กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 242 ไปทิเบต

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 242 ไปทิเบต

บทที่ 242 ไปทิเบต

เช้าวันต่อมา หมอและพยาบาลก็เข้ามา

พยาบาลยื่นกระดาษปึกหนึ่งให้เซี่ยชิงหยวน ซึ่งเป็นเอกสารอธิบายความรู้เบื้องต้นก่อนการผ่าตัด

ปัญหามากมายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างและหลังการผ่าตัดได้แสดงไว้ข้างต้น และสุดท้ายขอให้สมาชิกในครอบครัวลงนามยอมรับความเสี่ยง

เซี่ยชิงหยวนมองไปยังรายงานอาการที่อาจปรากฏขึ้นทีละรายการ และมือที่ถือกระดาษก็อดไม่ได้ที่จะสั่น

เธอหยิบปากกาของพยาบาลและเซ็นชื่อด้วยความยากลำบาก

หญิงสาวเซ็นแรงมากจนเกือบทะลุกระดาษ

หมอและพยาบาลทำงานร่วมกันเพื่อย้ายเสิ่นอี้โจวไปที่เตียงเล็กในห้องผ่าตัด และเปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัดปลอดเชื้อสีเขียวเข้มให้เขา

เซี่ยชิงหยวนและหลินตงซิ่วยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูพวกเขาทำงาน ทั้งสองประหม่าเกินกว่าจะหายใจ

หลังจากทุกอย่างพร้อมแล้ว เสิ่นอี้โจวก็ถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด

ความเร็วของพวกเขาเร็วมากจนเซี่ยชิงหยวนยังไม่ได้ให้กำลังใจเสิ่นอี้โจวอย่างเหมาะสม

เธอมีความเสียใจอยู่ในใจ แต่ก็ไม่สามารถหยุดอะไรได้อีกแล้ว

พยาบาลยืนอยู่ที่ประตูและป้องกันไม่ให้พวกเธอเข้าไป “สมาชิกในครอบครัวโปรดรออยู่หลังประตูนะคะ”

หลังจากพูดจบ ประตูห้องผ่าตัดก็ปิดลง

เซี่ยชิงหยวนยืนอยู่ที่ประตู จ้องมองไปยังประตูที่ปิดอยู่ ความคิดของเธอสับสน

เธออยู่นอกประตูและเสิ่นอี้โจวอยู่ข้างใน ระยะห่างเพียงไม่กี่เมตรแต่พวกเขามองไม่เห็นกัน

ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดคือการสูญเสีย

หลินตงซิ่วเดินไปที่หน้าต่าง มือพนมประสานพลางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและอธิษฐานอย่างใจจดใจจ่อ

ในขณะนี้เซี่ยจื่ออี้ก็โผล่มาโดยไม่คาดคิด

พร้อมด้วยผู้ชายที่ไม่คุ้นหน้ามาด้วยสามคน

ฉู่ซิงอวี่รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายพวกเขา และแนะนำ “นี่คือเลขาธิการหยวนของกรมการปกครองครับ ส่วนสองท่านนี้คือคณะกรรมการวินัยของศาลากลางและเลขาธิการของฝูเถียน”

หยวนหงหลี่กล่าวว่า “เลขาธิการเสิ่นยืนกรานที่จะต่อสู้ในแนวหน้าเพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของเขาเอง ผมมาเยี่ยมในนามของกรมการปกครองครับ”

คณะกรรมการวินัยของศาลากลางและเลขาธิการของฝูเถียนก็ทักทาย เซี่ยชิงหยวนและกล่าวคำขอบคุณ

ความคิดของเซี่ยชิงหยวนยังจดจ่ออยู่ที่เสิ่นอี้โจวขณะที่เธอกล่าวขอบคุณผู้คนที่มาสองสามคำ จากนั้นก็ปล่อยให้ฉู่ซิงอวี่รับหน้าที่ทักทายต่อไป

เมื่อเซี่ยจื่ออี้เห็นสีหน้าที่ย่ำแย่ของเซี่ยชิงชิงหยวน เธอก็กลืนคำปลอบโยนที่เธอเตรียมไว้ลงคอไป และยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ แทน

การรอนั้นยาวนานเหลือเกิน เธอเฝ้าดูเข็มนาฬิกาบนผนังหมุนไปรอบแล้วรอบเล่า เสียงติ๊ก ๆ ราวกับเป็นมนตร์สะกดที่วนเวียนอยู่ในใจดังขึ้นอย่างอ้อยอิ่ง

ทุกนาทีที่ผ่านไป หัวใจของเซี่ยชิงหยวนดูเหมือนจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ทำให้เธอหายใจไม่ออก

เธอเฝ้ารอเวลาให้ผ่านไปเพื่อที่ประตูห้องผ่าตัดจะเปิดออกอย่างรวดเร็ว แต่เธอก็กลัวว่าถ้าเวลาผ่านเร็วเกินไปและเมื่อประตูเปิดออก มันจะกลายเป็นข่าวที่เธอไม่อยากได้ยินมากที่สุดแทน

ความทรมานนี้ยังคงทรมานเธอ

ยังไม่ทันจะบ่ายโมง ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออกบราวนี่ออนไลน์

หลายคนรวมตัวกันทันที

หมอหมิ่นเป็นคนแรกที่ออกมาและประตูหลังเขาก็ปิดหลังจากที่เขาออกมา เมื่อเห็นคิ้วที่ขมวดของเขา เซี่ยชิงหยวนก็มีความรู้สึกไม่ดี

เธอถามอย่างระมัดระวัง “หมอหมิ่น สามีของฉันเป็นยังไงบ้างคะ?”

ทางด้านหมอหมิ่นเองไม่รู้จะพูดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ “การผ่าตัดถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ ก็แค่…”

เขาหยุดชั่วคราวและทุกคนก็มองมาที่เขาเป็นสายตาเดียวกัน

เขาพูดว่า “อาการของผู้ป่วยยังไม่ค่อยดี เราไม่แน่ใจว่าเขาจะตื่นขึ้นเมื่อไหร่”

หลังจากความประหลาดใจครั้งใหญ่ มันก็เหมือนสายฟ้าจากท้องฟ้าที่ฟาดลงในจิตใจของผู้คน

“ไม่แน่ใจว่าจะตื่นเมื่อไหร่คืออะไรคะ?”

การผ่าตัดสำเร็จ แต่คนกลับไม่ตื่นขึ้น?

เซี่ยชิงหยวนเบิกตากว้างของเธอมองไปที่หมอหมิ่น

ดวงตาของหลินตงซิ่วมืดลงและเธอก็สลบไป เสี่ยวหลิวยืนอยู่ข้าง ๆ รีบรับเธออย่างรวดเร็ว ส่วนใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนซีดขาวราวกับกระดาษ และลำคอของเธอก็ตึง “หมอหมิ่น มีอะไรที่ฉันทำได้อีกไหม…”

หมอหมิ่นก็หมดหนทางเช่นกัน “ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับแรงใจที่จะอยู่ต่อของผู้ป่วยเองแล้วครับ”

พูดได้คำเดียวว่ามันเหมือนทำให้เธอมีความหวังและก็เหมือนโยนเธอลงในนรกอีกครั้ง

เซี่ยชิงหยวนไม่เคยคิดเลยว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้

หมอบอกข้อควรระวังหลังการผ่าตัด เธอฟังและพยักหน้าอย่างมึนงง

ในท้ายที่สุด เธอต้องการที่จะก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว แต่ขาของเธออ่อนแรงอย่างกะทันหัน และเธอก็คุกเข่าลงกับพื้นโดยตรง

“ระวัง!” ฉู่ซิงอวี่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ ก้าวไปข้างหน้าและช่วยประคองทันที

เซี่ยชิงหยวนยืนขึ้นด้วยพละกำลังของเธอเอง “ขอบคุณนะ”

ตอนนี้หญิงสาวอยู่ในความงุนงงราวกับคนตายเดินได้

ฉู่ซิงอวี่รู้สึกอึดอัดเช่นกัน และเอ่ยว่า “คุณนาย”

เซี่ยจื่ออี้ยืนอยู่ข้าง ๆ มองไปที่แขนที่สัมผัสกันของพวกเขา ดวงตาของเธอมืดลง

เธอพูดว่า “ให้ฉันทำเอง”

เมื่อพูดอย่างนั้น เธอผลักฉู่ซิงอวี่ออกไปและประคองเซี่ยชิงหยวนด้วยตัวเอง

เซี่ยชิงหยวนได้ยืนหยัดอย่างมั่นคงในเวลานี้ก่อนจะกล่าว “ขอบคุณ” กับเซี่ยจื่ออี้และยืนอยู่ข้าง ๆ รอให้เสิ่นอี้โจวถูกเข็นออกมา

เซี่ยจื่ออี้มองไปยังฝ่ามือที่ว่างเปล่า มุมปากของเธอโค้งขึ้นและเธอไม่ได้พูดอะไร

ภายในวอร์ด หลินตงซิ่วนั่งอยู่หน้าเตียงในโรงพยาบาล เซี่ยชิงหยวนเรียกฉู่ซิงอวี่ออกไป

เธอพูดว่า “เลขาฉู่ คุณทำงานอย่างหนักเพื่อเราในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ตอนนี้อาการป่วยของอี้โจวคงที่แล้ว ฉันกับแม่สามีสามารถดูแลเขาได้ ฝูเถียนยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นฉันไม่ขอรบกวนคุณแล้วดีกว่าค่ะ”

ฉู่ซิงอวี่เข้าใจว่าคำพูดของเซี่ยชิงหยวนว่าหมายถึงให้เขากลับไปที่เมืองเตียนเฉิง

เขาอยากบอกว่าไม่เป็นไร เขาอยู่ที่นี่ได้

แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดูไม่เหมาะสมจริง ๆ

เขาเองก็สบายดี แต่แล้วเธอล่ะ?

แต่เมื่อถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อ เขาก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้เธออีก

เขาพยักหน้าด้วยความยากลำบาก “ตกลงครับ ผมจะกลับไปพร้อมกับคนอื่น ๆ วันนี้”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าให้เขา และโค้งร่างกายของเธอ “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ”

เธอขอบคุณเขาอย่างจริงใจสำหรับทุกสิ่งที่เขาทำเพื่อพวกเธอ

ฉู่ซิงอวี่ลดตาของเขาครู่หนึ่ง เมื่อเปิดมันอีกครั้งก็ราวเหมือนดวงจันทร์ที่สดใส

เขายิ้มตอบกลับไป “คุณนายครับ เลขาธิการเสิ่นเป็นหัวหน้าของผม ทุกสิ่งมันคือสิ่งที่ผมควรทำทั้งนั้น ถ้างั้นตอนนี้ผมขอตัวกลับไปเก็บของก่อนนะครับ”

หลังจากพูดจบ เขาก็หันกลับโดยไม่ลังเลและเดินออกไป

เซี่ยจื่ออี้กำลังรอเขาอยู่ที่ตรงบันไดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ บนริมฝีปาก

เมื่อฉู่ซิงอวี่เดินผ่านเธอ เขาก็ไม่หยุดและเดินลงไปทันที

รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแข็งค้าง มือเรียวของเธอกำหมัด แต่ก็ไม่ได้เดินตามเขาไป

สายตาของเธอหันไปที่แผ่นหลังเรียวของเซี่ยชิงหยวน และเธอก็ไม่ได้พูดอะไรเป็นเวลานาน

จนกระทั่งหยวนหงหลี่เรียกเธอ เธอจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วถามว่า “ลุงหยวนคะ พวกเราควรกลับด้วยไหมคะ?”

เซี่ยชิงหยวนนอนอยู่หน้าเตียงของเสิ่นอี้โจวเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน

เธอจับมือของเขาและพูดเอ่ยราวกับว่าเขาสามารถได้ยินเธอ จนกระทั่งเสียงของเธอแหบแห้งและเจ็บคอจึงหยุด

ประโยคสุดท้ายก่อนเธอจะหยุดพูดก็คือ “อี้โจว ถ้าฉันต้องการบอกความปรารถนาของฉันต่อพระพุทธเจ้า คุณคิดว่าพระพุทธเจ้าจะได้ยินฉันไหม?”

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นจู่ ๆ เธอก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วพูดว่า “แม่คะ หนูจะไปทิเบตค่ะ”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท