บทที่ 559 ฟังทอล์คโชว์ตลกที่ห้องออกกำลังกาย
เฉินชางลองสรุปจากประสบการณ์ของตัวเอง!
ถ้าตัวเองออกไปกับรถฉุกเฉินเที่ยวหนึ่ง ขอเพียงรับตัวผู้ป่วยกลับมาได้สำเร็จ ก็จะได้รับค่าประสบการณ์ประจำวัน 1000 แต้ม ถ้ารับกลับมาได้แค่ร่างไร้วิญญาณ ก็จะได้รับค่าประสบการณ์ประจำวันแค่ 200 แต้ม
ดังนั้น ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ขอเพียงเฉินชางออกไปกับรถฉุกเฉิน เขาก็จะพาหวังเชียนออกไปด้วย
เขาสังเกตว่าขอเพียงพาหวังเชียนออกไปด้วย โอกาสที่จะรับตัวกับวิญญาณของผู้ป่วยมาพร้อมกันก็มีมากขึ้น ปฏิบัติตามแนวคิดการรับใช้ประชาชน เพิ่มอัตราสำเร็จในการกู้ชีพผู้ป่วย ทั้งยังได้เพิ่มค่าประสบการณ์ของตัวเองด้วย ตอนนี้หวังเชียนกลายเป็นสมบัติล้ำค่าของรถฉุกเฉินแล้ว!
ตอนแรกคนขับรถหยางยังดูถูกความคิดนี้!
แต่เขาก็เริ่มพบว่าเรื่องนี้แปลกประหลาดจริงๆ ด้วยเหตุนี้เขาถึงตั้งใจถ่ายรูปของหวังเชียนเอาไว้ แล้วเปลี่ยนภาพหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองเป็นภาพของหวังเชียน
สำหรับเรื่องนี้ หวังเชียนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี!
การมาเยือนของเดือนธันวาคมทำให้อากาศหนาวเย็นขึ้นหลายส่วน เสื้อผ้าที่ผู้คนสวมใส่ก็หนาขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
ช่วงนี้งานยุ่ง ทำให้เฉินชางไม่ค่อยมีเวลาไปโรงพยาบาลตงต้า วันนี้หวังเชียนเข้าเวร เฉินชางจึงเลิกงานเร็วแล้วไปที่โรงพยาบาลตงต้า
ตอนที่เพิ่งเดินผ่านประตู คุณตาที่เฝ้าประตูก็ยิ้มทักทาย “พ่อหนุ่ม ไม่ได้เห็นเธอมาที่นี่นานเลยนะ”
เฉินชางชะงักไปครู่เดียว แล้วก็ยิ้มให้ทันที “ครับ ช่วงนี้งานยุ่ง”
ตอนที่เฉินชางเดินผ่านแผนกฉุกเฉิน ก็เห็นรถฉุกเฉินมาจอดอยู่ตรงประตู อู๋เผิง หมอของแผนกฉุกเฉินกำลังนำทีมหมอกู้ชีพผู้ป่วยอย่างเร่งรีบ
ด้วยความที่อยากรู้อยากเห็น เฉินชางกำลังจะเดินเข้าไปดู แต่ตอนที่เพิ่งจะก้าวออกไป เขาก็หดเท้ากลับเข้ามาอีก…
การปรากฏตัวของฉันคงจะไม่ทำให้อาการของผู้ป่วยร้ายแรงขึ้นใช่ไหม
พอนึกถึงตรงนี้ เฉินชางก็อดส่ายหน้าไม่ได้ มันจะเป็นไปได้ยังไง!
ตัวเองเป็นผู้สืบทอดรุ่นใหม่ของลัทธิสังคมนิยม จะไปเชื่อสิ่งที่อาจจะไม่มีอยู่จริงแบบนี้ได้ยังไง!
พอคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็ตัดสินใจเดินเข้าไปดูว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือเปล่า
ตอนที่เพิ่งเดินเข้าไป อู๋เผิงก็ทักทายเขา “เฉินชาง?”
เฉินชางพยักหน้า “กำลังยุ่งอยู่เหรอครับ”
อู๋เผิงพยักหน้า แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
เฉินชางเองก็ไม่อยากรบกวน หันตัวเตรียมจะเดินออกไปอยู่แล้ว
ตอนนี้เอง มีเสียงที่ชัดใสดังขึ้น “คุณคือ..เฉินชาง หมอเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองใช่ไหมครับ”
เฉินชางหันตัวไป เห็นชายหนุ่มอายุยังน้อยที่สวมเครื่องแบบของศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินยืนอยู่ตรงประตู
เฉินชางพยักหน้า “ใช่ครับ คุณคือ…”
พอหนุ่มน้อยได้ยินแบบนั้น ก็กล่าวอย่างตื่นเต้นทันที “ผมเป็นหมอของศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินครับ ชื่อหลูปิน…
…หมอเฉิน ผมเคยได้ยินเรื่องคุณมาก่อน ตอนนี้เขารู้กันทั้งโรงพยาบาลแล้วว่าถ้าเจอเคสเลือดออกที่หัวใจ แค่ไปหาคุณก็ไม่มีปัญหาแล้ว!”
เฉินชางได้ยินแล้วยิ้มเขินๆ พูดแบบนี้ฟังดูเกินจริงไปหน่อย
แต่…ได้ยินแล้วก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆ
“เกรงใจแล้วครับ ไม่ได้ขนาดนั้นหรอก” เฉินชางยิ้ม
หลูปินส่ายหน้า แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “จริงครับ นี่ผมไม่ได้พูดเองนะ ตอนที่พวกเราประชุม หัวหน้าแผนกเหอบอกเองเลย เวลาแบ่งตารางงานหรือมีงานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่ต้องกู้ชีพฉุกเฉิน ถ้าเจอกับเคสที่อันตรายมาก ถ้าไม่ส่งไปหาผู้อำนวยการฉินที่โรงพยาบาลหัวใจและหลอดเลือด ก็ต้องส่งไปให้เฉินชางที่โรงพยาบาลอันดับสอง”
เฉินชางได้ยินแล้วรู้สึกกลัวมากจริงๆ!
ผู้อำนวยการฉินที่อีกฝ่ายพูดถึงก็คือฉินเยว่หมิง เป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลหัวใจและหลอดเลือด มีพื้นเพมาจากแผนกฉุกเฉิน เชี่ยวชาญงานของแผนกศัลยกรรมหัวใจที่สุด เขากับหวังเซี่ยงจวินแห่งโรงพยาบาลตงต้า จางเผยอี้แห่งโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล หลี่เป่าซานแห่งโรงพยาบาลอันดับสอง สี่คนนี้ถือเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลในขอบข่ายงานกู้ชีพฉุกเฉินของเมืองอันหยาง
แต่ระดับของฉินเยว่หมิงก็สูงกว่านิดหน่อย ถึงอย่างไรก็เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจและหลอดเลือด
พอเฉินชางได้ยินว่าชื่อเสียงของตัวเองเทียบเท่ากับฉินเยว่หมิง ก็หมายความว่าตัวเองกลับไปบอกกับหัวหน้าแผนกหลี่เป่าซานได้แล้วสิว่า ตอนนี้ผมถึงแรงค์ไดมอนด์แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าคุณยังรั้งผมไว้ในแรงค์ซิลเวอร์!
ช่างเถอะ ควรจะคำนึงอารมณ์ความรู้สึกของคนแก่สักหน่อย!
“อ้อ ใช่ หมอหลู ผู้ป่วยที่เพิ่งถูกส่งตัวมาเมื่อกี้เป็นอะไรครับ”
หลูปินยิ้มบางๆ “เรียกผมว่าเสี่ยวหลูก็พอแล้วครับ ผู้ป่วยคนนี้จะว่าไปแล้วก็ตลกดี!”
เฉินชางงง “อ้อ ยังไงครับ”
หลูปินอธิบาย “ผู้ป่วยคนนี้ พวกเรานำตัวมาจากห้องออกกำลังกาย เขาถูกดัมเบลทับที่หน้าอก ได้รับบาดเจ็บรุนแรงมาก นอนไม่กระดิกตัวอยู่บนพื้นตั้งครึ่งวัน พนักงานในห้องออกกำลังกายก็เลยโทรเรียกรถฉุกเฉิน”
เฉินชางได้ยินแล้วอึ้งนิดหน่อย
ห้องออกกำลังกายได้ร่วมงานกับแผนกฉุกเฉินบ่อยมากจริงๆ มีคนบางกลุ่มที่ไม่ใช่แค่ทำบัตรเข้าห้องออกกำลังกายเท่านั้น บางครั้งต้องมาเช็คอินที่โรงพยาบาลด้วย ได้ยินบ่อยๆ ว่ามีคนที่ได้รับบาดเจ็บตอนออกกำลังกาย
“รายละเอียดเป็นยังไงกันแน่ครับ” เฉินชางถาม
หลูปินยิ้ม “เล่าแล้วก็ตลกมากเหมือนกันครับ คนอื่นใส่หูฟังฟังเพลงตอนออกกำลังกาย แต่คุณรู้ไหมว่าผู้ป่วยคนนี้ฟังอะไร”
“ฟังบทกวีระบายความรู้สึก? ฟังเรื่องเศร้า?” เฉินชางถาม
หลูปินถอนหายใจ “ถ้าเขาฟังเพลงอย่างเดียวคงไม่เป็นถึงขั้นนี้หรอกครับ แต่ในหูฟังของเขากำลังเปิดทอล์คโชว์ตลกของกัวเต๋อกัง!…
…ฟังไปฟังมา อยู่ดีๆ ก็หัวเราะจนเจ็บหน้าอก ก็เลยหมดแรงทันที ดัมเบลที่ถืออยู่ในมือก็ถือไม่ไหวแล้ว มันถึงได้ร่วงลงมาทับหน้าอกไงครับ ทำเอาคนที่อยู่รอบข้างตกใจแทบแย่!”
เฉินชางได้ยินกลั้นขำไม่อยู่
ตอนออกกำลังกายคุณจะฟังอะไรก็ไม่ฟัง ดันไปฟังทอล์คโชว์ตลกของกัวเต๋อกัง ถ้าคุณฟังนิยายเรื่อง ‘เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ’ ก็คงไม่เป็นถึงขั้นนี้หรอก
การที่คุณทำแบบนี้ ไม่ใช่กำลังหาความบันเทิงให้ตัวเองแล้ว เป็นการสร้างเรื่องบันเทิงให้คนอื่นหัวเราะต่างหาก!
แต่การที่ดัมเบลตกใส่แบบนี้ก็อันตรายมาก ทำให้เกิดการบาดเจ็บภายนอกที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะตรงหน้าอกบริเวณหัวใจซึ่งป็นแหล่งรวมของเส้นเลือดใหญ่มากมาย
“แต่ผมว่าอาการของเขาคนนี้ก็ไม่หนักนะครับ อยู่ใกล้กับที่นี่ก็เลยถูกส่งตัวมา” หลูปินหัวเราะ “หมอเฉิน ผมแอดวีแชทคุณได้ไหมครับ”
เฉินชางพยักหน้า “ได้อยู่แล้วครับ! จะได้คุยกันบ่อยๆ”
หลูปินพยักหน้า “ฮ่าๆ หมอเฉิน คุณคือไอดอลของผมเลย! ที่ผมคิดไว้ก็คือทำงานที่ศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินไม่กี่ปี แล้วก็ไปทำงานที่โรงพยาบาลต่อ”
“คุณเพิ่งเรียนจบเหรอครับ” เฉินชางแปลกใจ
หลูปินพยักหน้า “เพิ่งเรียนจบปีที่แล้วครับ ฝึกทักษะทางคลินิกที่มหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งมณฑลตงหยาง แล้วศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินประกาศรับคนพอดี แต่ผมอยากเป็นหมอของแผนกศัลยกรรมทั่วไปมากกว่า”
พอพูดจบ เขาก็ไปเซ็นชื่อกับเพื่อนร่วมงานที่เคาท์เตอร์พยาบาล แล้วก็รีบออกไป
ตอนที่เฉินชางกับเขากำลังคุยกันอยู่ข้างนอก ผู้ป่วยก็เอกซเรย์หน้าอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ทางทีมแพทย์เชิญไป่เจี้ยนหมิง รองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจก็มาแล้วเช่นกัน
ไป่เจี้ยนหมิงเองก็เป็นแพทย์เจ้าของไข้ระดับซีเนียร์มาหลายปี พอโรงพยาบาลมีชื่อเสียงขึ้นมาแล้ว เขาถึงได้เลื่อนขั้นเป็นรองหัวหน้าแผนกได้อย่างราบรื่น
อู๋เผิงยื่นภาพผลตรวจให้ไป่เจี้ยนหมิง “หัวหน้าแผนกไป่ คุณดูหน่อยครับว่ามีปัญหาอะไรไหม ต้องตรวจอะไรอีกไหม”
ไป่เจี้ยนหมิงรับผลตรวจมา อ่านอย่างละเอียดแล้วบอกว่า “ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ มองไม่เห็นความผิดปกติอะไรเลย น่าจะไม่บาดเจ็บถึงเส้นเลือดใหญ่กับหัวใจ…
…แต่…ก็ยังต้องตรวจติดตามอาการอีก จะประมาทไม่ได้ หรือจะเอาอย่างนี้ไหม ย้ายเข้าไปที่แผนกหัวใจ ผมจะให้หมอจางรับไว้ พยายามตรวจอย่างอื่นที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด”
——————————————