ตอนที่ 320 เซี่ยเหลยพบเซี่ยหลาน
ตอนที่ 320 เซี่ยเหลยพบเซี่ยหลาน
เย่ไป๋ทำหน้าตาแปลก ๆ เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่
ไปรับมา?
ถึงอย่างนั้น พอลองคิดตามคำพูดให้รอบคอบแล้วมันก็เป็นเรื่องจริง
“เธอเป็นพี่สาวของคุณเหรอ?” เมื่อเทียบกับคำพูดที่เซี่ยไห่ใช้แล้ว เย่ไป๋รู้สึกประหลาดใจกับความสัมพันธ์ของพวกเขามากกว่า
ที่แท้เธอก็เป็นพี่สาวของเซี่ยไห่เองเหรอ?
เซี่ยไห่ตอบว่า “ใช่ พี่สาวฉันมีคนเดียว”
“เธอคือราชินีภาพยนตร์เซี่ยอวี่เหรอ?” เย่ไป๋นึกอะไรบางอย่างออก และหันมองเซี่ยไห่ด้วยความไม่เชื่อ
เขาจำได้ว่าเฉินเจียเหอเคยเล่าให้ฟังว่าพี่สาวของเซี่ยไห่เป็นถึงราชินีภาพยนตร์เซี่ยอวี่
เธอเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในฮ่องกง
ภาพยนตร์แนวกำลังภายในที่เขาเคยเห็นผ่านตาก่อนหน้านี้ก็นำแสดงโดยเซี่ยอวี่ด้วยเช่นกัน
“นายเพิ่งรู้จักเธอเหรอเนี่ย?”
น้ำเสียงของเซี่ยไห่ดูขบขันยินดีมาก “ฮ่าฮ่า พี่สาวฉันคิดว่าตัวเองน่าจะโด่งดังประมาณหนึ่งในไห่เฉิง ใครจะไปคิดว่าไม่มีใครจำเธอได้เลย”
เย่ไป๋ปรับแว่นตาของเขา รู้สึกเหลือเชื่อมาก
ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะได้เจอกับราชินีภาพยนตร์โดยบังเอิญ
ดาราสาวสอนบทเรียนให้เขายังไม่พอ ยังสวมเสื้อคลุมของเขา และซ้อนมอเตอร์ไซค์ของเขาด้วยซ้ำ
ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
เย่ไป๋เดินไปยังสนามหญ้าในตัวคลินิกของหมอแผนจีนเย่ เห็นเฉินเจียเหอ หลินเซี่ย และคนอื่น ๆ จึงเข้าไปทักทายพวกเขา
หลินเซี่ยได้ยินจากเย่ไป๋ว่าเสิ่นอวี้หลงกำลังจะเดินทางมาหาหมอแผนจีนเย่เพื่อรับการรักษาในวันนี้ จึงรีบถามเย่ไป๋ว่า “หมอเย่คะ คุณลุงหมอเย่ประเมินอาการเบื้องต้นไว้ยังไงบ้าง? เขาพอจะรักษาอาการของอวี้หลงได้ไหม?”
เย่ไป๋ตอบกลับ “ในเมื่อคุณหมอเย่เต็มใจที่จะรักษาเขา อาการป่วยของเขาก็พอจะมีความหวังขึ้นมาบ้างอยู่ครับ”
พอได้ยินเย่ไป๋พูดแบบนี้ หลินเซี่ยก็รู้สึกสบายใจในที่สุด
บางทีในชาตินี้ การที่หมอแผนจีนเย่กลับมาที่ไห่เฉิง อาจเปลี่ยนชะตากรรมของพวกเขาไปได้อย่างสิ้นเชิง
เสิ่นอวี้หลงหลับใหลเป็นเจ้าชายนิทราโดยไม่ตื่นขึ้นมาอีกในชาติที่แล้ว ส่วนเฉินเจียวั่งก็ฆ่าตัวตาย
นอกจากนี้ยังมีเซี่ยเหลยที่สูญเสียความทรงจำเพิ่มมาในสารบบ
ตอนนี้ทุกคนต่างก็ฝากความคาดหวังไว้กับหมอแผนจีนเย่
แน่นอนว่าหมอแผนจีนเย่ช่วยชีวิตพวกเขาได้มากกว่าสามคน
ช่วยให้ทั้งสามครอบครัวกลับมามีความสุขอีกครั้ง
เซี่ยอวี่บ่นด้วยความโกรธว่า ทั้งเสิ่นเถี่ยจวินและเสิ่นอวี้อิ๋งต่างก็อยู่ในโรงพยาบาล เธอไม่อยากเจอหน้าเสิ่นเถี่ยจวิน ดังนั้นจึงมาที่นี่ล่วงหน้า
หลังจากได้ยินคำบอกเล่าของเธอ
หลินเซี่ยทำหน้าแปลกไปนิดหนึ่ง นั่นหมายความว่าหลังจากเซี่ยเหลยเสร็จสิ้นการรักษา เซี่ยหลานและเสิ่นเถี่ยจวินจะต้องเจอเขาแน่เมื่อพวกเขามาถึง
ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเรียกได้ว่าซับซ้อนและกระอักกระอ่วนมาก
เย่ไป๋ทักทายนางเซี่ย จากนั้นถอดเสื้อกันลมออก พับแขนเสื้อขึ้นแล้วเริ่มทำงาน
เฉินเจียเหอถามเขาว่า “เหล่าเย่ อยากให้ฉันช่วยอะไรไหม?”
เย่ไป๋ตะโกนตอบมาจากห้องทางฝั่งทิศเหนือ “ถ้านายอยากช่วย งั้นเข้ามาช่วยย้ายเตียงหน่อย”
“อืม”
เฉินเจียเหอวิ่งไปช่วยเย่ไป๋
เซี่ยอวี่ถามหลินเซี่ยด้วยความสงสัย “พวกเธอรู้จักเขาด้วยเหรอ?”
“รู้จักสิคะ หมอเย่เป็นเพื่อนสนิทของเฉินเจียเหอ พวกเขาเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาก่อน แล้วเขาก็มีศักดิ์เป็นหลานของหมอแผนจีนเย่อีกด้วย”
หลินเซี่ยยิ้มและถามกลับ “อาล่ะคะ รู้จักเขาด้วยเหรอ?”
เซี่ยไห่พูดเสริมจากด้านข้าง “เมื่อกี้อาเธอก็ซ้อนมอเตอร์ไซค์ของหมอเย่มาที่นี่ยังไงล่ะ”
“พี่ ว่าแต่ทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะ? ไปยืมเสื้อผ้าของใครมา น่าเกลียดพิลึก ไม่ใช่สไตล์ของเธอเลยนะ แล้วเสื้อผ้าชุดเดิมของเธอไปไหน?” เซี่ยไห่มองดูเธอแล้วถามซุบซิบ
เดิมที เซียอวี่ต้องการบ่นให้คนในครอบครัวฟังเกี่ยวกับการเจอชายหนุ่มไร้จรรยาบรรณที่บังเอิญเจอบนท้องถนน แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นเพื่อนสนิทของเฉินเจียเหอ เขายังเป็นหลานชายของหมอแผนจีนเย่อีกด้วย สถานะของเขานับว่ามีพลังไม่น้อย
พี่ใหญ่ของเธอจะต้องแวะเวียนมาที่นี่บ่อย ๆ เพื่อรับการรักษา เป็นไปได้เธอก็ไม่อยากทำให้เขาขุ่นเคืองใจ
เธอละเว้นสองพันคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมด สรุปอย่างกระชับว่า “มันเปื้อนน่ะ”
เธอมองไปยังห้องรักษาแบบปิดของหมอแผนจีนเย่ จากนั้นพูดด้วยความกังวลใจ
“รถโรงพยาบาลจะพาตัวลูกชายของหลานหลานมาในอีกไม่นานนี้แล้ว เสิ่นเถี่ยจวินกับเสิ่นอวี้อิ๋งก็คงจะตามมาด้วย เขาจะรักษาพี่ใหญ่เสร็จเมื่อไหร่? พวกเรากลับกันเร็วหน่อยดีกว่า ขืนเจอกับเสิ่นเถี่ยจวินเข้าจะอึดอัดใจกันซะเปล่า ๆ ถ้าหลานหลานมาเห็นพี่ใหญ่เอาตอนนี้ สภาพจิตใจของเธอคงได้รับผลกระทบเหมือนกัน”
บางทีชายผู้ชั่วร้ายอย่างเสิ่นเถี่ยจวินคนนั้น อาจจะปรี่เข้ามาหาเรื่องพี่ใหญ่ของเธอก็ได้
พอพูดถึงเสิ่นเถี่ยจวิน ใบหน้าของเซี่ยไห่ก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด “พี่เซี่ยหลานกับเสิ่นเถี่ยจวินยังไม่หย่ากันอีกเหรอ? พวกเขามัวรออะไรอยู่?”
“เธอน่ะอยากหย่าใจจะขาด แต่เสิ่นเถี่ยจวินไม่ยอมซะอย่างเธอจะไปทำอะไรได้? ถึงยังไงเด็กคนนั้นก็เป็นลูกชายของเสิ่นเถี่ยจวินเหมือนกัน สำหรับเรื่องใหญ่อย่างการย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอื่น เขาต้องมากับเธอแน่”
“เซี่ยเซี่ย ฉันจะบอกอะไรให้ฟัง วันนี้ฉันได้เจอหน้าเด็กเสิ่นอวี้อิ๋งนั่นเป็นครั้งแรก ถึงหล่อนจะเป็นลูกสาวของเพื่อนฉัน แต่ฉันกลับไม่รู้สึกประทับใจในตัวหล่อนเลยสักนิด สีหน้าท่าทางของหล่อนดูปลอมไปหมด”
เมื่อได้ยินชื่อของเสิ่นอวี้อิ๋ง หลินเซี่ยก็ตะคอกอย่างเย็นชา “หล่อนก็แค่จอมลวงโลกอีกคน”
คนอย่างหล่อนยังกล้าเสนอหน้ามาเจอหมอแผนจีนเย่อีกเหรอ?
หมอแผนจีนเย่เป็นคนที่เคยช่วยชีวิตเธอตอนเด็กไว้
แต่หลังจากนั้นเธอกลับใส่ร้ายทำลายชื่อเสียงของหลินต้าฝู อ้างว่าเขาทารุณกรรมเธอสารพัด
บางทีเธออาจไม่รู้ว่าหมอแผนจีนเย่ได้หักล้างข่าวลือนี้เป็นการส่วนตัวต่อหน้าผู้เฒ่าเฉินไปแล้ว
นอกจากนี้ก็เป็นหมอเย่อีกนั่นแหละที่เกลี้ยกล่อมให้หลิวกุ้ยอิงยอมเปิดเผยประสบการณ์ชีวิตของตัวเอง
หลังจากทำการฝังเข็มบนศีรษะของเซี่ยเหลย หมอเย่บอกว่าจะทำการรมยาที่ขาของเขาด้วย เพื่อที่เขาจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดเมื่อเผชิญกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
ไม่เคยมีผู้ป่วยรายไหนใช้เวลาในการรักษาที่ยาวนานขนาดนี้มาก่อน
เห็นได้ชัดว่าเซี่ยเหลยถือเป็นข้อยกเว้น
เฉินเจียเหอช่วยเย่ไป๋ย้ายเตียงผู้ป่วยให้สะดวกต่อการวินิจฉัยและรักษา จัดวางทุกอย่างให้เรียบร้อย
พอเย่ไป๋เดินออกมา เขาก็หันไปยุ่งอยู่กับการชงชาให้ทุกคน
เขายกกาน้ำชาและถ้วยชามาวางไว้บนโต๊ะหินกลางสนาม
“เอาล่ะ มาจิบชากันหน่อยเถอะ”
“คุณป้า จิบชาสักถ้วยนะครับ” เย่ไป๋รินชาหนึ่งแก้วให้นางเซี่ยด้วยกิริยาที่สุภาพมาก
“ขอบคุณจ้ะ”
เมื่อนางเซี่ยรู้ว่าเย่ไป๋เป็นหมอและทายาทอีกคนของคลินิกนี้ เธอก็รีบลุกขึ้นยืนและขอบคุณเขา “คุณหมอเย่ไป๋ รบกวนคุณแล้วค่ะ”
“คุณป้า ไม่รบกวนอะไรเลยครับ”
“คุณก็ดื่มด้วยสิ” เย่ไป๋ยื่นแก้วให้เซี่ยอวี่อีกแก้ว
เนื่องจากเขารู้ตัวตนของเธอแล้ว ขณะที่เขาพูด น้ำเสียงของเขาจึงเจือความสุภาพมากขึ้นเล็กน้อย แถมยังแฝงความชื่นชมด้วยซ้ำไป
“ขอบคุณค่ะ” เซี่ยอวี่รับถ้วยชาจากเข้าแล้วยกจิบตามมารยาท
เซี่ยเหลยใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงในการรมยาอยู่ภายในห้อง ทุกคนทำได้แค่รอคอยอยู่ในสนามต่อไป หลินเซี่ยไม่มีอะไรทำ ดังนั้นเธอจึงหยิบฝักบัวรดน้ำขึ้นมา แล้วเดินเลี่ยงออกไปรดน้ำดอกไม้ ต้นไม้ และต้นหญ้าต่าง ๆ ในสวนรอบบ้าน
เธอและเฉินเจียเหอเป็นคนช่วยกันปลูกดอกไม้เหล่านี้
เซี่ยอวี่เห็นหลินเซี่ยปลีกตัวไปรดน้ำแปลงดอกไม้ จึงเข้าไปช่วยอีกแรง
ทุกคนไม่ได้วางตัวต่อกันอย่างห่างเหินมากนัก ระหว่างทำงานและชื่นชมดอกไม้ก็พุดคุยกันไปพลาง ทำให้สนามหญ้ามีชีวิตชีวาขึ้นมาทันใด
หลังจากนั้นไม่นาน เย่ไป๋ก็ได้รับโทรศัพท์จากเซี่ยหลาน
“รถโรงพยาบาลกำลังจะมาถึง”
เขาล้างมือแล้ววิ่งออกไปต้อนรับอย่างรวดเร็ว
เฉินเจียเหอและเซี่ยไห่ก็ติดตามเขาไปอย่างกระตือรือร้นเช่นกัน
เซี่ยอวี่ส่ายหัวอย่างไร้คำพูด
ดูเหมือนว่าโชคชะตาจงใจจัดสรรให้พี่ใหญ่ของเธอและเซี่ยหลานได้มาพบกันที่นี่
ประตูรถคันใหญ่เปิดออก เซี่ยหลาน เสิ่นเถี่ยจวิน และคนอื่น ๆ ต่างก็ก้าวลงจากรถ
คุณหมอเสี่ยวหวางถามเย่ไป๋ “หมอเย่ คนไข้มาถึงแล้ว แต่พวกเราอาจจะต้องเคลื่อนย้ายโดยยกเตียงของเขาเข้าไป”
เตียงของพวกเขาไม่มีล้อเลื่อน จะเคลื่อนย้ายแต่ละทีก็ต้องยกด้วยกำลังคน
“ได้ ยกก็ยก”
เฉินเจียเหอและเซี่ยไห่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อุ้มคนลงมาก่อนตามด้วยเตียง
นางเซี่ยเห็นเซี่ยหลานที่เดินตามมาข้างหลัง ก็จดจำเธอได้ในชั่วพริบตา
สีหน้าของเธอดูเป็นทุกข์มาก หันไปถามหลินเซี่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “นั่นลูกชายของเซี่ยหลานเหรอ?”
หลินเซี่ยพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
“เขากลายเป็นเจ้าชายนิทราหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ มาที่นี่เพื่อรับการรักษาจากหมอเย่น่ะค่ะ”
หลินเซี่ยก็วิ่งไปหาพวกเขาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เสิ่นอวี้หลงเป็นน้องชายของเธอมานานกว่าสิบปี แม้ว่าความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไปในตอนนี้ แต่ความผูกพันบางอย่างก็ไม่สามารถตัดขาดได้
เธอกังวลมากเกี่ยวกับเสิ่นอวี้หลง
แต่ทันทีเดินผ่านทุกคนเข้าไปใกล้
เธอถึงเห็นว่าเสิ่นอวี้อิ๋งเองก็มาที่นี่เหมือนกัน
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในชาติที่แล้วของเสิ่นอวี้หลง เธอจำได้ว่าอาการของเขากำลังจะดีขึ้นอยู่แล้ว แต่จู่ ๆ เขากลับทรุดหนักและจากโลกนี้ไป ในขณะที่เธอเศร้าก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอาจมีบางอย่างอยู่เบื้องหลัง
ใครคือภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเสิ่นอวี้หลงถ้าเขายังมีชีวิตอยู่?
หลินเซี่ยขมวดคิ้ว มองดูผู้หญิงที่ไร้เดียงสาและดูเหมือนไม่มีพิษมีภัยตรงหน้า ด้วยสีหน้าเย็นชาอย่างยิ่ง
“หลินเซี่ย เธอก็อยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอ?” เมื่อเสิ่นอวี้อิ๋งเห็นเธอก็ยิ้มแย้มทักทายอย่างอบอุ่น
เธอเห็นเซี่ยไห่ เซี่ยอวี่ และคนอื่น ๆ ยืนอยู่ในสนามด้วย พอมองกลับมาที่หลินเซี่ยอีกครั้ง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและขุ่นเคือง
หลินเซี่ยถาม “ทำไมฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ได้?”
“ฉันไม่เคยไปทำอะไรให้เธอขุ่นข้องหมองใจเลยนะ ทำไมเธอถึงเอาแต่พูดจาแดกดันฉันอยู่เรื่อย? ฉันแค่อยากจะทักทายเธอเอง” เสิ่นอวี้อิ๋งก้มหน้าลงอย่างน่าสงสาร ทำทีเหมือนตัวเองกำลังถูกรังแก
หลินเซี่ยเพิกเฉยต่อเธอ ก่อนจะเบียดตัวไปด้านหน้า กระทั่งเธอเห็นร่างของเสิ่นอวี้หลงนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย
หลังจากที่ทุกคนย้ายเตียงไปในจุดที่เหมาะสมแล้ว เย่ไป๋ก็ขอให้ทุกคนรออยู่ข้างนอก รออีกไม่นานหมอแผนจีนเย่ก็จะทำการรักษาให้เขา
เสิ่นเถี่ยจวินและเซี่ยหลานทำได้แค่ถอยออกมาเท่านั้น
เซี่ยหลานเห็นหลินเซี่ยมองเข้าไปข้างในด้วยสีหน้ากังวล เธอจึงพูดว่า “รอให้ขั้นตอนการรักษาของหมอเย่เสร็จสิ้นเมื่อไหร่ เธอจะเข้าไปเยี่ยมเขาก็ได้นะ”
“ค่ะ” หลินเซี่ยเงยหน้าขึ้น พยายามกลั้นน้ำตาไว้