ตอนที่ 425 ปากร้ายปะทะปากร้าย
ลงไปนอนสิ ข้าจะทับท่านเอง!
พอฉินหลิวซีเอ่ยประโยคนี้ออกมา เติ้งต้าอู่ก็ตกใจแทบตกจากรถม้า
ท่านอาจารย์ท่านนี้โหดร้ายมาก!
ชายชรา (เฟิงซิว) เยาะ ไม่เจอกันนาน บรรพชนตัวน้อยพัฒนาฝีมือขึ้นอีกแล้ว!
“นัก นักพรตน้อยจิตใจโหดเหี้ยมจริงๆ ไม่สนใจชีวิตมนุษย์ ไม่กลัวห้าโทษสามวิบัติหรือ” เฟิงซิวยังเล่นละครต่อ
ฉินหลิวซีกางสองมืออก “ฟ้าผ่าลงมาเร็วสิ ผ่าข้าให้ตายไปเลย จะได้รีบไปเกิดใหม่!”
เฟิงซิว “…”
พอเถิด ท่านชนะแล้ว เวลาท่านปากร้ายขึ้นมา แม้แต่ตนเองก็สาปแช่งได้
ฉินหลิวซียิ้มให้เขาเล็กน้อย และเอ่ยอะไรบางอย่างโดยไม่มีเสียง จากนั้นนางก็ดีดนิ้วทันที ม้าก็พุ่งไปข้างหน้าราวกับตกใจอะไรบางอย่าง
เติ้งต้าอู่ตกใจมากจริงๆ ตอนนี้
ม้าคลั่งไปแล้ว
เฟิงซิวเองก็ตกใจ โซเซจากการพุ่งชนนั้น และตะโกนด่าออกมาทันที “โอ๊ะ ท่านจะฆ่าคน…เฮ้ย เดี๋ยวก่อน!”
ม้าควบไปข้างหน้าราวกับลูกธนูออกจากคันธนู โดยมีเฟิงซิวไล่ตามอย่างบ้าคลั่งอยู่ข้างหลัง เถิงเจาอดเปิดประตูด้านหลังไม่ได้
แล้วเขาก็เห็นชายชรากำลังวิ่งตามมาด้วยความเร็วที่เร็วกว่าฝีเท้าของม้าเหงื่อโลหิตที่เขาเคยเห็นมาเสียอีก ขณะที่เขาอยู่ห่างจากรถม้าสิบจั้ง[1] ชายชราก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นสีแดงเพลิง…
จิ้งจอกหรือ
รูม่านตาของเถิงเจาหดเล็กลง เมื่อเห็นจิ้งจอกสีแดงเพลิงพุ่งตัวเข้ามาในรถ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันควัน และขยับเข้าไปขวางฉินหลิวซีโดยสัญชาตญาณ
“ปีศาจชั่ว!”
ฉินหลิวซีรู้สึกปลาบปลื้มใจในตัวศิษย์รัก
เฟิงซิวกระโดดเข้ามาบนรถม้าได้แล้ว ก็ด่าไม่หยุด “ท่านมันไม่มีมโนธรรม จะชนก็ชน คิดจะชนข้าให้ตายให้ได้เลยหรือ”
“อ้าว ไม่เล่นละครแล้วหรือ” ฉินหลิวซีตบเถิงเจาเล็กน้อย แล้วมองจิ้งจอกแสนสวยด้วยใบหน้าเหมือนจะยิ้มก็ไม่เชิง
ภายใต้สายตาที่ระมัดระวังของเถิงเจา เฟิงซิวก็กลายร่างเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาและมีเสน่ห์อีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านจำได้อย่างไร การปลอมตัวของข้าเรียกได้ว่าไร้ที่ตินะ”
“กลิ่นอายยั่วยวนของท่านส่งกลิ่นได้ไกลถึงสิบลี้ ตอนที่ท่านแปลงร่าง ก็ควรเก็บงำกลิ่นอายยั่วยวนนั้นไว้หน่อย” ฉินหลิวซีเยาะเบาๆ
เฟิงซิวโกรธมาก “นั่นมันกลิ่นอายของบุรุษ”
เหอะๆ
เฟิงซิวมองนางอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้งก่อนจะเอ่ย “ปักปิ่นแล้ว กลายเป็นหญิงสาวเต็มตัวแล้ว ทำไมตรงที่ควรโตยังไม่โตเล่า?”
เถิงเจามองตามสายตาของเขาไป หยุดอยู่ที่หน้าอกแบนๆ ของฉินหลิวซี แล้วสีหน้าเขาก็มืดลงทันที
โอหัง ไร้ยางอาย ไอ้บ้าตัณหากลับมาจากไหน!
เขายังไม่ทันได้ขวางหน้าอาจารย์ ก็ได้ยินอาจารย์ตนเองตอบโต้ด้วยอาการเยาะหยัน “ข้าแบน ข้ายอมรับ แล้วลูกเจี๊ยบของท่านเล่าเติบโตเป็นไก่แล้วหรือ หัวเราะเยาะใครกัน!”
เถิงเจา “!”
เฟิงซิว “…”
เขาเอ่ยด้วยท่าทางเขินอาย “ท่าน ท่านยังเป็นสตรีอยู่หรือไม่ กล้าพูดออกมาได้!”
ฉินหลิวซีเหล่ตามอง “จะมาอายอะไรข้า ตอนนั้นท่านผ่านคราวเคราะห์ ถูกฟ้าผ่าจนเปลือยเปล่าล่อนจ้อนไปหมดราวกับไก่ที่ถูกจับถอนขน ใช่ว่าข้าไม่เคยเห็น ถ้าไม่ใช่เพราะข้าช่วยท่านไว้ ลูกเจี๊ยบของท่านก็คงถูกฟ้าผ่าจนท่านกลายเป็นขันทีไปแล้ว!”
เฟิงซิว นางมารร้าย!
อย่าไปลับฝีปากกับนาง ไม่อย่างนั้นจะตายเอง
เถิงเจาหลับตาทำเป็นไม่ได้ยิน นี่เป็นหัวข้อที่เด็กๆ สามารถฟังได้ด้วยหรือ
เฟิงซิวเหลือบตามองและเห็นเถิงเจา หลังจากมองประเมินสักพัก เขาก็ถาม “เด็กคนนี้ใครกัน”
“ศิษย์คนโตของข้า ชื่อเถิงเจา ชื่อทางเต๋าคือเสวียนอี” ฉินหลิวซีหันไปมองศิษย์ของนาง และแนะนำเฟิงซิว “นี่คือเฟิงซิว ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง เถ้าแก่ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะ คารวะเขาหน่อย ต่อไปอยากได้ยาอะไรก็บอกชื่อท่านอาเฟิงของเจ้าไป จดบัญชีไว้”
แม้ว่าเขาจะดูหมิ่นเฟิงซิว แต่เขาก็ต้องเชื่อฟังคำพูดของท่านอาจารย์ เถิงเจาคุกเข่าลงในรถม้าและคารวะเฟิงซิว “คารวะท่านอาเฟิง”
ฉินหลิวซีจึงยิ้มออกมาได้ “ผู้น้อยน่ะ คารวะกันแล้ว อย่างที่ข้าพูดเมื่อครู่นี้ ถือว่าเป็นของขวัญพบหน้าคงไม่มากเกินไปกระมัง”
“ท่านกำลังปล้นข้าอย่างเปิดเผย มีสมุนไพรไหนบ้างที่ข้าไม่ได้หามาอย่างยากลำบาก เวลาจะปรุงยายังต้องไปขอร้องอ้อนวอนท่านอีก” เฟิงซิวชี้ไปที่นาง “ตอนแรกท่านเป็นคนมาขอความร่วมมือเอง พอข้ารับปาก ท่านกลับต้องให้ข้าเร่ง ถึงจะปรุงยาให้ นี่มันไม่มีเหตุผลเลย”
เฟิงซิวกล่าวโทษแล้วก็เหลือบไปมองเถิงเจา เอ่ยด้วยท่าทางหมั่นไส้ “เด็กคนนี้ดูเหมือนพวกหัวโบราณ ท่านชอบอะไรในตัวเขา”
เถิงเจาขมวดคิ้ว
เฟิงซิวมองโหงวเฮ้งเขาอย่างจริงจัง “ลักษณะถูกต้องหมดเลย พอใช้ได้ เอาเถิด ต่อไปพี่ ไม่ใช่สิ อาจะปกป้องเจ้า”
ไม่อาจนับรุ่นเดียวกับเขาได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็ด้อยกว่าบรรพชนตัวน้อยนี้ไปอีกรุ่น เฮอะ เขานี่ฉลาดจริงๆ
ฉินหลิวซีถาม “อาการบาดเจ็บหายดีแล้วหรือ”
นิ้วที่หยาบกร้านเล็กน้อยของนางแตะชีพจรของเฟิงซิว
เฟิงซิวไม่ได้หลบ ดวงตาแคบยาวไม่จริงจังของเขาราวกับถูกบางสิ่งเผาไหม้ มันอบอุ่นและนุ่มนวลขึ้น แต่ปากกลับเอ่ยว่า “ข้าเป็นถึงปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ อาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยอย่างนั้น มีหรือจะไม่หายดี ยังหยิบเอาผลไม้หิมะนั่นมาให้ท่านด้วย”
เขาหยิบขวดออกมาจากเอวแล้วโยนไปให้
ฉินหลิวซีเห็นว่าชีพจรของเขาเป็นปกติจึงโล่งใจ ปากร้ายใส่เขาอีกครั้ง “ก็จริง ก่อหายนะมาเป็นพันปี คงไม่หายดีไม่ได้!”
ฉินหลิวซียิ้มเยาะพลางหยิบขวดผลไม้หิมะขึ้นมาแล้วเปิดออก กลิ่นหอมเย็นๆ โชยออกมาจากปากขวด สัมผัสหัวใจ จนทำให้จิตวิญญาณสั่นสะเทือน
เถิงเจาเองก็รู้สึกว่ากลิ่นหอมเย็นแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเขาทันที จนอดหันไปมองไม่ได้
ฉินหลิวซีเทผลไม้ออกมาผลหนึ่ง ก็เห็นว่ามันใสราวกับผลึกน้ำแข็ง กลมลื่นราวกับไข่มุก กลิ่นหอมเย็นอบอวลไปทั่วรถม้า
“ผลไม้หิมะพันปีก็มีแล้ว เรายังขาดมุกนาคาที่มีอายุมากกว่าร้อยปี แต่โลกมนุษย์สูญเสียพลังวิญญาณไปทุกปี แม้ว่าเราจะมีนาคา จะยังสามารถหลอมมุกนาคาออกมาได้หรือ” เฟิงซิวขมวดคิ้ว
ฉินหลิวซีเอ่ย “มีบันทึกไว้ในจารึกเหตุการณ์ทางน้ำและทะเลนานแล้วว่า เมื่อร้อยปีก่อน มีนาคาผ่านทัณฑ์อสุนีบาต มีชาวประมงบางคนช่วยนาคาไว้และได้ไข่มุกมา ก็บังเอิญเหมือนกัน ไม่นานมานี้ข้าได้ช่วยชีวิตคนคนหนึ่งไว้ ข้าจึงขอมุกนาคาเป็นของตอบแทน ให้เขาหามาให้ข้า”
เฟิงซิว “แม้ว่ามุกนาคาจะได้มาง่าย แล้วน้ำค้างวิญญาณของภูตหิมะที่หายากที่สุดเล่า? ข้าถามปีศาจที่มีภูมิปัญญาทุกตัวในเป่ยชวนแล้ว แต่ไม่มีใครเคยเห็นการกำเนิดของภูตหิมะเลย”
ภูตไม่ใช่ทั้งปีศาจ ผี หรือมารใดๆ มันเป็นเพียงร่างวิญญาณที่เกิดจากพลังวิญญาณแห่งสวรรค์และโลก พบเจอได้ยากนัก
ภายใต้โลกมนุษย์ที่ขาดพลังวิญญาณเช่นนี้ มันจะถือกำเนิดขึ้นมาได้หรือ
ฉินหลิวซียิ้ม “แม้แต่ปีศาจจิ้งจอกอายุพันปีอย่างท่านก็ได้รับพรและกลายร่างได้ ยังจะมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีก? ยังหาไม่พบก็แปลว่ายังไม่ถึงเวลา”
“แล้วถ้าเราหามันไม่เจอจริงๆ เล่า” เฟิงซิวถามกลับ
รอยยิ้มของฉินหลิวซีจางหายไป นางเม้มปากแล้วเอ่ย “ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็คือโชคชะตา”
เฟิงซิวถอนหายใจ คนที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพเกินไปก็กลายเป็นปัญหาได้เหมือนกัน
เขาเลิกพูดเรื่องที่หนักหน่วงนี้ “ท่านขอให้ข้านำผลึกน้ำแข็งกลับมาทำอะไรหรือ”
ฉินหลิวซีเอ่ย “มีคำสาปเลือดที่ต้องทำลาย ยุ่งยากเล็กน้อย อยากทำโลงน้ำแข็งเผื่อไว้ก่อน”
นางเล่าเรื่องของซือเหลิ่งเย่ว์ให้เขาฟังง่ายๆ
เฟิงซิวได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ย “คำสาปร้ายแรงเช่นนี้ หากท่านทำลายจริงๆ ก็เท่ากับการพลิกชะตากรรมของคนตระกูลนางทั้งหมด เมื่อถึงเวลานั้นก็ระวังอย่าให้ถูกฟ้าผ่าก็แล้วกัน!”
หากคำสาปร้ายแรงที่ว่าถูกนางเข้าแทรกแซงทำลายลง แล้วห้าโทษสามวิบัติไม่ได้ตามมาอย่างโหดร้ายที่สุด เขาจะเขียนชื่อกลับหัวเลย
[1] จั้ง 1 จั้ง ประมาณ 3.3333 เมตร