กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 294 ไม่มีใครอยากที่จะรักษารูปลักษณ์แห่งสันติภาพ

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 294 ไม่มีใครอยากที่จะรักษารูปลักษณ์แห่งสันติภาพ

บทที่ 294 ไม่มีใครอยากที่จะรักษารูปลักษณ์แห่งสันติภาพ

เซี่ยชิงหยวนไม่คิดเลยว่าเสิ่นอี้โจวจะพาเธอขึ้นมาที่ภูเขา

บ้านส่วนใหญ่ในเมืองเตียนเฉิงสร้างขึ้นบนเนินเขา และยังมีบ้านอยู่บนยอดเขาด้วยซ้ำ

ประชาชนในพื้นที่และภาครัฐได้เปิดถนนแล้ว แต่ถนนยังเป็นลูกรัง ซึ่งไม่สามารถขับรถเร็วได้

ห่างจากยอดเขาสองถึงสามร้อยเมตร ทั้งสองลงจากรถแล้วเดินขึ้นไป

หลังจากผ่านป่าแห่งหนึ่ง ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนก็เปิดขึ้นทันที มีหญ้าเขียว ๆ และดอกไม้ป่าหลากสีสันที่ไม่รู้จักมากมายบานสะพรั่ง พระอาทิตย์อัสดงเอียงไปทางไหล่เขาพลางส่องแสงสีทอง

เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะอุทาน “ทิวทัศน์สวยมากเลย!”

เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “ผมเคยผ่านมาที่นี่ครั้งหนึ่งโดยบังเอิญน่ะ และคิดว่ามันค่อนข้างสวยทีเดียว”

เซี่ยชิงหยวนสูดหายใจเข้าลึก เอาอากาศบริสุทธิ์บนภูเขาเข้าปอด และพยักหน้า “ดีมากจริง ๆ”

จากนั้นเธอหันกลับไปมองที่เสิ่นอี้โจวด้วยดวงตาเป็นประกาย “ฉันมีความสุขมากค่ะ”

เสิ่นอี้โจวพาเธอไปที่ก้อนหินขนาดใหญ่แล้วนั่งลง ที่ด้านล่างนั่นคือฉากของเทือกเขาที่เรียงตัวกันและมีกลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกไม้อยู่ทั่ว ทั้งยังมีนกบินอยู่ตามภูเขาส่งเสียงร้องออกมา

เมื่อมองดูทิวทัศน์ที่สวยงามตรงหน้า เซี่ยชิงหยวนก็พิงไหล่ของเสิ่นอี้โจว

เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา เห็นเพียงขากรรไกรที่ขบแน่น และริมฝีปากเม้ม

เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาจิ้มแก้มของเขา “คุณยังกังวลว่าฉันจะไม่มีความสุขอีกเหรอ? ดูสิ คุณยังทำหน้าบูดบึ้งอยู่เลย”

เสิ่นอี้โจวคว้ามือที่เย้าแหย่ของเธอแล้วจ้องมอง “เพียงคุณมีความสุขเท่านั้นผมถึงจะมีความสุข”

เขาพูดพร้อมกับจูบหลังมือของภรรยา “หรือตราบใดที่ผมยังได้เห็นคุณอยู่ ผมก็มีความสุขเหมือนกัน”

เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลง

มันดีจริง ๆ…

เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ เสิ่นอี้โจวก็เชยคางของหญิงสาวขึ้นและยิ้ม “คุณเขินเหรอ?”

เซี่ยชิงหยวนเกร็งคอแล้วตอบว่า “แล้วยังไงเล่า”

ทันใดนั้นเขาก็เข้ามาใกล้ และกระซิบข้างหูของเธอ “ผมยังไม่ทันได้เริ่มจูบคุณเลย”

เซี่ยชิงหยวน “!”

เธอเอามือห้ามเขาแล้วรีบพูด “ที่นี่เป็นพื้นที่ของคนอื่นนะ อย่ามาทำตัวยุ่มย่ามตรงนี้สิ”

แถวนี้มีรถผ่านอยู่เรื่อย แถมยังมีคนเดินตามทางอีกต่างหาก

ที่รถก็มีเด็ก ๆ หลายคนวิ่งออกมาดูด้วยความตื่นเต้น

เสิ่นอี้โจวจับเอวของเธอให้เอนตัวไปข้างหลัง “ไม่เป็นไร นอนลงเถอะ”

เซี่ยชิงหยวน “?”

วินาทีต่อมาเธอก็ถูกเสิ่นอี้โจววางลงบนพื้นหญ้าแล้ว

เมื่อเธอนอนราบ เหล่าต้นดอกไม้ที่เคยสูงต่ำกว่าเข่าของหญิงสาวก็ปกคลุมเธอจนมิดทันที อย่างเดียวที่มองเห็นคือท้องฟ้าเบื้องบน พร้อมกับเสิ่นอี้โจวที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม

เธอได้ยินเขาพูดว่า “ต่อไปผมจะจูบคุณแล้วนะ”

ขณะที่เขาพูด ชายหนุ่มคนนี้ก็ก้มศีรษะลงบดบังการมองเห็นของเธอ

เซี่ยชิงหยวนจับหญ้าใต้ร่างของเธอโดยไม่รู้ตัว แต่ด้วยแรงที่มากเกินไป หญ้าก็ถูกถอนออก

เซี่ยชิงหยวน “…”

เอ่อ… อารมณ์ร้อนแรงจนฆ่าหญ้าได้เลยแหะ

โชคดีที่เสิ่นอี้โจวไม่ได้สร้างปัญหานานเกินไป เขาจูบเธอเพียงครู่เดียวแล้วดึงเธอขึ้นมา

เขาปัดเศษหญ้าออกจากผมของเธออย่างระมัดระวัง และอุ้มหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนของเขา

“เมื่อพระอาทิตย์ตกดินเราค่อยกลับบ้านกันนะ”

เซี่ยชิงหยวนพูด “อืม” เบา ๆ และซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างเชื่อฟัง

ในเวลานี้พระอาทิตย์ได้ลับไปแล้วถึงครึ่งทางของภูเขา สร้างฉากเมฆสีแดงปรากฏบนท้องฟ้า

เซี่ยชิงหยวนมองไปยังดวงอาทิตย์ที่กำลังตกแล้วพูดว่า “อี้โจว ฉันมีความสุขจัง ฉันเพิ่งค้นพบว่าการเกิดใหม่ ไม่ได้หมายความว่าฉันจะสามารถมีอำนาจได้ทุกอย่าง และอยู่ยงคงกระพัน แต่การเกิดใหม่นั้นเป็นปาฏิหาริย์ในตัวมันเองอยู่แล้ว มันคือการฝืนกฏสวรรค์ ทำให้ฉันสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของตัวเองไม่ให้เป็นแบบเดิมได้”

เสิ่นอี้โจวกอดเธอแน่น “ผมมีความสุขมากที่คุณสามารถคิดได้อย่างชัดเจนแล้วนะ”

ก่อนหน้านี้เขากังวลว่าเซี่ยชิงหยวนจะยังไม่พอใจกับเงื่อนไขที่เซี่ยจิ่งเฉินต้องแลกเพื่อการหย่าร้าง

เซี่ยชิงหยวนแสร้งทำเป็นโกรธและตะคอกเขา “ฉันไม่ใช่คนโลภหรือคิดไม่ได้ขนาดนั้นสักหน่อย”

“แค่พี่รองสามารถหย่าร้างและกำจัดเห็บดูดเลือดอย่างตระกูลจางออกไปได้ แค่นั้นฉันก็พอใจแล้ว”

“นอกจากนี้ในฐานะน้องสาวอย่างฉัน ฉันก็ทำได้เพียงช่วยเหลือเขาถึงแค่ตรงนี้เท่านั้นแหละ”

สำหรับหนทางข้างหน้า ถ้าเซี่ยจิ่งเฉินขอความช่วยเหลือจากเธออีก หญิงสาวก็จะช่วยเขาแค่ภายในขอบเขตความสามารถของตัวเอง แต่ถ้าเขาไม่พูดอะไร เธอก็จะขอพรให้เขาแทน

“มอบให้พวกเขาเหรอ?” หวังผิงเลิกคิ้วและมองเซี่ยจิ่งเฉินด้วยความโกรธ

เซี่ยจิ่งเฉินขมวดคิ้วและพยักหน้า “ครับ”

หวังผิงโกรธมากจนดวงตามืดลงอีกครั้ง เซี่ยจิงเยว่จึงรีบช่วยประคองเธอนั่งลง

หวังผิงชี้ไปที่เซี่ยจิ่งเฉินแล้วดุว่า “แกเป็นพ่อแท้ ๆ แกทำอย่างนี้ได้ยังไง! แกให้ถงถงไปกับครอบครัวนั่น มันก็เท่ากับส่งหลานของฉันไปเผชิญกับความทรมานไม่ใช่เหรอ!”

“ไปบอกพวกเขาให้ชัด ๆ ถงถงต้องถูกเลี้ยงในครอบครัวของเราเท่านั้น!”

เซี่ยจิ่งเฉินยังคงนั่งนิ่ง “แม่ ไม่ว่ายังไงซะ จางอวี้เจียวก็เป็นแม่ของเด็กเหมือนกัน ผมไม่สามารถแย่งลูกทั้งสองคนมาได้ทั้งหมดหรอกนะ”

“ไม่ว่าแกจะคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันก็ไม่สมเหตุสมผล!”

แต่ถ้าเซี่ยซือถงไปกับตระกูลจาง และมีชีวิตที่ไม่ดีหลังจากนี้ เขาจะมีข้ออ้างที่มีน้ำหนัก และมีสิทธิ์ชอบธรรมที่จะขอให้เด็กกลับมา

เมื่อเห็นว่าเซี่ยจิ่งเฉินทำเหมือนไม่สะทกสะท้าน หวังผิงเงยหน้าขึ้นและทุบไหล่ลูกชายของเธอ “แก… แกพยายามทำให้แม่โกรธจนตาย! แกไปเอาใบหย่าลับหลังแม่ แถมยังมอบลูกคนหนึ่งให้กับครอบครัวนั่นด้วย!”

จากนั้นเธอชี้ไปที่เซี่ยโยว่หมิงและคนอื่น ๆ “พวกเธอก็รู้เรื่องนี้เหมือนกันใช่ไหม? ทุกคนรวมหัวกันปิดบังฉันใช่ไหม?”

เซี่ยจิ่งเยว่ได้ยินจากกงเหลียนซินในภายหลังว่าเซี่ยจิ่งเฉินไปที่สำนักงานกิจการพลเรือน และเมื่อเซี่ยจิ่งเฉินกลับมา การหย่าร้างก็ทำอย่างเสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว

แน่นอนเขาไม่มีทางให้กงเหลียนซินเดือดร้อน ดังนั้นเขาจึงพูดแทนว่า “แม่ การหย่าร้างเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้วนะ มันคือข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนไม่ได้ ต่อให้ไม่มีใครในพวกเราปิดบัง มันก็ยังจะเกิดขึ้นอยู่ดี”

หวังผิงไม่เคยคาดคิดว่าแม้แต่ลูกชายคนโต ซึ่งมักจะมีความกตัญญูและเชื่อฟังที่สุดกลับพูดแทนเซี่ยจิ่งเฉิน เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเสียใจ “เอาล่ะ ตกลง พวกแกโตแล้วนี่นะ มีความคิดของตัวเอง ฉันไม่สามารถควบคุมพวกแกได้อีกต่อไป”

เซี่ยโยว่หมิงซึ่งนิ่งเงียบมาตลอดอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ลูก ๆ ของคุณโตขึ้นแล้ว คุณควรจะตระหนักเรื่องนี้ได้นานแล้วนะ ไม่ใช่ว่าคุณไม่สามารถควบคุมพวกเขาได้ แต่พวกเขาแค่มีความคิดของตัวเอง และอยากใช้ชีวิตตามที่ตนต้องการ คุณไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ไปตลอดชีวิตหรอก”

“นอกจากนี้ หากคุณให้พวกเขาทำตามความต้องการของคุณทั้งหมด แล้วผลลัพธ์คือในอนาคตพวกเขามีชีวิตที่เลวร้าย เวลานั้นพวกเขาควรจะโทษคุณหรือโทษตัวเองดีล่ะ ที่ไม่ยืนกรานในความต้องการของตัวเองตั้งแต่แรก?”

“คุณสามารถตัดสินใจแทนพวกเขาได้ แต่คุณใช้ชีวิตแทนพวกเขาได้งั้นเหรอ?”

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากการหย่าร้างของเซี่ยจิ่งเฉินทำให้เซี่ยโยว่หมิงดูแก่มากขึ้นเช่นกัน

เขาสัมผัสกระเป๋าเสื้อที่มักใส่บุหรี่ไว้เป็นนิสัยแล้วถอนหายใจ “พ่อแม่และลูกมีโชคชะตาผูกกัน แต่หน้าที่ของเราคือเลี้ยงดูพวกเขา แล้วดูพวกเขาจากไป”

“เมื่อไหร่ที่เรากำลังจะจากไป พวกเขาค่อยกลับมาส่งเรา”

“ลูกย่อมมีหลาน หลานย่อมมีเหลน และจากนั้นก็มีทายาทสืบต่อไปอีก การคิดถึงพวกเขาทั้งหมดเป็นการทำมากเกินไป ซึ่งมันจะทำให้คุณรู้สึกว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไปด้วยดีตลอด”

หวังผิงฟังคำพูดของเซี่ยโหย่วหมิง และพูดไม่ออกเป็นเวลานาน

ทุกคำพูดที่เขาพูดเหมือนเข็มแทงเข้าไปในใจเธอ

แผลใจในอดีตอันน่าเกลียดที่เธอพยายามปกปิดนั้นถูกเปิดเผยต่อหน้าทุกคน

ภาพด้านเดียวที่เธอพยายามรักษาไว้ต่อหน้าสามีและลูก ๆ มานานหลายปีก็พังทลายลง

ไม่มีใครอยากที่จะรักษารูปลักษณ์แห่งสันติภาพนี้อีกต่อไป

หญิงชราลุกขึ้นยืนราวกับว่าไม่มีเรี่ยวแรงทั่วร่างกาย “ฉันเหนื่อยนิดหน่อย ฉันขอเข้าไปพักผ่อนก่อนนะ”

ขณะที่พูด เธอก็เดินโซเซเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูลง

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท