บทที่ 282 ถ้าจะหย่ากับฉัน งั้นเด็กก็ต้องตาย
บทที่ 282 ถ้าจะหย่ากับฉัน งั้นเด็กก็ต้องตาย
เมื่อได้ยินเสียงตะโกน การทะเลาะกันก็หยุดลงทันที และแม้แต่เด็ก ๆ ที่กำลังร้องไห้ก็มองไปยังต้นทางของเสียงพร้อมกับสะอื้น
ทุกคนเห็นเซี่ยจิ่งเฉินยืนอยู่ที่ประตู มองพวกเขาด้วยสายตาจริงจัง
กงเหลียนซินจับมือเซี่ยไป่เหิง และยืนอยู่ข้างหลังเขาด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว
ความโกรธแค้นและความกล้าหาญอันโดดเดี่ยวของหวังผิงระบายออกมาทันทีที่เธอเห็นเซี่ยจิ่งเฉิน
เธอตบต้นขาของตัวเองด้วยความกังวลและโกรธจัด “ไอ้เจ้าลูกไม่รักดี กลับมาทำไม!”
พี่ชายคนโตของตระกูลจางพ่นลมหายใจ “ฮึ!” เขาหันไปเผชิญหน้ากับเซี่ยจิ่งเฉิน และพูดด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “โฮ่ ๆ ในที่สุดน้องเขยคนดีของฉันก็กลับมาแล้ว”
เขาก้าวเดินมาข้างหน้า แก้มอ้วน ๆ ทั้งสองข้างกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะก้าวเดิน “ทำไม? ตอนนี้ได้ปีนป่ายขึ้นไปอยู่บนกิ่งไม้สูงแล้ว ก็เลยคิดจะดูถูกตระกูลจางของฉันเหรอ? ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะปล่อยให้น้องสาวคนเล็กของฉันตายเลย นี่นายยังอยากจะหย่ากับน้องสาวอีกคนของฉันด้วย?”
ขณะที่พูด เขาก็เหยียดนิ้วอ้วน ๆ ของตัวเองออกมาและใช้มันผลักไหล่ของเซี่ยจิ่งเฉินอย่างแรงซ้ำ ๆ มันเป็นการดูถูกอย่างเห็นได้ชัด
“บอกฉันสิ นายกำลังหมายถึงอะไร?”
ใบหน้าของเซี่ยจิ่งเฉินบูดบึ้ง เขาเหลือบมองลูกสาวสองคนที่นั่งอยู่บนพื้นพลางร้องไห้ จากนั้นจึงยกมือขึ้น ปัดมือของพี่ใหญ่ตระกูลจาง
จากนั้นเซี่ยจิ่งเฉินก็ก้าวเท้าไปหาพ่อแม่ของเขา ช่วยพยุงลูกสาวสองคนขึ้น แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันควรจะเป็นคนถามคำถามนี้กับพวกนายมากกว่าไม่ใช่เหรอ?”
ดวงตาของเซี่ยจิ่งเฉินกวาดมองเหล่าคนของตระกูลจางทีละคน “พวกนายมาที่บ้านฉันตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อสร้างปัญหา พวกนายต้องการอะไรกันแน่?”
ในที่สุดเขาก็มองไปยังจางอวี้เจียว ซึ่งตั้งแต่เขาเข้ามาในบ้าน หล่อนยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขาเลย “ฉันอยากจะได้ยินว่าตระกูลเซี่ยของฉันไปทำอะไรแย่ ๆ กับพวกนาย ถึงต้องทำกันขนาดนี้?”
เขายืดหลังขึ้น ปิดกั้นพ่อแม่กับลูกสาวทั้งสองคนด้วยไหล่บาง ๆ พูดทุกคำด้วยเสียงอันดัง และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับตระกูลจางด้วยทัศนคติเช่นนี้
ตระกูลจางต่างตกตะลึง
ทันใดนั้นผู้คนของตระกูลจางก็ตระหนักว่า เซี่ยจิ่งเฉินต้องถูกเซี่ยชิงหยวนที่อยู่ในเมืองเตียนเฉิงยุยงมาแน่ และเขาต้องการหย่ากับจางอวี้เจียวจริง ๆ
แม่เฒ่าจางรีบก้าวเข้าไปหาเซี่ยจิ่งเฉินทันที ชี้ไปที่จมูกของเขาและสาปแช่ง “แกนั่นแหละที่รังแกลูกสาวของฉัน หัวใจแกเปลี่ยนไปและต้องการหย่ากับเธอ แถมยังปล่อยให้อวี้เอ๋อของฉันเข้าคุก! ตอนนี้แกยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าทำไมเราถึงทำอะไรแบบนี้!”
“ขอบอกเอาไว้เลยนะ ไม่ว่ายังไงวันนี้ฉันก็ต้องทวงความยุติธรรมให้ลูกสาวทั้งสองของฉันให้ได้!”
เธอพูดอย่างเร่งรีบและรวดเร็ว ตะโกนสุดเสียงแสดงท่าทางความปากร้ายออกมาเต็มที่
เมื่อเซี่ยซือถงและเซี่ยซือเหยียนเห็นท่าทางนี้ ปากของพวกเธอก็บูดบึ้ง และเกือบจะร้องไห้อีกครั้ง
พวกเธอไม่กล้าเข้าใกล้จางอวี้เจียวอีกต่อไป และกอดต้นขาของเซี่ยจิ่งเฉินคนละข้าง ทั้งซ้ายและขวา “พ่อ พ่อ ฮือ ฮือ…”
ช่วงเวลาแห่งอารมณ์แวบขึ้นมาบนใบหน้าของเซี่ยจิ่งเฉิน
เขาพูดกับกงเหลียนซิน “พี่สะใภ้ ช่วยพาเด็ก ๆ เข้าไปในบ้านก่อนครับ”
กงเหลียนซินจับมือหลานสาวทั้งสอง “มาเถอะ ไปเล่นกับป้ากันนะ”
เด็กทั้งสองพยักหน้า “อื้ม”
เมื่อเห็นกงเหลียนซินอุ้มเด็กทั้งสองไว้ จางอวี้เจียวที่เงียบมาตลอดก็กระโดดขึ้นมา
เธอรีบวิ่งไปลากเด็กทั้งสองคนมาอยู่ข้าง ๆ แล้วตะโกนเสียงดัง
“คุณจะทำอะไร นี่ลูกของฉันนะ!”
เพราะกระชากอย่างไม่ยั้งแรงเลยแม้แต่น้อย เด็กจึงโดนเธอลากจนตัวลอย
เมื่อคืนนี้ คนน้องเซี่ยซือเหยียนไม่สบายตัวร้อนเกือบทั้งคืน ใบหน้าของเธอยังคงซีดเซียว เด็กน้อยล้มลงกับพื้นทันทีและร้องไห้อีกครั้ง
เซี่ยซือถงจ้องมองจางอวี้เจียวด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและหวาดกลัว กัดริมฝีปากของตัวเอง ไม่กล้าที่จะร้องไห้ออกมา
เซี่ยจิ่งเฉินทนไม่ไหวอีกต่อไป ก้าวไปข้างหน้าเพื่อผลักจางอวี้เจียวออกไป อุ้มเซี่ยซือเหยียนขึ้นมาและกำลังจะดึงเซี่ยซือถงกลับ
เมื่อตระกูลจางเห็นแบบนี้ พวกเขาก็โกรธขึ้นมา และเข้ามาแย่งชิงเด็กไปทีละคน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เซี่ยจิ่งเยว่และคนอื่น ๆ ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือทันที
แต่คนตระกูลจางมีเยอะกว่าแถมยังตัวอ้วนใหญ่ทุกคน ตระกูลเซี่ยจะชนะได้ยังไง?
เซี่ยจิ่งเฉินได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กในอ้อมแขน และรู้ว่าลูกสาวคงเจ็บปวด ดังนั้นเขาจึงผ่อนกำลังบางส่วนออก
เมื่อได้โอกาสจากพ่อที่หัวใจอ่อนโยน จางอวี้เจียวก็ดึงเด็กออกจากอ้อมแขนของเซี่ยจิ่งเฉินอย่างรุนแรง
เซี่ยซือเหยียนตกใจมากจนน้ำตาไหลและยื่นมือเล็ก ๆ ออกมา หวังจะไปกอดหวังผิง “คุณย่า คุณย่า…”
หวังผิงรู้สึกเศร้าใจมากจนเธออยากจะเอื้อมมือไปคว้าเด็ก แต่กลับถูกห้ามไว้โดยพี่น้องตระกูลจาง
แม่เฒ่าจางอดไม่ได้ที่จะตบเซี่ยซือเหยียน “ร้องไห้อะไรนักหนาเจ้าหมาป่าตาขาว!”
จากนั้นเธอชี้ไปที่กงเหลียนซินและหวังผิง “พวกเขาเป็นคนไม่ดี! แกอยากไปอยู่ด้วยมากเหรอ? ถ้าแกยังกล้าทำแบบนี้อีก ฉันจะทุบตีแกให้ตายไปซะ!”
การที่แม่เฒ่าจางทุบตีและดุเซี่ยซือเหยียนแบบนี้ต่อหน้าทุกคน มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการตั้งใจให้ตระกูลเซี่ยเห็นเลย
ตระกูลเซี่ยโกรธมากเมื่อเห็นการกระทำอันเลวร้ายของอีกฝ่าย แต่จางอวี้เจียวไม่ทำอะไรเลย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้มากแล้ว
เซี่ยจิ่งเฉินโกรธจนถึงขีดสุดเหมือนครึ่งหนึ่งของร่างเขาร้อนเป็นไฟ แต่อีกครึ่งหนาวเหน็บเหมือนอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง เขาทั้งโกรธและอ้างว้าง
เขามองจางอวี้เจียวด้วยสีหน้าบึ้งตึง “พาเด็กเข้าไปในบ้าน แล้วผมจะคุยกับพวกคุณเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยจิ่งเฉิน จางอวี้เจียวก็ตกใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองดวงตาของเขา ซึ่งตอนนี้ไม่อบอุ่นอีกต่อไปแล้ว
เธอกอดเซี่ยซือเหยียนไว้แน่นโดยไม่รู้ตัวและพูดอย่างเฉียบขาด “นี่คือลูกของฉัน ทำไมฉันจะต้องมอบให้คุณด้วย!”
ในอดีตทุกครั้งเมื่อพวกเขาทะเลาะกัน ตราบใดที่มีการกล่าวถึงเด็ก เซี่ยจิ่งเฉินจะไม่ส่งเสียงใด ๆ
การใช้เด็กคือปราการด่านสุดท้ายของเธอ หากไม่มีเด็ก เซี่ยจิ่งเฉินจะจริงจังกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน!
ตระกูลจางก็เข้าใจความจริงข้อนี้เช่นกัน พี่ใหญ่ของตระกูลจางกล่าวว่า “เด็กคนนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของฉันเหมือนกัน เพราะงั้นทำไมฉันต้องให้เด็กกับนายด้วย?”
เซี่ยจิ่งเฉินยังคงมองไปที่จางอวี้เจียว “คุณตั้งใจที่จะทำให้เด็กเห็นเหตุการณ์เหล่านี้ด้วยตาของพวกเขาเองงั้นเหรอ?”
เซี่ยจิ่งเฉินแทบจะไม่เคยใช้น้ำเสียงเช่นนี้คุกคามเธอมาก่อน เธอจึงร้องไห้ทันที “ทำไม? คุณแค่อยากให้อวี้เอ๋อเข้าคุก และต้องการหย่ากับฉันใช่ไหมล่ะ!”
สีหน้าของเธอค่อย ๆ ดูโหดเหี้ยม “ฉันบอกคุณเอาไว้เลยนะว่าถ้าคุณต้องการหย่ากับฉัน ฉันจะพาพวกมันไปตาย! ฉันจะทำให้คุณรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต!”
…
เซี่ยซิงหยวนไปที่ร้านตรอกเก่าตามปกติเพื่อช่วยงานบางอย่าง
อาเซียงอดไม่ได้ที่จะถามเซี่ยชิงหยวน “พี่สาวเซี่ย ฉันได้ยินมาว่าพี่รองเซี่ย และภรรยาของเขาทะเลาะกันเหรอคะ?”
เมื่อเห็นท่าทางที่สงบของเธอ อาเซียงจึงพูดว่า “พี่สาวเซี่ยไม่กังวลเลยเหรอ?”
เธอได้ยินกงเหลียนซินพูดสองสามคำ บอกว่าครอบครัวของจางอวี้เจียวไม่ใช่คนดี
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “พี่กังวลนิดหน่อยนะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ อาเซียงก็มองเซี่ยชิงหยวนด้วยความสับสน
เซี่ยชิงหยวนวางสลัดเย็นหม้อสุดท้ายในมือของเธอบนตู้ มองดูนาฬิกา และถอดผ้ากันเปื้อนออก “เอาล่ะ พี่ต้องออกไปข้างนอกแล้ว”
หลังจากพูดจบ เซี่ยชิงหยวนก็ล้างมือแล้วขี่รถสามล้อไปที่สถานีตำรวจ
เมื่อจางอวี้เอ๋อได้ยินว่าเซี่ยชิงหยวนมาเยี่ยม เธอก็ผงะไปครู่หนึ่งแล้วจึงยิ้มออกมา
คงจะเป็นไปได้ว่าครอบครัวของเธอไปที่บ้านตระกูลเซี่ยเพื่อสร้างปัญหาแล้ว เซี่ยชิงหยวนทนแรงกดดันไม่ไหว เลยมาหาเธอเพื่อขอโทษ
คงอีกไม่นานที่เธอจะได้ออกไปจากสถานที่เลวร้ายแห่งนี้
เธอเปลี่ยนจากอารมณ์หดหู่เพราะต้องอยู่ในคุกมาสองวัน และเดินไปด้วยจิตใจเบิกบาน
เธอนั่งลงตรงข้ามเซี่ยชิงหยวน ยกขาขึ้นไขว่ห้างแล้วพูดอย่างเย่อหยิ่ง “เธอเสียใจงั้นเหรอ? มาขอให้ฉันยกโทษให้เธอใช่ไหมล่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนไม่สนใจทัศนคติของอีกฝ่ายเลย
เธอพิงพนักเก้าอี้แล้วส่ายหัว “เปล่า”
จากนั้นเซี่ยชิงหยวนโน้มตัวไปข้างหน้า มุมปากของเธอโค้งขึ้น “วันนี้ฉันมาเพื่อคุยกับเธอเรื่องเกี่ยวกับหนี่เจิ้ง หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเพื่อคุยเรื่องของหนี่เจี้ยนคัง เด็กที่เกิดมาจากหนี่เจิ้งกับเธอ!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของจางอวี้เอ๋อก็เปลี่ยนไปเหมือนเห็นผี
เธอลุกขึ้นยืนทันทีและมองเซี่ยชิงหยวนด้วยความหวาดกลัว ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นผีที่น่ากลัวที่สุด!
———————