บทที่ 265 หัวใจหวั่นไหว
บทที่ 265 หัวใจหวั่นไหว
เช้าวันรุ่งขึ้น เหล่าไต้และพี่สาวฟ่างลากถุงกระสอบมาถึงโรงแรมที่เซี่ยชิงหยวนพัก
พี่สาวฟ่างหยิบถุงใบหนึ่งออกมา “ในถุงใบนี้เป็นของที่น้องสาวเซี่ยหยิบเลือกเมื่อวานนะ”
ขณะเดียวกันก็ชี้ไปที่อีกใบหนึ่ง “และนั่นคือของที่เหลือ ซึ่งน้องสาวเซี่ยยังไม่ได้เลือกดู”
เหล่าไต้เปิดถุงกระสอบใบใหญ่ที่สุดบนไหล่ของเขา “มันเป็นสินค้าพิเศษส่วนตัวที่ญาติของฉันเก็บไว้น่ะ”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณสำหรับบริการที่เอาใจใส่ของพวกคุณมากนะคะ”
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน หลายคนก็มองหน้ากันและหัวเราะ
เซี่ยชิงหยวนเลือกชุดชั้นในออกมาอีกอย่างรวดเร็วมากกว่าสามร้อยชุด และบางชุดที่มีคุณภาพดีกว่า เธอก็หยิบอีกหนึ่งร้อยชุด
พลางพูดว่า “ฉันจะเอากลับไปเท่านี้ก่อนเพื่อทดลองตลาดก่อน และถ้าฉันขายมันได้ ฉันจะมารับสินค้าจากพี่สาวฟ่างอีกนะคะ”
พี่สาวฟ่างมีความสุขมากกับการที่เธอขายชุดชั้นในได้ถึงห้าร้อยชิ้นแค่เพียงเช้าวันเดียว
พี่สาวฟ่างคล้ายกับเหล่าไต้ นั่นคือเธออดไม่ได้ที่จะซื้อสินค้าดี ๆ บางอย่างที่อาจขายได้ยากมา เธอมักจะรู้สึกว่าสินค้าดี ๆ เหล่านี้ไม่ควรถูกฝัง
พี่สาวฟ่างตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญหา”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวานนี้ เธอยังคงมีความกลัวอยู่
โดยเฉพาะชายร่างใหญ่ที่ดูดุดันและการต่อสู้ก็ดุเดือดจริงๆ
ในเวลาต่อมาเมื่อตำรวจมาถึง ก็เหลือเพียงลูกพี่ปินคนนั้นและลูกน้องทั้งสองคนที่ร้องไห้คร่ำครวญ
เธอยังกังวลว่าจะติดต่อเซี่ยชิงหยวนได้อีกครั้งไหม เพราะลูกพี่ปินคนนั้นมีแนวโน้มที่จะล้างแค้นเอาคืนมาก
แต่เมื่อคิดถึงการหารายได้ และความสัมพันธ์ที่ดีกับเหล่าไต้ วันนี้เธอจึงกัดฟันและเดินตามไป
ในตอนท้าย พี่สาวฟ่างก็มอบส่วนลดให้เซี่ยชิงหยวน
ชุดชั้นในแบบครบชุดขายให้ในราคาหนึ่งหยวนแปดเหมา ส่วนชุดชั้นในแบบแยกชิ้น หนึ่งชิ้นราคาหนึ่งหยวนสามเหมา ราคารวมทั้งหมดเป็นเจ็ดร้อยยี่สิบห้าหยวน พี่สาวฟ่างปัดเศษออกให้ สุดท้ายเซี่ยชิงหยวนก็จ่ายเพียงเจ็ดร้อยยี่สิบหยวน
เหล่าไต้ “ครั้งก่อนที่เธอพูดถึงสินค้าของฤดูใบไม้ร่วงที่จะขายแบบโละทิ้ง ฉันไปที่หมานต๋ามาและถามเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วนะ หม่าเก๋อบอกว่าจะมีสินค้าจำนวนมากเหลืออยู่จนถึงกลางเดือนหน้า ตอนนี้พวกมันส่วนใหญ่ขายในราคาลดพิเศษน่ะ”
ฤดูร้อนปีนี้ร้อนขึ้นเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงจึงมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าปีก่อน ๆ
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ”
เธอนิ่งไปชั่วครู่ “ครั้งหน้าอาจเป็นอาเซียงที่มาคนเดียวนะ ดังนั้นฉันรบกวนคุณคอยช่วยเหลือเธอด้วยนะคะ”
เหล่าไต้เหลือบมองอาเซียง ซึ่งกำลังทำหน้าตากล้า ๆ กลัว ๆ อยู่ เขาก็รู้ว่าเซี่ยชิงหยวนทำแบบนี้เพราะเชื่อใจตัวเขามาก
จากนั้นเขาก็ตบหน้าอกและเอ่ยสัญญา “อย่ากังวลไป ฉันจะฝึกเธอให้แน่นอน”
อาเซียงแทบไม่เชื่อตัวเองเลยสักนิด “พี่เซี่ย ฉันไม่เคยแตะเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงมาก่อนเลยนะ และฉันก็กลัวว่าอันที่ฉันเลือกจะไม่ดีด้วย”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “สองวันหลังจากนี้ เราจะไปที่ร้านของเหล่าไต้กันเพื่อดูงานการขาย พี่จะพาเธอสอนงานต่าง ๆ สักพักก่อนที่เราจะกลับไปเมืองเตียนเฉิง เธอฉลาดมากอยู่แล้ว ดังนั้นเธอเรียนรู้มันได้ทันแน่นอน”
เมื่อได้ยินเซี่ยชิงหยวนพูดเช่นนี้ อาเซียงก็รู้สึกเขินอาย
โดยไม่รู้ตัว สายตาเธอชำเลืองมองไปยังทิศทางของเฮ่ออวี้เฟิง
เธอเห็นเขานั่งอยู่ริมหน้าต่าง ดูเบื่อ ๆ
แล้วบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ก็ถาโถมเข้ามาในหัวใจของหญิงสาว
เธอยังไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนี้คืออะไร ในใจมันเปรี้ยวฝาดและเธอไม่สามารถมีความสุขได้
เซี่ยชิงหยวนเลือกซื้อเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงมาอีกเจ็ดร้อยชิ้น และผ้าพันคอสามร้อยชิ้นจากเหล่าไต้ รวมเป็นราคาหนึ่งพันเจ็ดร้อยห้าสิบแปดหยวน
สำหรับฤดูใบไม้ร่วง มีเสื้อผ้าแขนยาวและชุดกระโปรงยาว รวมถึงกางเกงยีนและเสื้อโค้ตสีอ่อน
ผู้คนส่วนใหญ่ในเตียนเฉิงไม่ได้มีรูปร่างอ้วนมากนัก การใส่ยีนจะสามารถโชว์หุ่นที่ดีได้
เสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงไม่เหมือนกับเสื้อผ้าฤดูร้อน บางครั้งผู้คนจะเปลี่ยนมันวันละสองชุด และราคาก็สูง ดังนั้นเธอจึงซื้อไปไม่มากนัก
นอกจากนี้ อาเซียงจะมาในครั้งต่อไป และเธอไม่จำเป็นต้องซื้ออะไรมากมาย
ท้ายที่สุด เหล่าไต้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดกับเซี่ยชิงหยวนว่า “สองวันมานี้ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลย มีตำรวจสายตรวจจำนวนมากอยู่รอบตลาดค้าส่ง แม้แต่ลูกพี่ปินก็หายไปด้วย”
เขาพูดเสียงเบามากกว่าเดิม “ฉันคิดว่าเขาคงทำให้ผู้ยิ่งใหญ่บางคนขุ่นเคืองใจแน่ๆ จึงไม่กล้าออกมา”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยินแบบนั้น หญิงสาวเพียงเลิกคิ้วและไม่พูดอะไร
โดยไม่รู้ตัว เธอกลับนึกถึงบทสนทนาทางโทรศัพท์กับเสิ่นอี้โจวเมื่อวันก่อน
สัญชาตญาณของเธอบอกว่าเป็นฝีมือของเขาแน่ แต่หลังจากคิดดูแล้ว เขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับกว่างโจวเลยไม่ใช่เหรอ?
เธอพูดว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การมีคนคอยควบคุมเขาถือเป็นพรสำหรับเรานั่นแหละ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องออกมาสร้างความลำบากให้ผู้คนด้วย”
หญิงสาวยังคงคิดว่าถ้าตัวเองมาที่กว่างโจวในอนาคต เธอจะต้องปลอมตัวออกไปข้างนอกซะแล้ว
เหล่าไต้ยิ้มและพูดว่า “ใช่ ไม่ต้องไปกังวลเกี่ยวกับเขามากนัก ตราบใดที่มันไม่เป็นอุปสรรคต่อธุรกิจของเราในอนาคต”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนกำลังจะจากไป เธอก็เชิญเฮ่ออวี้เฟิงและเหล่าไต้ไปรับประทานอาหารเย็นกันที่ร้านอาหาร
เนื่องจากมีการตกลงกันไว้นานแล้ว เฮ่ออวี้เฟิงจึงไม่บ่ายเบี่ยงอีก
ที่โต๊ะอาหารเย็น เซี่ยชิงหยวนชูแก้วเหล้าชนให้กับเฮ่ออวี้เฟิงและเหล่าไต้ตามลำดับ
อาเซียงทำตามเซี่ยชิงหยวนเช่นกัน โดยเป็นการขอบคุณเฮ่ออวี้เฟิงและเหล่าไต้
เมื่อดื่มกับเฮ่ออวี้เฟิง ใบหน้าของอาเซียงก็แดงไปหมด “พี่เฮ่อ ช่วงหลายวันมานี้ฉันรบกวนคุณมากเลย ฉันขอดื่มขอบคุณให้คุณนะคะ”
เฮ่ออวี้เฟิงชนแก้วกับอาเซียงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เขาไม่พูดอะไร และกระดกจนหมดแก้ว
เหล่าไต้ยิ้มและพูดว่า “เด็กสาวตัวน้อยขอชนแก้ว แต่หนุ่มใหญ่กลับไม่ได้พูดอะไรสักคำ ฉากนี้มันช่างน่างุนงงเสียจริง”
เมื่อฟังคำพูดติดตลกของเหล่าไต้ ใบหน้าของอาเซียงก็แดงขึ้นจนถึงคอแล้ว
ถึงผิวของเธอจะไม่ขาวใสมากนัก แต่ก็ยังเห็นได้ชัด
เซี่ยชิงหยวนแสร้งทำเป็นโกรธและจ้องไปที่เหล่าไต้ “อาเซียงยังเป็นสาวน้อยที่ไม่รู้ประสีประสา คุณอย่าพูดแหย่เธอแบบนี้สิ”
เหล่าไต้โบกมือของเขา เทแก้วให้ตัวเองแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้ ๆ ฉันผิดแล้ว ฉันขอลงโทษตัวเองด้วยแก้วหนึ่งก็แล้วกัน!”
ตั้งแต่ต้นจนจบ เฮ่ออวี้เฟิงดูเฉยเมยราวกับว่าเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในโต๊ะนี้
เซี่ยชิงหยวนคอยสังเกตอาเซียงอย่างเงียบ ๆ และไม่ได้พูดอะไร
เฮ่ออวี้เฟิงคิดอะไรอยู่ เธอก็ไม่อาจทราบได้หรอก
แต่เห็นได้ชัดว่าเฮ่ออวี้เฟิงทำให้หัวใจของสาวน้อยอาเซียงหวั่นไหวเข้าให้แล้ว
ความกังวลหลัก ๆ ของเซี่ยชิงหยวนคือ อาเซียงยังเด็กเกินไป จึงยังไม่น่าจะรู้ว่าความรู้สึกรักหรือหลงเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องการแต่งงานในที่ห่างไกลนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าช่องว่างระหว่างอายุของเฮ่ออวี้เฟิงและอาเซียงนั้นมากเกินไป ไม่เพียงในแง่ของบุคลิกภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประสบการณ์ทางชีวิตอีกด้วย
เมื่อเธอกลับไปที่เตียนเฉิง เธอต้องถามเสิ่นอี้โจวเกี่ยวกับเฮ่ออวี้เฟิงเสียแล้ว
…
จากนั้นเซี่ยชิงหยวนก็พาอาเซียงกลับไปที่เมืองเตียนเฉิง
วันออกเดินทางเหล่าไต้ก็มาส่งพวกเธอด้วยเช่นกัน
อาเซียงชำเลืองมองไปข้างหลังเหล่าไต้ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างผิดหวัง
เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “เมื่อเช้าตอนเธอเข้าห้องน้ำ เฮ่ออวี้เฟิงมาหาโดยฝากบอกว่าเขามีเรื่องเร่งด่วนที่บ้านน่ะ เขาเลยไม่ได้มาส่ง”
เหล่าไต้ตอบว่า “ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรหรอก ตอนนี้ที่นี่สงบแล้ว”
แม้ว่าจะเป็นการเสียกำลังตำรวจไปสักหน่อย แต่ตำรวจก็มีหน้าที่รักษากฎหมายไม่ใช่เหรอ?
อาเซียงยิ้มและพยักหน้า “ค่ะ”
เหล่าไต้ช่วยขนของขึ้นรถไฟ และโบกมือให้พวกเธอ “คราวหน้าไว้เจอกันใหม่นะ!”
ขณะที่รถไฟเริ่มออก อาเซียงก็มองออกไปนอกหน้าต่างเป็นเวลานานก่อนที่ในที่สุดจะหันไปคุยกับเซี่ยชิงหยวน
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์และไร้เดียงสาของอาเซียง พลางพูดอย่างลังเลว่า “อาเซียง เธอคิดยังไงกับเฮ่ออวี้เฟิง?”