ตอนที่ 423 ใครก็ได้ช่วยโสมด้วย?
หลังจากออกจากบ้านรองของตระกูลหยวนแล้ว ฉินหลิวซีก็เงียบไป จนเติ้งฟู่ไฉรู้สึกกังวลเล็กน้อยด้วยกลัวว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ จึงดึงให้เถิงเจาแยกตัวออกมาเล็กน้อย
“นักพรตน้อย ท่านอาจารย์ของท่านเป็นอะไรไปหรือ”
เถิงเจาดึงแขนเสื้อกลับ เหลือบมองแผ่นหลังของฉินหลิวซี แล้วเอ่ยว่า “ไม่มีอะไรขอรับ”
เติ้งฟู่ไฉยิ้มเหยเก อาจารย์และลูกศิษย์คู่นี้แปลกจริงๆ คนหนึ่งพูดมาก ในขณะที่อีกคนหวงคำพูดราวกับทองคำ
ระหว่างทางกลับบ้าน เติ้งฟู่ไฉรวบรวมความกล้าเอ่ยถามว่า เหตุใดจึงต้องแสดงละครเช่นนั้น
ฉินหลิวซีเอ่ย “ผีทารกคนนี้เองก็เป็นวิญญาณที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม นางต้องกลับมาเกิดใหม่ซ้ำๆ ก็น่าอนาถมากพอแล้ว ที่ทำเช่นนั้นก็เพื่อบรรเทาไอแค้นของนาง ให้นางหลับใหลใต้ดินอย่างสงบ ต่อไปคนตระกูลหยวนก็จะเซ่นไหว้นาง เมื่อนางลงไปยังปรโลกแล้วก็จะได้ไปเกิดใหม่อย่างสงบ ส่วนสำหรับตระกูลหยวนแล้ว สิ่งที่พวกเขาทำทั้งหมดนั้นก็แค่เป็นการชดใช้หนี้กรรม และถือโอกาสทำให้พวกเขากลัวด้วย อนาคตจะได้ไม่กล้าเชื่อเรื่องให้ลูกง่ายๆ อีก”
ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยหรือยากจน การไม่มีลูกเป็นก็สิ่งที่ยอมรับไม่ได้ แต่การฆ่าเด็กเพียงเพราะเกิดมาเป็นเด็กผู้หญิงออกจะเป็นเรื่องโหดร้ายเกินไป
ฉินหลิวซีเองก็รู้ว่าในครอบครัวของชาวนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกลไร้ความเจริญ เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดามาก แต่เมื่อมาประสบพบเจอด้วยตัวเอง นางกลับรู้สึกราวมีก้อนหินถ่วงหนักอยู่ใจ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางรู้ว่าผีทารกต้องกลับมาเกิดในครรภ์มารดาคนเดิมหลายครั้งหรือไม่
หลังจากได้ยินที่ฉินหลิวซีเอ่ยแล้ว เติ้งฟู่ไฉก็ประสานมือขึ้นและกล่าวชมเชยว่า “ท่านอาจารย์คุณธรรมสูงส่งและมีจิตใจเมตตา”
ฉินหลิวซีลูบน้ำเต้าหยก “ช่างเรื่องตระกูลหยวนเถิด แต่ข้ายังต้องไปที่วัดหนี่ว์วาหน่อย พรุ่งนี้เมื่อเราศิษย์อาจารย์ไปแล้ว ก็จะกลับเมืองหลีผ่านทางอำเภอหลิงเลย”
“เช่นนั้นก็ให้ต้าอู่ของข้าไปส่งท่านอาจารย์” เติ้งฟู่ไฉรีบเอ่ยทันที
ฉินหลิวซียิ้มเล็กน้อย
เวลานั้น เติ้งเฉิงซื่อได้นำเติ้งสุ่ยหลานซึ่งได้สติฟื้นขึ้นมาโดยสมบูรณ์แล้วมาโขกศีรษะคำนับฉินหลิวซี
ทันทีที่เติ้งฟู่ไฉเห็นบุตรสาวสุดที่รักของเขา เขาก็เดินเข้าไปแล้วพานางไปตรงหน้าหลิวซี ให้นางโขกศีรษะด้วยตนเองพลางเอ่ย “ท่านอาจารย์ช่วยชีวิตเจ้าไว้ ลูกพ่อ เจ้าต้องโขกศีรษะขอบคุณท่านจึงเหมาะสม”
เด็กหญิงตัวน้อยๆ ยังคงดูซูบซีดเล็กน้อย แต่นางก็เรียบร้อยน่ารักมาก นางโขกศีรษะสามครั้ง มองฉินหลิวซีแล้วถามว่า “หนูน้อยละเจ้าคะ”
ฉินหลิวซีนิ่งงันไป ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นางไปอยู่ในที่ที่นางควรจะอยู่แล้ว”
เติ้งสุ่ยหลานตาแดงเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น “จะกลับมาอีกหรือไม่เจ้าคะ”
“อืม” ฉินหลิวซีเอ่ย “นางฝากข้ามาทักทายเจ้า และบอกว่าขอโทษเจ้า”
เติ้งสุ่ยหลานส่ายศีรษะ “ข้าไม่โทษนางหรอก หนูน้อยน่าสงสารมาก”
ฉินหลิวซีลูบศีรษะนางก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเป็นคนใจกว้างและใจดีมาก เป็นเด็กดีจริงๆ”
เติ้งสุ่ยหลานเขินอายเล็กน้อย จากนั้นนางจึงหันไปมองเถิงเจา พี่ชายคนนี้งดงามมาก งดงามกว่าเด็กหญิงตัวน้อยด้วยซ้ำ หน้าตาดีจริงๆ
เติ้งเฉิงซื่อสั่งให้สาวใช้พาบุตรสาวของนางออกไป และบอกว่าเตรียมอาหารและสุราไว้แล้ว จากนั้นเติ้งฟู่ไฉก็พาพวกเขาไปนั่งลงกินข้าวด้วยกัน
คืนนั้น
ฉินหลิวซีถามเถิงเจา “เรื่องวันนี้เจ้าคิดอย่างไรหรือ”
เถิงเจาเงียบไปสักพักแล้วจึงเอ่ย “ท่านอาจารย์ใจดี ยังอนุญาตให้พวกเขาเก็บกระดูกและฝังใหม่อีกครั้ง”
กระดูกที่ถูกฝังอย่างไม่ตั้งใจจะถูกละเลยและถูกลืมไปในที่สุด แต่การฝังใหม่อีกครั้ง สร้างหลุมศพตั้งป้ายขึ้นมา และมีการเซ่นไหว้ เมื่อผีทารกลงไปยังปรโลกก็จะได้รับเครื่องบูชาจากคนในครอบครัวของตน
ใช่ ต่อให้นางจะเกิดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในเมื่อนางเกิดมาแล้ว นางก็เป็นคนตระกูลหยวน แม้ร่างกายตายไปแล้วก็เป็นผีตระกูลหยวน หากมีการเซ่นไหว้ตามเทศกาลทุกปี นางก็จะดีกว่าผีเร่ร่อนมาก
ฉินหลิวซีเอ่ย “เราเข้าสู่เต๋า เราไม่ได้บำเพ็ญจนกลายเป็นคนบนสวรรค์ แต่เรายังอยู่ในโลกมนุษย์ เมื่อพบเห็นมนุษย์และเรื่องราวต่างๆ ก็ไม่อาจเพิกเฉยไม่สนใจได้ สำหรับคนบางคนที่พอช่วยได้ก็ช่วย ผีบางตัวก็เช่นเดียวกัน ตราบใดมันไม่ได้ชั่วร้ายเกินไปก็สามารถสวดส่งวิญญาณได้ เช่นเดียวกับผีทารกตนนี้ แม้ว่านางจะดูดซับพลังงานหยางของมนุษย์ แต่นางก็ไม่ได้ทำให้ใครตาย นั่นแปลว่ายังมีโอกาสให้กลับตัว บาปกรรมนี้จะเปิดเผยออกมาบนกระจกส่องกรรม ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางก็ไม่ใช่สิ่งที่นางปรารถนา ยังถือว่านางเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าจึงเต็มใจสวดส่งวิญญาณให้นาง”
เถิงเจาครุ่นคิด
“จะดีหรือชั่วก็ขึ้นอยู่กับเหตุและผลเช่นกัน เจ้าต้องแยกแยะให้ชัดเจน เรื่องดีบางเรื่องก็ไม่อาจนับว่าดีได้ อาจเป็นเพียงความดีจอมปลอม และความชั่วร้ายบางอย่างก็ไม่สามารถเรียกว่าชั่วได้ ขึ้นอยู่กับว่าเหตุใดถึงได้ชั่วร้าย” ฉินหลิวซีหันไปมองเถิงเจา “หากไม่รู้คำนิยามของคำว่าดีชั่ว ก็ลองถามหัวใจเต๋าของตนเองดู”
นางจิ้มหน้าอกเถิงเจา
เถิงเจาเอนตัวไปด้านหลังเพื่อหลบกรงเล็บของนาง
ฉินหลิวซีเดาะลิ้น ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าหมั่นไส้ “ข้าเลี้ยงดูเจ้ามานานขนาดนี้แล้ว เหตุใดจึงไม่มีเนื้อมีหนังขึ้นมาบ้างเลย กลับไปต้องฝึกฝนให้มากขึ้นทุกวัน ให้ฉีหวงทำอาหารสมุนไพรให้เจ้ากินทุกวัน แกนกลางของเจ้าไม่แข็งแรงพอ จะต้องบำรุงหน่อย ไม่รู้ว่าปีศาจโสมน้อยนั่นออกผลแล้วหรือไม่ หากยังไม่ออกผลอีก ข้าจะกินมันทั้งเป็นเสียเลย!”
ปีศาจโสมน้อยที่อยู่ห่างไกลออกไปในเมืองหลีกำลังยืดแขนขาอยู่ข้างอ่างและดูดซับแสงจันทร์ จู่ๆ มันก็รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจที่ลอยมาจากระยะไกล มันตกใจจนมือเท้าสั่น
โครม
มันตกลงมาจากข้างอ่าง และลูบผลเล็กๆ สีแดงบนหัวโดยสัญชาตญาณ
กว่าจะออกผลมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ เลย จะต้องไม่มีอะไรผิดพลาดแม้แต่น้อย ไม่เช่นนั้นจอมมารฉินจะต้องกำจัดมันแน่
“ไม่ใช่สิ มีอันตราย” ปีศาจโสมน้อยรู้สึกขนลุกขึ้นมา ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณอันตราย
มันอุทานออกมาและรีบไปที่สวนสมุนไพรโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม มันว่าตัวเองรวดเร็วแล้ว แต่เงาร่างสีแดงเพลิงนั้นกลับเร็วกว่า พุ่งทะยานเข้ามาราวกับสายฟ้า ทันใดนั้นก็กดรากเล็กๆ บนขาหลังของมันไว้
ปีศาจโสมน้อยแทรกตัวลงไปในดินได้แค่ครึ่งหนึ่ง แต่ครึ่งหลังกลับไม่สามารถขยับได้ มันจึงพยายามดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย
พอมันดิ้นรน ดินเหนือหัวของมันก็คลายตัวออก เผยให้เห็นหัวครึ่งหนึ่งและผลเล็กๆ สีแดงบนนั้น
มันมีสีแดงสดจนทำให้คนน้ำลายไหล
“โอ้ มันคือปีศาจโสมที่ออกผล แถมยังเป็นโสมพันปีด้วย ข้ากลับมาคราวนี้ กลับได้พบกับเรื่องดีๆ ถึงเพียงนี้เชียว” เงาร่างสีแดงยื่นกรงเล็บปีศาจของมันออกมา
ปีศาจโสมน้อยตะโกนออกมาด้วยความตกใจว่าแย่แล้ว ก่อนจะตัดรากเส้นนั้นของมันออกเอง แล้วหนีต่อไป
“หนีเหรอ ดูสิว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้ เชื่อฟังข้าเสียดีๆ ดีกว่า” เมื่อกรงเล็บของปีศาจกวาดออกไป ผลสีแดงๆ หลายลูกก็อยู่ในมือของมันทันที
ปีศาจโสมน้อยกรีดร้องเสียงดัง เมื่อหันกลับมาดู ก็เห็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหางสีแดงเพลิงกำลังจะหยิบผลสีแดงทั้งหมดยัดเข้าปากของมัน จึงอดกรีดร้องออกมาไม่ได้ “นั่นเป็นของที่จอมมารฉิน ไม่ใช่สิ เป็นของที่ปรมาจารย์ปู้ฉิวต้องการนะ เจ้ากล้าแย่งของของนาง นางจะตามล้างตามผลาญเจ้าไปถึงเก้าชาติเลย เจ้าเชื่อหรือไม่!”
ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางชะงักอุ้งเท้าของมันทันที และหันมามองปีศาจโสมน้อย ดวงตาจิ้งจอกแคบยาวของมันหรี่ลงครึ่งหนึ่ง
“เจ้ากินสิ เจ้ากินไปเลย ข้าจะบอกนางเองว่าเจ้าเป็นคนกินผลพวกนั้น” ปีศาจโสมน้อยยืดหน้าอกขึ้น
ปีศาจจิ้งจอกยิ้มเยาะ “ข้าก็จะกินเจ้าไปด้วยเลย เจ้าก็ฟ้องไม่ได้แล้ว ฮ่าๆ”
ปีศาจโสมน้อยหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว มันเอาเท้าขุดลงไปในดิน เอ่ยด้วยท่าทางใจดีสู้เสือ “เจ้ากล้าหรือ! ข้าเป็นโสมของนาง ถ้าเจ้ากินข้า เจ้าเองก็จะต้องตายไปด้วย!”
“เจ้าคือโสมของนางหรือ” จู่ๆ ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางก็ระเบิดโทสะขึ้นมา เข้ามาคว้าจับรากของมันด้วยกรงเล็บ น้ำเสียงเกรี้ยวกราด “เจ้าคือโสมของนาง ข้ายังไม่กล้าจะบอกว่าเป็นจิ้งจอกของนางเลยด้วยซ้ำ พูดมาสิ ข้าบอกให้พูด!”
ปีศาจโสมน้อยกรีดร้องพลางปกป้องตัวเอง ในขณะที่ขุดดินและตอบโต้กลับ อ๊ากก สุนัขจิ้งจอกจอมซนตัวนี้มาจากไหน เร็วเข้า ใครก็ได้ช่วยโสมด้วย