คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 421 การแสดงอะไรอย่างนี้

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 421 การแสดงอะไรอย่างนี้

ไม่ว่าฉินหลิวซีจะพยายามทำตัวลึกลับจริงหรือไม่ก็ตาม การกระทำของนางก็ทำให้ท่านยายหยวนตกใจทันที

เพราะฉินหลิวซีเอ่ยได้ถูกต้อง

ท่านยายหยวนย่อมไม่สงสัยว่าเติ้งฟู่ไฉจะเผยเรื่องนี้ไปก่อนแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องแท้งเมื่อต้นปี แค่การคลอดก่อนกำหนดครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในเวลากลางคืน พวกเขาจึงไม่ได้ป่าวประกาศออกไป แม้เรื่องเด็กจมน้ำตายจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในหมู่บ้าน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าฟัง นางจึงไม่ได้ป่าวประกาศออกไป

เรื่องเด็กจมน้ำตาย นอกจากคนในบ้านนางแล้วก็ไม่มีใครรู้อีก เติ้งฟู่ไฉเองก็ไม่ทราบ

ดังนั้นท่านยายหยวนจึงเชื่อ

นางตกใจจนผงะถอยหลังไปสองก้าว พยายามทำเป็นสงบ “นักพรตท่านนี้พูดเหลวไหลอะไรกัน”

“ชะตาชีวิตของท่านควรจะมีบุตรชายสามบุตรหญิงสาม ยิ่งมีบุตรชายมาก็จะยิ่งมีบุญมาก แต่ท่านสูญเสียบุตรชายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ท่านอายุยังน้อย วัยกลางคนสูญเสียสามี จึงเหลือบุตรชายและบุตรสาวอย่างละคน” ฉินหลิวซีหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง “ตอนที่ท่านยังเยาว์วัยชอบเอาชนะมาก ทั้งยังปากร้ายใจร้าย ไม่รู้จักทำบุญ จึงทำลายบุญที่มี”

ท่านยายหยวนฟังจนตะลึงอึ้งงัน น้ำตาไหลออกมาอย่างน่าเวทนา แต่กลับไม่สนใจว่าฉินหลิวซีกำลังเสียดสีนางอยู่ เพียงคิดถึงเรื่องที่นางบอกว่ามีวิญญาณแค้นกำลังรังควาน เคราะห์กำลังใกล้เข้ามา ทำให้นางเลือดตกยางออก

“ท่านอาจารย์ วิญญาณร้ายที่ท่านว่าคืออะไร” ท่านยายหยวนถามอย่างสั่นเทา “ครอบครัวเราอยู่กันอย่างสงบ ไม่เคยได้ล่วงเกินใคร”

ติดกับแล้ว ดีมาก

ฉินหลิวซีเหมือนจะยิ้มก็ไม่เชิง “วิญญาณแค้นอะไร ท่านไม่รู้หรือ เป็นทารกหญิงคนหนึ่ง”

สีหน้าท่านยายหยวนเปลี่ยนไปทันควัน และเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันใด “เป็นเด็กล้างผลาญนั่นจริงๆ ด้วย ข้ารู้อยู่แล้วว่านางต้องไม่ไปไหน ดังนั้นหลี่ซื่อจึงไม่สามารถคลอดบุตรชายได้สินะ นางคงคับแค้นใจ อยากให้ตระกูลหยวนของเราไม่มีทายาทสืบทอดเช่นนั้นสิ”

สายตาฉินหลิวปรากฏแววเย้ยหยันและรังเกียจ แต่กลับปั้นหน้าตอบกลับ “ระวังคำพูดด้วย”

มือนางก็วาดตราประทับ ลมหยินก็พัดวนขึ้นมาจากพื้น ทำให้ท่านยายหยวนกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ และกระโดดเข้าไปหานาง

ฉินหลิวซีหลบเล็กน้อย “เดิมทีก็เป็นตระกูลหยวนของพวกท่านผิดต่อนางก่อน ท่านยังพูดจาเช่นนี้ออกมาได้ หรือคิดว่าวิญญาณแค้นยังแค้นไม่พอ อยากจะให้พวกท่านทั้งบ้านตายกันหมดถึงจะพอใจหรือ”

ท่านยายหยวนตัวแข็งทื่อไปทันที ริมฝีปากสั่นเทา “ข้า ข้าก็แค่ปากไวเท่านั้น”

นางยังมองไปรอบๆ ด้วยท่าทางระแวง กลืนน้ำลายอึกใหญ่ “ท่านอาจารย์ มันอยู่จริงๆ หรือ”

ปัง

กระเบื้องแผ่นหนึ่งหล่นลงมา แตกเป็นเสี่ยงๆ

ท่านยายหยวนกรีดร้องออกมาอีกครั้ง หลบอยู่หลังเติ้งฟู่ไฉ “อย่ามาหาข้า ข้าไม่เกี่ยวด้วยนะ”

เติ้งฟู่ไฉ “!”

ฉินหลิวซีทำท่าทางจริงจัง “แย่แล้ว ไอแค้นหนักหน่วงจริงๆ” นางจงใจมองไปที่กระเบื้องหลังคา เอ่ยดุๆ “เด็กเวร เจ้าล่วงลับกลับสวรรค์ไปแล้ว ยังไม่รีบจากไปอีก เตร็ดเตร่อยู่ในโลกมนุษย์จะมีประโยชน์อะไรกับเจ้า?”

มีลมหยินพัดผ่านมาอีก

เถิงเจาปราดตามองทักษะการใช้มือของอาจารย์ และแอบฝึกฝนอย่างเงียบๆ เสียงสะท้อนดังขึ้นในใจ

การแสดงอะไรอย่างนี้!

หากเติ้งฟู่ไฉไม่ทราบอะไรมาก่อน เขาก็คงถูกฉินหลิวซีหลอกไปแล้ว ในใจคิดว่าหากต่อไปตนเองได้พบนักต้มตุ๋นเช่นนี้อีกก็อย่าได้เชื่อเด็ดขาด ไม่แน่อาจจะเป็นการหลอกลวงก็ได้

อ้อ ยกเว้นของจริงที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้นะ!

ท่านยายหยวนกลับมองตามสายตาของฉินหลิวซีไป ตกใจตัวสั่นงันงก เพราะดูเหมือนนางจะเห็นเงาอยู่ข้างบนนั้น

สวรรค์ ฟ้ายังไม่ทันมืดก็ยังดุขนาดนี้เลยหรือ

ฉินหลิวซียังเป็นดาราเจ้าบทบาท “อะไรนะ เจ้ามีความแค้น ไม่ยอมไปหรือ เรื่องนั้น…”

นางหันไปมองท่านยายหยวนพลางถอนหายใจ “คือว่านางมีความแค้นในใจ ตบะบำเพ็ญของข้ายังตื้นเขินนัก เกรงว่าจะช่วยท่านไม่ได้ พวกท่านดูแลตัวเองดีๆ เถิด”

นางพูดจบก็เตรียมจะไป

ไหนเลยท่านยายหยวนจะปล่อยให้จากไป นี่มันปรมาจารย์สวรรค์ตัวจริงที่สามารถมองเห็นผีได้เชียวนะ!

“ไม่ๆ ท่านอาจารย์ ท่านจะไปไม่ได้ ท่านรีบจัดการนางสิ” ท่านยายหยวนทำท่าจะคุกเข่าลง “ข้าโขกศีรษะอ้อนวอนท่านแล้ว”

ฉินหลิวซีเอ่ย “ไม่ใช่ว่าข้าไม่จัดการ แต่เด็กคนนี้ตั้งใจแต่จะเกิดใหม่เป็นมนุษย์ พวกท่านกลับทำให้นางแท้งครั้งแล้วครั้งเล่าเพียงเพราะนางเป็นผู้หญิง หากเป็นท่าน ท่านจะไม่แค้นใจหรือ นางบอกว่า ขอแค่นางยังอยู่ ตระกูลหยวนของพวกท่านก็อย่าได้หวังว่าจะมีลูกชายได้”

ท่านยายหยวนหน้าซีด เอ่ยปากจะด่าออกมา แต่เมื่อมองเห็นดวงตาอันล้ำลึกยากคาดเดาของฉินหลิวซีแล้ว นางก็เอ่ย “เช่นนั้นแล้วนางต้องการอย่างไรถึงจะยอมจากไป”

“ย่อมต้องสวดส่งวิญญาณ พวกท่านให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง รวบรวมกระดูกของนางทำหลุมศพให้ดีๆ และทำที่เซ่นไหว้ขึ้นมา จุดธูปเทียนเผากระดาษเงินไปให้นางเป็นประจำ ดีกับมารดาและพี่น้องของนางสักหน่อย เมื่อไอแค้นนี้บรรเทาลงแล้ว นางย่อมจากไปเอง หากนางไปแล้ว ลูกชายก็จะมา” ฉินหลิวซีเอ่ยเรียบๆ

“ง่าย ง่ายอย่างนั้นเลยหรือ”

ฉินหลิวซียิ้ม “ง่ายหรือ ท่านยาย คำที่ว่าความจริงใจสัมผัสได้ถึงวิญญาณนั้น จริงใจหรือไม่ ท่านคิดว่าผีอย่างนาง จะสามารถสัมผัสได้หรือไม่”

ท่านยายหยวนกระอักกระอ่วนเล็กน้อย และหลบสายตาวูบพลางพึมพำ “ถ้าพวกข้าทำอย่างนั้น แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่านางจะไปหรือไม่”

ฉินหลิวซีเอ่ย “เคยเป็นคนครอบครัวเดียวกัน ถ้าท่านทำได้ นางเองก็คงไม่ถึงกับทำร้ายพวกท่านหรอกกระมัง นางมีความแค้น เพียงเพราะพวกท่านคิดว่านางเป็นผู้หญิง จึงไม่ต้องการนางเท่านั้น”

ท่านยายหยวนอับจนคำพูด

ฉินหลิวซีเอ่ย “ในห้องทำคลอดมีกลิ่นเลือดรุนแรง ไอชั่วร้ายที่นั่นก็ยิ่งเข้มข้นกว่า ต้องกำจัดไอชั่วร้าย ข้าจะเข้าไปดูหน่อย ท่านไปเตรียมกระดาษเงินและธูปเทียนมา”

ท่านยายหยวนรีบนำทางนาง พลางตะโกนเข้าไปข้างใน “สะใภ้รอง มีท่านปรมาจารย์มา”

แต่นางเองกลับไม่กล้าเข้าไป

ฉินหลิวซีไม่ได้สนใจนาง เมื่อเดินเข้าไปให้ห้องที่มืดสลัวนั้นก็ขมวดคิ้วทันที ห้องนี้ทั้งมืดทั้งชื้นและมีกลิ่นในอากาศที่ไม่อาจบรรยายได้ มันอับและอุดอู้มาก บนเตียงมีหญิงที่ผ่ายผอมผู้หนึ่งนอนอยู่ เมื่อเห็นมีคนเดินเข้ามา นางก็พยายามพยุงตัวเองขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบาก

“ท่านเป็นปรมาจารย์หรือ” สะใภ้รองตระกูลหยวนน้ำเสียงแหบแห้งราวกระดาษทราย

ฉินหลิวซีมองนาง คนที่อยู่ตรงหน้านางนี้มีทั้งจุดที่น่าสงสารและน่ารังเกียจ ท่านยายหยวนเป็นคนลงมือก็จริง แต่นางกลับเป็นคนยื่นมีดให้

ฉินหลิวซีถอนหายใจก่อนจะเอ่ย “ข้ามาเพื่อถามเรื่องวัดหนี่ว์วา”

สะใภ้รองตระกูลหยวนขดตัวทันที สีหน้านางเคร่งเครียด ขบริมฝีปากแน่นไม่ยอมเอ่ย

ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว “ตุ๊กตาดินเผาที่ท่านทิ้งไปมีวิญญาณทารกหญิงผนึกไว้ข้างใน เพราะท่านบูชามันทุกค่ำเช้า ท่านจึงตั้งครรภ์ได้บุตรสาวครั้งแล้วครั้งเล่า หากท่านยังตั้งครรภ์อีก และตุ๊กตาดินเผานี้ไม่ได้หายไปไหน นางก็จะยังกลับมาเกิดอยู่เช่นนั้น ท่านเข้าใจหรือไม่”

สะใภ้รองตระกูลหยวนเบิกตากว้าง “เป็นไปได้อย่างไร”

“ครั้งหนึ่งในเดือนหก ครั้งหนึ่งคลอดก่อนกำหนดและถูกจับกดน้ำตาย ล้วนเป็นเรื่องที่ลูกของท่านบอกข้า” ฉินหลิวซีตบน้ำเต้าหยกที่ห้อยอยู่ตรงเอว “ท่านอยากจะพบนางหรือไม่”

สะใภ้รองตระกูลหยวนมองตรงเอวของนางโดยสัญชาตญาณ แล้วขยับตัวถดเข้าไปด้านในของเตียง สีหน้าตกใจหวาดกลัว

“ข้าไม่รู้ว่าวัดหนี่ว์วาเอ่ยอย่างไร แต่ที่นั่นทำอย่างนั้น ก็แค่เป็นการยืมร่างของท่านตั้งครรภ์และแท้งทารกหญิง เพื่อให้นางเกิดความแค้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งท่านไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีกต่อไปจึงจะหยุด ท่านคิดว่า ท่านจะทนได้สักกี่ครั้งเล่า ตอนนี้ท่านก็นอนอยู่แต่บนเตียงไปไหนไม่ได้แล้ว” ฉินหลิวซีมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ข้าพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว หากท่านยังคิดที่จะปิดปังให้วัดหนี่ว์วาอีก ก็ถือเสียว่าข้าไม่เคยมาที่นี่ก็แล้วกัน”

ขณะที่นางหมุนกายจะจากไป สะใภ้รองก็เรียกขึ้นมา “เดี๋ยวก่อน”

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท