไม่ดีเลย!”

เติ้งฟู่ไฉมองเถิงเจาโดยไม่รู้ตัว “ปกติท่านอาจารย์ของเจ้าก็ทำตัวลึกลับแบบนี้หรือ”

เถิงจ้าวหลับตาลง ไม่ นางเสแสร้ง!

แสร้งทำได้เหมือนมาก!

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท