กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 285 เหตุผลที่แต่งงานกัน

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 285 เหตุผลที่แต่งงานกัน

บทที่ 285 เหตุผลที่แต่งงานกัน

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ หัวใจของหญิงชราจางก็ดำดิ่งลง จนเกือบจะสูญเสียการทรงตัว

เธอแทบจับโต๊ะไว้ไม่ทัน เพื่อพยุงตัวเอง

ดวงตาหญิงชราเต็มไปด้วยความตกใจ “นังนั่นรู้ได้ยังไง? เรื่องนี้จัดการไปอย่างลับ ๆ แล้วนี่ นังนั่นมันจะรู้ได้ยังไง!”

ในเวลานั้น จางอวี้เอ๋อถูกขังอยู่ในบ้านของตระกูลหนี่นานเกือบปี จนคลอด แม้แต่ลูกชายและคนในครอบครัวก็ยังไม่รู้!

ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นทันที “อาจเป็นอวี้เจียวหรือเปล่า…”

นอกเหนือจากจางอวี้เอ๋อแล้ว คนอื่นที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็มีแค่ตัวเธอ สามีชรา และจางอวี้เจียวเท่านั้น!

เป็นไปได้ไหมที่จางอวี้เจียวเผลอหลุดปากตอนอยู่ในบ้านตระกูลเซี่ย?

แม่เฒ่าจางสงบลงและพูดว่า “ใจเย็น ๆ!”

ขณะนี้หญิงชราสาปแช่งเซี่ยชิงหยวนในใจ และพูดอย่างไม่เต็มใจ “แม่เข้าใจแล้ว แม่จะจัดการกับเรื่องนี้เอง ส่วนแกตอนนี้ก็อย่าเพิ่งสร้างเรื่องวุ่นวายอะไร ไม่งั้นแกจะยิ่งตกหลุมอุบายของพวกมัน!”

เมื่อคิดถึงเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างในตอนนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นจากการที่จางอวี้เอ๋อเป็นชู้กับสามีคนอื่น และต่อมาก็มีเรื่องไม่ปกติเกิดขึ้นมากมาย

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องบังเอิญเกินไป

จางอวี้เอ๋อจะรู้สึกสบายใจได้ยังไง “แม่! เซี่ยชิงหยวนรู้ชื่อของมารหัวขนนั้นด้วย! เธอไม่ได้ขู่เพื่อทำให้หนูกลัวเฉย ๆ แน่ แม่ต้องทำให้พี่หย่าให้ได้! ไม่งั้นเซี่ยชิงหยวนอาจพูดว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลหนี่ก็ได้!”

ขณะพูดก็มีความเกลียดชังในน้ำเสียงของเธออย่างเห็นได้ชัด

จางอวี้เจียวอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลเซี่ยทุกวัน ดังนั้นคนที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ก็ไม่ใช่คนอื่น

เมื่อฟังลูกสาวคนเล็กตะโกนทางโทรศัพท์อย่างดุเดือด หญิงชราจางก็ตกอยู่ในอาการต่อสู้ดิ้นรนในใจตนเอง

หนึ่งคือชีวิตของลูกสาวคนเล็ก และอีกหนึ่งคือการแต่งงานของลูกสาวคนโต เธอจะเลือกได้ยังไง?

ตอนนั้นเพื่อจะกำจัดตระกูลหนี่ออกไป เธอจึงวางแผนเกี่ยวดองกับตระกูลเซี่ย

หากจะบอกว่าใครผิดบ้างในเรื่องนี้ ทั้งหญิงชรา สามี และลูกสาวทั้งสองคน รวมสี่คนก็มีส่วนร่วมในการทำความผิดทุกคน

ตอนนี้จะให้พวกเขาต้องชดใช้ทุกอย่างเหรอ?

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ แม่เฒ่าจางก็แอบสะดุ้ง ตัวเย็นวาบเหมือนถูกแช่อยู่ในน้ำเย็นจัดจนกระดูกสั่น

ทันใดนั้นเธอก็ดูเหมือนแก่ขึ้นสิบปีในพริบตา

แม่เฒ่าจางบีบเสียงออกจากลำคอแล้วพูดว่า “แม่เข้าใจแล้ว แม่จะจัดการกับเรื่องนี้เอง”

เธอหยุดชั่วคราว “แกอยู่ในคุกเงียบ ๆ ไปก่อนนะ และเดี๋ยวแม่จะคิดหาวิธีอื่นต่อ”

หลังจากพูดจบ หญิงชราก็ลากขาหนัก ๆ เดินกลับไปที่บ้านตระกูลเซี่ยทีละก้าว

ระหว่างทางแม่เฒ่าจางใช้ความคิดมากมาย แต่ก็ไม่สามารถหาวิธีจะทำให้สำเร็จพร้อมกันทั้งสองเรื่องได้

หญิงชราต้องการใช้ประโยชน์จากตระกูลเซี่ย แต่กลับพบว่าตัวเองไม่มีอะไรจะคุกคามตระกูลเซี่ยได้เลย

เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา

แม่เฒ่าจางคิดคำนวณอย่างชาญฉลาดมาตลอดชีวิต และสบายใจกับตระกูลเซี่ยมาหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้ในที่สุดผลกรรมก็ตามมาทัน!

แม่เฒ่าจางก้าวเข้าไปในประตูบ้านตระกูลเซี่ยอีกครั้ง คราวนี้ดูเหมือนเท้าของหญิงชราจะหนักเป็นพัน ๆ จิน

กลุ่มคนแบ่งออกเป็นสองฝั่งหันประจันหน้ากัน ทันทีที่เธอเข้ามา ทุกคนก็จ้องมอง

แม่เฒ่าจางดูเหมือนจะมีก้อนหินก้อนใหญ่อยู่บนหน้าอก หายใจเข้าลึกก่อนจะเผยยิ้มบนใบหน้า และพูดว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด เราหุนหันพลันแล่นเกินไป เพราะเราได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์ของอวี้เอ๋อน่ะ เราไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองตระกูลเลยจริง ๆ”

หญิงชรามองดูหวังผิง “ญาติของฉัน วันหลังฉันจะขอให้ลูก ๆ มาที่บ้านของเธออีกทีเพื่อขอโทษนะ แล้วเรื่องนี้จะจบลง เธอคิดว่าพอจะตกลงได้ไหม?”

คำพูดของแม่เฒ่าจางทำให้ทุกคนในบ้านตกตะลึง

พอไปรับโทรศัพท์แล้วกลับมา คนเราก็เปลี่ยนไปขนาดเลยเหรอ?

เซี่ยจิ่งเฉินและกังจือมองไปที่ต้าหลินจือที่เดินตามกลับมาด้านหลังบราวนี่ออนไลน์

ต้าหลินจือยักไหล่และทำท่าทางแสดงว่าเขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

หวังผิงยังระงับความโกรธของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงตอนที่แม่กับลูกสาวตระกูลจางใช้หลาน ๆ ของตนเป็นเกราะกำบังและต้องการที่จะพรากเด็กไป

ตอนนี้เมื่อเห็นทัศนคติที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของแม่เฒ่าจาง แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจเหตุผล แต่ในใจก็มีความสุข

อย่างน้อยมันก็ไม่ได้เลวร้ายไปกว่านี้ใช่ไหม?

เธอตะคอก “ดีเหมือนกันที่จะมีการอธิบายความเข้าใจผิดพวกนี้ และตราบใดที่พวกเธอไม่ทำอีกก็ไม่มีปัญหา!”

“แม่!” เซี่ยจิ่งเฉินขัดจังหวะเธอ

จากนั้นเขามองไปที่แม่เฒ่าจาง “ผมไม่สนหรอกว่าพวกคุณจะเข้าใจผิดหรืออะไร ยังไงซะเรื่องของจางอวี้เอ๋อจะไม่มีการพูดกันอีก และการแต่งงานของผมกับจางอวี้เจียว ขอพูดตรงนี้เลยว่ายังไงก็ต้องหย่า!”

“เซี่ยจิ่งเฉิน!”

“น้องรอง!”

“เซี่ยจิ่งเฉิน!”

ไม่เพียงแต่หวังผิงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเซี่ยจิงเยว่และเซี่ยโย่วหมิงที่ตกตะลึงด้วย

ดวงตาของจางอวี้เจียวยิ่งแดงขึ้น ราวกับว่าพวกเขาทำผิดกับเธอมาก เธอมองเขาอย่างแสนเศร้า

หวังผิงรีบไปคุยกับลูกชาย “แกกำลังทำอะไรอยู่ไอ้เด็กบ้า? กว่าจะยุติเรื่องนี้ได้ยากแทบตาย แล้วทำไมต้องขอหย่าอีก? ลูกคนที่สามของตระกูลหยางในหมู่บ้านก็เคยถูกพ่อตาไล่ทุบตีไปทั้งหมู่บ้าน แต่ทุกวันนี้เขาก็ยังอยู่ดีมีสุขกับภรรยาอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

ในชนบท การทะเลาะวิวาทกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ยังไม่มีใครไปถึงจุดที่จะหย่าร้างกัน

เซี่ยโยว่หมิงเองก็บ่น “ลูกรอง อยากคิดทบทวนเรื่องการหย่าร้างอีกครั้งไหม?”

เมื่อเปรียบเทียบกับการต่อต้านที่ดื้อรั้นของหวังผิง เขาดูเป็นกลางมากกว่า

เขารู้ดีว่าชีวิตของลูกชายคนรองลำบากแค่ไหนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

เพียงแต่ก่อนหน้านี้ อย่าว่าแต่หย่าร้างเลย เขาไม่ได้ยินลูกชายคนรองพูดบ่นเลยสักคำ

แต่เมื่อเรื่องนี้ถูกพูดขึ้นมาแล้ว มันจะต้องไม่ใช่ความคิดที่กะทันหันแน่ และจะไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องของจางอวี้เอ๋อเท่านั้นที่กระตุ้นเขา

สีหน้าของเซี่ยจิ่งเฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และเขาพูดว่า “พ่อแม่ เมื่อกี้ก็เห็นด้วยตาของตัวเองแล้วไม่ใช่เหรอว่าจางอวี้เจียวแย่งเด็กอย่างไร้ความปรานี แถมในระหว่างการต่อสู้ พวกเขายังใช้เด็กเป็นกำบังอีกต่างหาก!”

เขามองจางอวี้เจียวด้วยดวงตาที่เหมือนกับลุกเป็นไฟ “กับผู้หญิงแบบนี้ ใครจะมั่นใจได้ว่าเด็กอยู่กับเธอแล้วจะได้ดี?”

ประโยคนี้ไม่เพียงหมายถึงการหย่าร้างกับจางอวี้เจียวเท่านั้น แต่ยังปฏิเสธสถานะของเธอในฐานะแม่อีกด้วย

กล่าวคือ จางอวี้เจียวไม่คู่ควรกับการเป็นแม่

กังจือและคนอื่น ๆ ต่างก็ถือโอกาสนี้เห็นด้วย

“ใช่แล้ว ไม่เคยเห็นแม่ที่ไหนใจร้ายขนาดนี้มาก่อนเลย”

“ไม่ปกป้องลูกตอนทะเลาะกันเท่านั้น แต่ยังใช้ลูกเป็นโล่กำบังให้ตัวเองได้เปรียบในการทุบตีคนอื่นอีกต่างหาก”

“จิตใจทำด้วยอะไรกัน?”

“กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นแม่ของลูกอีกเหรอ?”

“น้องเฉินทนพวกเธอมาหลายปีแล้ว ถ้าเป็นฉัน ฉันหย่าไปนานแล้ว!”

“กลับไปซะ กลับไปอยู่บ้านแม่ของเธอซะ!”

ใบหน้าของจางอวี้เจียวเปลี่ยนเป็นเขียวและซีดจากสิ่งที่ทุกคนพูด เธอต้องการจะปฏิเสธ แต่ถูกแม่เฒ่าจางรั้งไว้

จางอวี้เจียวมึนงง “แม่!”

แม่เฒ่าจางโมโหจนควันแทบออกหูเหมือนกัน แต่เธอต้องระงับไว้ และไม่สามารถระบายมันออกไปได้ หัวใจของเธอเจ็บปวดไปหมด

แม้ว่าหญิงชราจะมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ดวงตาก็น่ากลัวมาก “อย่าสร้างปัญหา!”

เธอกดจางอวี้เจียวแล้วพูดกับเซี่ยจิ่งเฉินว่า “ฉันรู้ว่าวันนี้ครอบครัวของฉันทำผิดต่อเธอ หญิงชราคนนี้ขอโทษด้วยจริง ๆ”

เมื่อพูดอย่างนั้น เธอก็โค้งกายให้เซี่ยโยว่หมิงและคนอื่น ๆ อย่างลึกซึ้ง

เธอก้มศีรษะลงพลางมองไปที่ปลายรองเท้าอีกฝ่าย ดวงตาแดงก่ำคล้ายเลือดจะหลั่งออกมา

เธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง และยิ้มให้คนตระกูลเซี่ย

แม่เฒ่าจางกล่าวต่อ “เธอกับอวี้เจียวแต่งงานกันมาสี่ปีแล้ว และมีลูกด้วยกันถึงสองคน จะหย่ากันง่าย ๆ ได้ยังไง? แม้ว่าเธอจะไม่คิดถึงตัวเอง แต่ช่วยคิดถึงลูก ๆ ของพวกเธอด้วยได้ไหม? ลูกที่พ่อแม่แยกทางกันน่าสงสารเกินไปนะ”

“แม้ว่าพวกเธอจะแยกย้ายกันไปแต่งงานใหม่ได้ แต่แม่เลี้ยงจะดูแลลูกได้ดีกว่าแม่แท้ ๆ ได้ยังไงล่ะ?”

“วันนี้อวี้เจียวโกรธเกินไปก็เลยทำอะไรโง่ ๆ เท่านั้นเอง”

“ฉันจะเกลี้ยกล่อมเธอ แล้วจะให้ลูกสาวมายอมรับความผิดพลาดของตัวเองกับเธอและทุกคนหลังจากนี้นะ”

ระหว่างทางมาที่นี่ แม่เฒ่าจางเอาแต่คิดหาวิธีที่จะหลุดพ้นจากปัญหา

หลังจากการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว เธอก็ยังคงไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้จางอวี้เจียวและเซี่ยจิ่งเฉินหย่าร้างกัน

ต้องรู้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตระกูลจางใช้ชีวิตดีมาก และครึ่งหนึ่งเป็นเงินและสิ่งของที่จางอวี้เจียวนำกลับมาจากตระกูลเซี่ย

ใครจะยอมปล่อยให้แกะอ้วนแบบนี้หลุดลอยออกไปได้ล่ะ?

ยิ่งไปกว่านั้น เธอเชื่อว่าสาเหตุที่เซี่ยชิงหยวนยุให้เซี่ยจิ่งเฉินหย่ากับจางอวี้เจียวเป็นเพราะเรื่องของจางอวี้เอ๋อ

ถ้าจางอวี้เจียวใช้ชีวิตอย่างดีกับเซี่ยจิ่งเฉิน เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นเหรอ?

ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเกลี้ยกล่อมเซี่ยจิ่งเฉินกับหวังผิงก่อน และส่วนที่เหลือจะได้รับการแก้ไขไปตามธรรมชาติเอง

เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองดีแล้ว งั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะให้ทั้งคู่ต้องหย่าร้างกัน

แม้ว่าลูกสาวของแม่เฒ่าจางจะเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการก็ตาม แต่ก็ยังมีบางคนที่คอยแทงข้างหลังอยู่

คำพูดของแม่เฒ่าจางนั้นพูดได้อย่างไพเราะ

ดูเหมือนว่าหากตระกูลเซี่ยยินยอม มันจะกลายเป็นความผิดของพวกเขา

เมื่อเห็นสิ่งนี้ จางอวี้เจียวก็ก้มศีรษะลงและเริ่มร้องไห้

เธอใช้โอกาสนี้แอบหยิกเซี่ยซือเหยียน เด็กสาวเจ็บปวดอย่างมากและร้องไห้อีกครั้ง

เมื่อเห็นแม่และน้องสาวของเธอร้องไห้ เซี่ยซือถงก็ร้องไห้เช่นกัน

แม่ลูกร้องไห้พร้อมกัน ภาพนี้ดูน่าสงสารมาก

กงเหลียนซินมองไปที่เซี่ยจิ่งเฉินด้วยความประหม่า กลัวว่าหัวใจของเขาจะอ่อนลงแล้วตกลงตามคำขอของคนเหล่านี้

หวังผิงต้องการพูด แต่เซี่ยโยว่หมิงรั้งเธอไว้

เขาส่ายหัวให้ภรรยา ส่งสัญญาณให้เซี่ยจิ่งเฉินตัดสินใจด้วยตัวเอง

เซี่ยจิ่งเฉินลืมตาขึ้นและมองดู ภาพนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขาเลย

ตั้งแต่แต่งงานกัน ทั้งสองมักจะทะเลาะกันทั้งเรื่องใหญ่และเรื่องเล็ก

ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน จางอวี้เจียวจะใช้เด็ก ๆ เป็นเครื่องต่อรอง แม้กระทั่งปลุกเด็ก ๆ ที่กำลังหลับอยู่ และร้องไห้ใส่เขา

ต่อมาเขาทนไม่ไหวจึงยอมโอนอ่อนให้

เขาทำงานมากขึ้น แม้ว่าชีวิตจะยากลำบาก แต่มีเงินกลับบ้านมากขึ้น ทั้งสองใช้เวลาร่วมกันน้อยลง และทะเลาะกันน้อยลง

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงดูไม่พอใจ และคิดว่าเขาหาเงินไม่ได้มากเท่าที่เธอต้องการ ไม่มีน้ำใจเพียงพอ และไม่สามารถตอบสนองเธอได้…

แม้ว่าทุกครั้งที่เขากลับมา เขาจะตรวจดูตัวเอง ดมกลิ่นกระเป๋าเดินทาง และเสื้อผ้าที่เขาใส่อย่างระมัดระวังแล้วก็ตาม

เพราะรู้ว่าเธอกังวลเรื่องอะไร

เขาเคยพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เธอรู้สึกมั่นใจ แต่เขาก็ยังเห็นว่าเธอไม่ไว้ใจเสมอและไม่ปล่อยเขาไป

เพื่อให้เธอมั่นใจ เขาไม่ได้พูดคุยกับใครที่เป็นเพศตรงข้ามยกเว้นสมาชิกในครอบครัว และไม่ได้มองคนอื่นมากไปกว่าเธอ

เขาเลิกติดต่อกับเพื่อน ๆ ที่คบมาตั้งแต่เด็ก เพียงเพราะว่าเธอไม่ชอบ

บางทีเซี่ยโยว่หมิงอาจสอนเขาอย่างลึกซึ้งเกินไปตั้งแต่เขายังเด็กว่า การเป็นผู้ชายนั้นต้องซื่อสัตย์ รับผิดชอบในการดูแลภรรยากับลูก ๆ และยึดมั่นในครอบครัว

ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน จางอวี้เจียวจะใช้เด็ก ๆ เป็นเครื่องต่อรอง แม้กระทั่งปลุกเด็ก ๆ ที่กำลังหลับอยู่ และร้องไห้ใส่เขา

ต่อมาเขาทนไม่ไหวจึงยอมโอนอ่อนให้

เขาทำงานมากขึ้น แม้ว่าชีวิตจะยากลำบาก แต่มีเงินกลับบ้านมากขึ้น ทั้งสองใช้เวลาร่วมกันน้อยลง และทะเลาะกันน้อยลง

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงดูไม่พอใจ และคิดว่าเขาหาเงินไม่ได้มากเท่าที่เธอต้องการ ไม่มีน้ำใจเพียงพอ และไม่สามารถตอบสนองเธอได้…

แม้ว่าทุกครั้งที่เขากลับมา เขาจะตรวจดูตัวเอง ดมกลิ่นกระเป๋าเดินทาง และเสื้อผ้าที่เขาใส่อย่างระมัดระวังแล้วก็ตาม

เพราะรู้ว่าเธอกังวลเรื่องอะไร

เขาเคยพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เธอรู้สึกมั่นใจ แต่เขาก็ยังเห็นว่าเธอไม่ไว้ใจเสมอและไม่ปล่อยเขาไป

เพื่อให้เธอมั่นใจ เขาไม่ได้พูดคุยกับใครที่เป็นเพศตรงข้ามยกเว้นสมาชิกในครอบครัว และไม่ได้มองคนอื่นมากไปกว่าเธอ

เขาเลิกติดต่อกับเพื่อน ๆ ที่คบมาตั้งแต่เด็ก เพียงเพราะว่าเธอไม่ชอบ

บางทีเซี่ยโยว่หมิงอาจสอนเขาอย่างลึกซึ้งเกินไปตั้งแต่เขายังเด็กว่า การเป็นผู้ชายนั้นต้องซื่อสัตย์ รับผิดชอบในการดูแลภรรยากับลูก ๆ และยึดมั่นในครอบครัว

ดังนั้นเขาจึงอดทนและพยายามถอย แต่พบว่าจางอวี้เจียวยังคงไม่พอใจ

นอกจากนี้เขายังคิดว่าตัวเองสามารถแสร้งทำเป็นหูหนวกและเป็นใบ้ได้ตลอดชีวิต จนกระทั่งครั้งสุดท้ายที่จางอวี้เจียวทะเลาะกับเขาครั้งใหญ่ เพราะตระกูลจางกำลังสร้างบ้าน

เธอหยิบเสื้อผ้าใหม่สองสามชุดที่เซี่ยชิงหยวนซื้อให้เขาในกระเป๋าเดินทาง แล้วพูดคุยเกี่ยวกับมัน ทั้งร้องไห้และงอแง

เขาเหนื่อยกับการรับมือในเรื่องนี้ แต่เธอก็ไม่หยุด

เธอข่วนหน้าเขา แล้วกล่าวว่า “ฉันรู้ คุณยังคิดถึงนังนั่นอยู่ใช่ไหม! คุณเกลียดฉันใช่ไหม!”

เขาจำได้ว่าตัวเองตอบกลับไปเพียงว่า “คุณก็น่าจะรู้แก่ใจว่าทำไมเราถึงแต่งงานกันตั้งแต่แรก!”

———————

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท