คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 429 ความลับของวัดหนี่ว์วา

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 429 ความลับของวัดหนี่ว์วา

พวกเขาเดินตามแม่ชีน้อยอ้อมรูปปั้นเจ้าแม่หนี่ว์วาในโถงใหญ่เข้าไป ผ่านธรณีประตูเล็กๆ ก็พบอีกโถงหนึ่งที่มองไม่เห็นจากห้องโถงใหญ่เลย

ทันทีที่เข้าไปในโถงด้านหลังนี้แล้ว ฉินหลิวซีก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายชั่วร้ายที่ไหลวนอยู่รอบตัว นางเงยหน้าขึ้นมองออกไป ตรงกลางของโถงด้านหลังนี้ มีรูปปั้นเจ้าแม่หนี่ว์วาสูงตระหง่านประดิษฐานอยู่ ซึ่งแตกต่างจากรูปปั้นเดี่ยวที่วางไว้ด้านนอก สองมือของรูปปั้นหนี่ว์วานี้อุ้มเด็กเอาไว้ หนึ่งชายหนึ่งหญิง ดวงตาหลุบมองต่ำ

ตรงเท้านางมีชั้นวางหลายชั้น บนนั้นวางตุ๊กตาดินเผาโง่ๆ อยู่หลายสิบตัว ตุ๊กตาดินเผาส่วนใหญ่แต้มดวงตาไว้ด้วยชาด

สำหรับคนภายนอก ตุ๊กตาดินเผาที่แต้มดวงตาไว้เหล่านี้ดูน่ารักและเหมือนจริง ดวงตาของพวกมันดูเหมือนจะสามารถพูดได้ เพื่อเชิญชวนให้คนก้าวเข้าไปหยิบมันกลับไปด้วย

แต่ในสายตาของฉินหลิวซี ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้ล้วนมีสีหน้าดุร้าย จับจ้องไปยังผู้คนที่เข้ามาในห้องโถง และทุกตัวที่ถูกแต้มดวงตาไว้ถูกปกคลุมไปด้วยไอแค้นชั้นหนึ่ง

ฉินหลิวซีหลับตาลงเล็กน้อย ราวกับได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนเกรี้ยวกราดด้วยความไม่พอใจของทารก และยังมีเสียงร้องขอความช่วยเหลือเบาๆ อีกด้วย

พวกมันปรารถนาที่จะจากไป ต้องการไปจากตุ๊กตาดินเผาตัวน้อยที่กักขังพวกเขาเอาไว้

ฉินหลิวซีลืมตาขึ้นและมองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกสั่นสะท้าน

นอกจากรูปปั้นหนี่ว์วาอุ้มเด็กแล้ว รอบด้านยังมีรูปปั้นผีร้ายที่มีใบหน้าดุร้ายและถืออาวุธวิเศษอีกสี่ตัว โดยทั้งหมดหันหน้าไปทางชั้นวาง

และเหนือรูปปั้นหนี่ว์วาก็มียันต์ห้อยอยู่ด้วย

ฉินหลิวซีหันมองรอบหนึ่ง นิ้วมือก็นับคำนวณไปด้วยอย่างช้าๆ เมื่อเห็นสิ่งของต่างๆ ก็เข้าใจขึ้นมา จึงเอ่ยกับเฟิงซิวว่า “เป็นค่ายอาคมกักวิญญาณสี่ทิศ”

เฟิงซิวเลิกคิ้ว “มิน่าเล่าของพวกนี้ถึงได้ไม่มีไอชั่วร้ายเล็ดลอดออกมาเลย”

ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้ผนึกวิญญาณทารกไว้ข้างใน และยังปราบด้วยค่ายอาคมอีก ไอแค้นนี้ย่อมไม่มีทางรั่วไหลออกไป และไม่มีทางดึงดูดความสนใจจากนักพรตสายธรรมะได้

“ผู้วิเศษสือเจินกำลังจัดการผีอยู่ที่ไหนหรือ” เฟิงซิวถามแม่ชีน้อย

แม่ชีน้อยเหลือบมองเขา แล้วก็หลุดปากออกมา “ผู้วิเศษอยู่ที่ห้อง…เอ่อ พรืด!”

เฟิงซิวสะดุ้งตกใจ และกระโดดไปด้านหลังหลบเลือดร้อนๆ ที่พ่นออกมา “อะไรกันนี่”

ฉินหลิวซีและเถิงเจาเองก็ตกใจเช่นกัน

ทั้งๆ ที่เมื่อครู่นี้แม่ชีน้อยยังดีๆ อยู่เลย จู่ๆ ดวงตานางก็เบิกกว้าง กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ใบหน้าบิดเบี้ยวดุร้าย จากนั้นก็ล้มลงกับพื้น สิ้นลมไปทันที

การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป

ฉินหลิวซีก้าวเข้าไปทันที กดนิ้วลงบนข้อมือของแม่ชีน้อยแล้วขมวดคิ้ว “ตายเพราะชีพจรแตกสลาย”

เฟิงซิว “ข้าไม่ได้ทำนะ!”

ฉินหลิวซีกลอกตาใส่เขาอย่างอารมณ์เสีย

“ท่านอาจารย์” เถิงเจาชี้ร่างแม่ชีน้อยด้วยความหวาดกลัว มีแมลงสีดำตัวเล็กๆ ออกมาจากจมูกของนาง มันหล่นแปะลงกับพื้น และไม่ขยับอีกเลย

เฟิงซิวรีบดึงฉินหลิวซีออกห่างทันที มองดูแมลงตัวน้อยอย่างระมัดระวังแล้วเอ่ยว่า “นี่คือแมลงกู่?”

ฉินหลิวซียืนขึ้น “แย่แล้ว สือเจินนั่นน่าจะฝังมันมันในร่างแม่ชีน้อย เมื่อครู่นี้ที่ท่านถาม นางเพิ่งจะพูดออกมาได้แค่ไม่กี่คำ น่าจะไปเผยความลับอะไรเข้า ถ้านางพูดออกมาก็จะระเบิดชีพจรหัวใจของนางจนตาย เพื่อรักษาความลับ”

เฟิงซิวหัวเราะออกมาเบาๆ “เจ้าเล่ห์นัก น่าสนุกดีนี่”

ฉินหลิวซีเอ่ย “แบ่งคนออกเป็นสองทาง ท่านออกไปที่สูงด้านนอก อย่าให้เขาหนีไปได้ เมื่อครู่นี้ฮูหยินผู้นั้นออกไปจากที่นี่ ทั้งยังผ่านการร่วมรักมา คงจะมีห้องลับอะไรอยู่แน่”

เฟิงซิวมองนางเอ่ยเรื่องอย่างว่าหน้าตาเฉยโดยไม่มีอาการเขินอาย ก็อดถอนหายใจไม่ได้ จิตใจบริสุทธิ์จริงๆ

“ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ ไปด้วยกันดีกว่า ส่วนด้านนอก ข้าจะให้ภาพมายาเฝ้าไว้” เฟิงซิวโบกมือ จิ้งจอกเก้าหางมายาตัวหนึ่งก็กระโดดออกมา

สิ่งที่เรียกว่าภาพมายานั้นก็เหมือนเงาร่างส่วนหนึ่งของเขาเอง เท่ากับหูตาของเขา

ไม่ช้าทั้งสองก็พบห้องลับ

ในห้องลับมีชายหนุ่มหน้าหวานเหมือนสตรีกำลังนั่งสมาธิอยู่ ผิวของเขาขาวซีด มือเรียวยาวเห็นกระดูกชัดเจน แต่ภายใต้แสงสว่างของไข่มุกราตรีในห้อง ก็จะเห็นเล็บของเขาเปล่งแสงเย็นเยียบราวอาบยาพิษไว้

ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น มองไปยังขวดโหลที่ระเบิดออก สีหน้าดำมืดลง นับนิ้วคำนวณอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขมวดคิ้ว

“มีคนใช้วิชาเสน่ห์กับฮุ่ยซินจริงๆ ด้วย น่าสนใจนี่”

คนตรงหน้าก็คือผู้วิเศษสือเจินที่พวกฉินหลิวซีกำลังตามหาอยู่ เขาเป็นบุรุษ

แต่เมื่อเห็นเขาลุกขึ้นจากเตียงหิน หยิบถ้วยสุราเลือดไม่ทราบชนิดมาดื่ม ริมฝีปากเปื้อนสีแดงจากเลือด สีหน้าเผยความพึงพอใจออกมา

จากนั้นเขาก็สวมชุดนักพรตหญิงสีขาว สวมกวานครอบมวยผมและหยิบแส้หางม้าขึ้นมา เขาก็กลายเป็นนักพรตหญิงที่บริสุทธิ์ราวกับเทพเซียนแล้ว

สือเจินเดินเข้าไปในห้องลับตรงหน้าขวดโหลที่เรียงราย ปัดแส้หางม้าผ่านไป ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา “ทุกอย่างพร้อมแล้ว แค่ต้องรอโอกาส ขาดเพียงสิ่งเดียวก็จะทำให้พวกเจ้ากลายเป็นอาวุธอาคมที่ร้ายกาจที่สุดของข้าได้แล้ว”

เมื่อธงเก้าหยินกลืนกินวิญญาณหลอมสำเร็จ ตบะของเขาก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีกขั้น ส่วนตุ๊กตาดินเผาที่ส่งออกไปแล้วจะมีอะไร หลอมธงหนึ่งได้ ก็หลอมเพิ่มอีกหนึ่งได้ เขายังสามารถเลือกผืนที่ร้ายกาจที่สุดมาหลอมธงหมื่นวิญญาณได้อีก

สือเจินยิ้มหัวเราะอย่างมีชัย

ขณะที่เขากำลังจะเดินออกไป ฝีเท้าก็หยุดชะงัก ประตูห้องลับเปิดออก เป็นไปได้อย่างไร

รอยยิ้มบนใบหน้าสือเจินแข็งค้าง เขาระมัดระวังตัวขึ้นมาทันที สายตาชั่วร้ายและโหดเหี้ยม ในเมื่อบุกเข้ามาถึงนี่ได้ เช่นนั้นก็อย่าได้คิดจะออกไปได้อีกเลย จะได้ถือโอกาสเก็บวิญญาณแค้นสำหรับธงหมื่นวิญญาณของเขา และลองพลังของกระดิ่งวิญญาณร้ายด้วย

พวกฉินหลิวซีบิดตุ๊กตาดินเผาตัวหนึ่งที่ไม่เด่น รูปปั้นหนี่วว์วาสูงตระหง่านก็ส่งเสียงกุกกัก มันเป็นเสียงของกลไกที่ขยับเคลื่อนไหว

จากนั้นพวกเขาก็เห็นรูปปั้นหนี่ว์วาค่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างหลัง เผยให้เห็นทางเดินเส้นทางหนึ่ง

ฉินหลิวซีและเฟิงซิวสบตากัน และให้เถิงเจาหลบออกไปก่อน จากนั้นพวกเขาจึงเดินเข้าไป

หลังจากที่เดินเข้าไปในทางเดินไม่ถึงชั่วเวลาสองลมหายใจ ก็พบว่ามีบันไดลงไป มีการจุดเทียนไว้ทั้งสองข้างทาง มีลมพัดมาด้านล่างผสมกับกลิ่นที่ไม่อาจบรรยายได้ เป็นกลิ่นเน่าเหม็นและน่าขยะแขยง

ฉินหลิวซีเกือบจะอาเจียนเอาปลาทั้งหมดที่กินเป็นอาหารกลางวันออกมา และรีบใช้ยันต์กำจัดสิ่งสกปรกอย่างรวดเร็ว

ขณะที่เดินลงบันได ฉินหลิวซีดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เมื่อมองไปทางด้านขวา ก็เห็นว่ามีกรงลับซึ่งขังเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่หมดสติหลายคนไว้ มีกลิ่นคาวบางอย่างลอยมาจากพวกนาง

พวกนางคือเด็กผู้หญิงที่ตระกูลหม่าส่งตัวมา

บาปกรรมจริงๆ

ทั้งสองเดินเข้าไปข้างใน และพบห้องมืดอีกห้องหนึ่ง ด้านในมีสระน้ำซึ่งส่งกลิ่นเหม็นร้ายกาจ

เฟิงซิวทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาใช้พลังปีศาจห่อหุ้มคนทั้งสองไว้เพื่อปิดกั้นกลิ่นอันไม่พึงประสงค์นั้น

สถานที่แห่งนี้แย่มาก

หลังจากเดินไปได้สักพัก ฉินหลิวซีก็หยุดเฟิงซิวไว้ และหรี่ตาลง

“มาแล้วหรือ”

เฟิงซิวส่งเสียงเยาะ ร่างของเขาเป็นเงาวูบแล้วพุ่งตรงไปข้างหน้า

น่ารำคาญ

รีบสังหารคนชั่วนั่นให้เร็วที่สุด แล้วหาน้ำพุร้อนแช่เพื่อกำจัดความอัปมงคล

ฉินหลิวซี “…”

นางตามเขาไปอย่างจนใจ

สือเจินใช้ยันต์พรางตัว คิดจะลอบโจมตีผู้มาเยือน

แต่เขาไม่เคยคิดว่า ก่อนที่จะได้เห็นตัว เห็นเงาสีแดงเพลิงพลันพุ่งเข้ามาหา เขาต้องการหลบโดยสัญชาตญาณ แต่เงาร่างนั้นก็เข้าโจมตีเขาแล้ว

นี่ เป็นไปได้อย่างไร

เขาใช้ยันต์แล้ว นี่มันอะไรกัน มองเห็นเขาได้ด้วยหรือ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท