คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 431 ชี้แนะ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 431 ชี้แนะ

สามวันต่อมา พวกฉินหลิวซีก็กลับถึงเมืองหลี ในสามวันนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ไปทั่วทั้งเมืองอำเภอหลิง แต่เพื่อที่จะทำลายตุ๊กตาดินเผาที่ออกไปจากวัดหนี่ว์วาทั้งหมด ขนหน้าแข้งพวกเขาก็ร่วงไปแล้วหลายเส้น

ตุ๊กตาดินเผาสิบกว่าตัวนั้นได้เข้าไปเกิดใหม่ในครรภ์มนุษย์แล้ว สำหรับบางคนที่ไม่เห็นทารกหญิงเป็นมนุษย์ ฉินหลิวซีก็ยังไปเข้าฝันส่งคำเตือน หากไม่ปฏิบัติให้ดีก็เท่ากับเป็นการทำบาป ส่วนอีกฝ่ายจะทำอย่างไร ก็ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของนางแล้ว

แต่บางครอบครัวที่จิตใจดี นางก็เพียงทำลายยันต์เท่านั้น เพราะคนเช่นนั้น ต่อให้คลอดทารกหญิงออกมาก็จะเลี้ยงดูต่อไป จะไม่มีการไปเกิดใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก

ส่วนที่ยังไม่ได้เข้าไปเกิดในครรภ์ ฉินหลิวซีก็เก็บกลับมาทั้งหมด เตรียมนำกลับไปสวดส่งวิญญาณ และเชิญยมทูตมารับตัวไป

ตัวสุดท้ายที่เมืองหลีก็บังเอิญอยู่ที่เขตชิ่งเล่อข้างๆ เขตฉังโซ่วพอดี

ฉินหลิวซีให้เติ้งต้าอู่ที่ติดตามมาหลายวันกลับไป และไม่ได้ให้เงินเขาเป็นการตอบแทน แต่ให้ยันต์แคล้วคลาดแก่เขาจำนวนหนึ่งแทน แล้วยังเขียนตำรับยาเพื่อบำรุงร่างกายให้เขาอีกสองแผ่น ล้วนแต่ช่วยให้ร่างกายเขาแข็งแรงอายุยืนยาวได้

เติ้งต้าอู่กลับบ้านอย่างมีความสุข

เขาติดตามฉินหลิวซีอยู่หลายวัน ถือว่าได้เปิดโลกแล้ว เขาได้รู้ว่าวัดหนี่ว์วาทำร้ายคน และพวกเขาก็ไปทำลายตุ๊กตาดินเผาพวกนั้น ระหว่างทางที่พบคนป่วยไข้ก็จะช่วยฝังเข็มสั่งยารักษา บางคนก็จะได้รับคำชี้แนะแปลกๆ ด้วย ส่วนค่าตอบแทนนั้นก็แล้วแต่จะให้ ใครให้อะไรมานางก็รับไว้

นักพรตหญิงผู้นี้จิตใจดีมาก ดูท่าว่าก่อนจะเข้าสู่ปีใหม่ เขาจะต้องมาอารามชิงผิงจุดธูปและอัญเชิญรูปปั้นกลับไปบูชาบ้างแล้ว จะต้องช่วยปกปักรักษาให้ครอบครัวเขาแคล้วคลาดปลอดภัยแน่

ฉินหลิวซีไม่รู้ว่าตนเองได้รับความศรัทธาจากคนทั้งบ้าน ขณะนี้นางกำลังยืนอยู่หน้าบ้านหลังที่มีตุ๊กตาดินเผาตัวสุดท้าย พอเห็นบ้านหลังนั้นแล้ว นางก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

เฟิงซิวขยับเข้ามาใกล้ “ดูมาตั้งหลายหลังแล้ว บ้านหลังนี้มีไอมงคลสีทองเข้มข้นที่สุด ดูท่าว่าวิญญาณทารกในตุ๊กตาดินเผาตัวนี้จะมีบุญอยู่บ้าง”

ฉินหลิวซีพยักหน้า

ไอมงคลสีทองหนาทึบเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าคนบ้านนี้มีบุญ หากมาเกิดที่นี่จะต้องไม่เหมือนกับวิญญาณทารกน่าสงสารที่ต้องกลับชาติมาเกิดใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าพวกนั้นแน่

“พวกท่านมาหาใครหรือ”

มีเสียงดังมาจากเบื้องหลัง

พวกฉินหลิวซีหันกลับไป ก็พบว่าเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีคนหนึ่งที่กำลังประคองฮูหยินน้อยในวัยไล่เลี่ยกันคนหนึ่งอยู่ หน้าท้องของฮูหยินน้อยผู้นั้นนูนขึ้นเล็กน้อย บ่งบอกว่านางตั้งครรภ์ได้สักระยะแล้ว

ฉินหลิวซีเปิดดวงตาสวรรค์ เมื่อมองไปก็เห็นได้ทันทีว่าเด็กในครรภ์ของนางเป็นชายหรือหญิง

“พวกเราแค่เดินผ่านมา เห็นว่าต้นทับทิมนี้เจริญเติบโตดีมาก ก็เลยอยากมองให้นานหน่อย” ฉินหลิวซีชี้ไปยังต้นทับทิมที่โผล่พ้นกำแพงออกมา

ฮูหยินน้อยและสามีเห็นว่าพวกเขาหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ บุคลิกก็สูงส่ง ไม่เหมือนคนชั่ว จึงสบตากันพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ต้นทับทิมบ้านเราออกผลมาหวานนัก เมื่อออกผล พวกท่านก็มาชิมได้”

“ตกลง” ฉินหลิวซียิ้มให้ “พวกเราอยู่ตรงถนนหงไป๋ตรอกโซ่วสี่ ไม่ไกลจากที่นี่ ถึงเวลานั้นแล้วจะต้องมาอย่างแน่นอน”

ฮูหยินน้อยนึกไม่ถึงว่าจะใกล้ถึงเพียงนี้ จึงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นเพื่อนบ้านกันนี่เอง พวกท่านมาได้เลย”

“ได้พบกันถือเป็นวาสนา ขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับท่านจวี่เหรินที่จะได้บุตรสาว เด็กคนนี้จะนำโชคมาให้ท่าน” ฉินหลิวซีส่งยันต์แคล้วคลาดไปให้เขา “ยันต์นี้มอบให้แก่ท่านจวี่เหริน ขอให้การสอบในเมืองหลวงของท่านราบรื่น”

ชายหนุ่มตะลึงงันไป จนกระทั่งถูกภรรยาสะกิดแขนเข้า เขาจึงรีบรับมันมา และกล่าวขอบคุณ

จากนั้นฉินหลิวซีกับพวกเถิงเจาก็จากไป

เถิงเจาถาม “ท่านอาจารย์ ไม่ต้องจัดการตุ๊กตาดินเผาของในบ้านพวกเขาหรือขอรับ”

“ทำลายไปแล้ว”

เฟิงซิวดีดหน้าผากเขา “ท่านอาจารย์เจ้ามีความสามารถมาก เรียนรู้จากนางหน่อย”

ส่วนสามีภรรยาคู่นั้นก็กลับเข้าบ้านไปด้วยความงุนงง ฮูหยินชราเห็นพวกเขาก็ถามทันที “กลับมาแล้วหรือ”

ชายหนุ่มพยักหน้า ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่ประตูบ้านเมื่อครู่นี้ออกไป

ฮูหยินชราตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตบมือยิ้มแย้มอย่างมีความสุข “ดูท่าว่าจะมีผู้วิเศษให้คำชี้แนะแล้ว พี่เหลียงจะมีข่าวดีในการสอบปีหน้าอย่างแน่นอน ได้ลูกสาวก่อนก็ไม่เลว ถึงอย่างไรก็เป็นลูกคนแรกของพวกเจ้า ออกดอกก่อนแล้วค่อยออกผล ก็เหมือนกับต้นทับทิมในบ้านเรา”

ฮูหยินน้อยได้ยินที่แม่สามีเอ่ยแล้วก็โล่งใจ “คนผู้นั้นยังบอกว่าเด็กคนนี้จะนำโชคมาให้พี่เหลียงด้วยเจ้าค่ะ”

“นางมาบ้านเราแล้วก็ถือว่าเป็นโชคทั้งนั้น” ฮูหยินชรายิ้ม “รีบเข้าไปเถิด อากาศเย็น”

ฮูหยินน้อยเข้าไปในห้อง และหันไปมองตุ๊กตาดินเผาที่วางบูชาบนโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงโดยสัญชาตญาณ พอเห็นเข้าก็ต้องตกตะลึง ทำไมตุ๊กตาดินเผาถึงได้ขะมุกขะมอมขนาดนั้น

นางก้าวเข้าไปหยิบมันขึ้นมา แล้วก็รู้สึกร้อนทันทีจึงปล่อยมือออก ตุ๊กตาดินเผาร่วงหล่นแตกกระจาย และบริเวณท้องของมันมีเถ้าสีดำละเอียดอยู่เล็กน้อย ราวกับเพิ่งถูกเผาไปไม่นาน

ฮูหยินน้อยใจเต้นกระตุก สองมือรีบแตะท้องตนเอง ราวกับว่ารู้สึกได้ถึงสัมผัส เด็กในครรภ์เตะนางทีหนึ่ง แล้วสีหน้าของนางก็อ่อนลง

เป็นเพราะเด็กมาแล้ว ตุ๊กตาดินเผาจึงล่าถอยออกไปหลังจากทำสำเร็จหรือ

ฮูหยินน้อยหยิบไม้กวาดกวาดตุ๊กตาดินเผาไปฝังไว้ใต้ต้นทับทิม

พอเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวเป็นต้นมา คนที่สัญจรไปมาบนถนนก็น้อยลง ตอนที่พวกฉินหลิวซีกลับมาถึงร้านเฟยฉางเต๋า ก็พบว่ามีขอทานหลายคนนั่งยองๆ อยู่ริมกำแพงร้าน จึงอดหันไปมองอีกครั้งก่อนเข้าร้านไม่ได้

แม้ว่าเขาจะสวมหมวกผ้าฝ้ายหนาและเสื้อบุนวมแล้ว แต่ขนตาและคิ้วของเถิงเจาก็ยังมีน้ำค้างแข็งเกาะ

เขามองอาจารย์ของเขาและเฟิงซิวด้วยความรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย เมื่อฝึกไปถึงระดับพวกเขาแล้ว ก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากความหนาวเย็นใดๆ เลย เสื้อผ้าของพวกเขาบางเบา แต่กลับไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด

ปีศาจเฒ่ายังถึงกับสวมผ้าโปร่งไว้ด้านนอกอีกชั้น ไม่ต้องพูดว่าตุ้งติ้ง…หรูหราแค่ไหน

“นายท่านกลับมาแล้ว” พอเฉินผีเห็นฉินหลิวซี ก็เดินเข้ามาต้อนรับทันที “ครั้งนี้ไปเสียนาน โอ้ เถ้าแก่เฟิงก็กลับมาแล้วหรือ”

เฟิงซิวเอ่ย “ข้ายังคิดว่าเฉินผีน้อยจะไม่เห็นข้าเสียอีก”

“จะเป็นไปได้อย่างไรขอรับ” เฉินผีเสริมอีกหนึ่งประโยคภายใต้สายตาพึงพอใจของเฟิงซิว “แค่ไม่ได้สังเกต”

เฟิงซิว “…”

ตัวเขาออกใหญ่ขนาดนี้ยังไม่เห็น ก็แปลว่าเทียบกับบรรพชนตัวน้อยในสายตาของเจ้าไม่ได้สินะ

ดูหมิ่นกันเกินไป!

วั่นเช่อเองก็ก้าวเข้าไปทักทาย เขาเหลือบมองเฟิงซิวซึ่งหล่อเหลาเกินมนุษย์มนาด้วยสายตาสงสัย ก่อนจะเห็นว่าขนตาของเถิงเจามีน้ำแข็งค้างเกาะเต็มไปหมด “ข้าจะไปยกน้ำขิงมาให้นักพรตน้อยสักชาม พี่เฉินผี ท่านยกชาสมุนไพรมาให้พวกเขาก่อนเถิด”

ฉินหลิวซีผลักเถิงเจาเข้าไป “ไปที่ห้องครัวด้านหลัง เอาน้ำร้อนล้างหน้าก่อน”

เมื่อเห็นเถิงเจาเข้าไป ฉินหลิวซีก็ถามเฉินผี “รู้จักเตรียมนำขิงไว้ด้วยหรือ”

เฉินผีจึงเอ่ย “หลายวันมานี้อากาศหนาวขึ้น ก่อนหน้านี้ก็มีคนล้มลงที่หน้าร้านเรา ท่านแม่ทัพเห็นเข้าก็ให้พวกเราเอาน้ำขิงให้ชามหนึ่ง และยังให้เงินไว้จำนวนหนึ่ง ให้พวกเราเตรียมไว้ตลอด เผื่อมีใครทนหนาวไม่ได้จะได้ทำบุญ ขอทานที่อยู่ใกล้ๆ บางคนได้ยินเข้าก็มากัน”

“มิน่าถึงได้มีขอทานไร้บ้านอยู่หน้าประตูมากขึ้น” ฉินหลิวซีเข้าใจทันที

เฉินผีกล่าวเสริม “ท่านแม่ทัพยอมออกเงิน ข้าก็เลยต้มชาสมุนไพรตามสูตรทั้งหมด เมื่อมีแขกเข้าร้านก็สามารถนำมาต้อนรับได้ ถ้าไม่มีแขก เราจะดื่มเองหรือให้คนข้างนอกดื่มก็ได้ ไม่ได้ใช้เงินมากมาย”

“ดี”

เฟิงซิวรับชาสมุนไพรอุ่นๆ ที่เฉินผีส่งมาให้ “ท่านแม่ทัพคนนี้ ยืมมือคนทำบุญเก่งจริงๆ”

ฉินหลิวซีเหล่มองเขา “เจ้าควรจะกลับไปร้านยาตำหนักอายุวัฒนะได้แล้วหรือไม่”

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท