บทที่ 297 ได้เวลามีลูก
บทที่ 297 ได้เวลามีลูก
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าอย่างเขินอาย “ได้ค่ะ”
เดิมทีเธอต้องการใช้เงินประมาณสามพันหยวนเพื่อซื้อหยกกับปี่เหลาซาน แต่ตอนนี้เธอไม่กล้าพูดเลย
ขนาดหมื่นห้าพันหกร้อยเขายังตำหนิแล้วสามพันเขาไม่ด่าเธอเลยเหรอ?
หญิงสาวเรียกเสี่ยวหลิวให้ขับรถพาปี่เหลาซานและปี่ฟู่หมานไปที่สถานีรถไฟ ซึ่งตัวเธอเองก็ไปส่งด้วยเช่นกัน
เมื่อปี่ฟู่หมานขึ้นรถไฟ เขานั่งข้างหน้าต่างและเห็นเซี่ยชิงหยวนยืนอยู่นอกชานชาลาส่งพวกเขาด้วยท่าทีไม่เต็มใจ ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับปี่เหล่าซาน “ตาเฒ่า เธอเป็นลูกสาวของคุณที่ถูกทิ้งไว้ข้างนอกหรือเปล่าเนี่ย?”
ปี่เหลาซาน “…”
เขายกมือขึ้นทำท่าเหมือนจะตบกะโหลกศิษย์รักแล้วพูดทันที “แกพูดเรื่องอะไรหะไอ้เด็กแสบ?”
ปี่ฟู่หมานรีบเอามือปกป้องศีรษะซ่อนตัวเองพร้อมพูดว่า “ก็มันจริงนี่ แต่ผู้หญิงที่ฉลาดแบบนี้ไม่ใช่ลูกสาวของคุณแน่”
ปี่เหลาซานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างโกรธ ๆ “นี่ฉันแย่ขนาดนั้นเลยรึไง?”
ปี่ฟู่หมานพูดอย่างบูดบึ้ง “คุณพูดเองนะผมไม่ได้พูด”
ปี่เหลาซานถอนหายใจ “ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากมีลูกสาวที่ฉลาดและน่ารักแบบนี้เหมือนกันนะ”
แต่น่าแปลกเพราะทันทีที่เห็นเซี่ยชิงหยวน เขาก็รู้สึกชอบเธออย่างอธิบายไม่ได้ ชายชราไม่รู้ว่ามันเป็นชะตากรรมที่พวกเขาสร้างขึ้นด้วยกันตั้งแต่ชาติปางก่อนหรือไม่
ดังนั้นด้วยความบังเอิญที่แปลกประหลาด เขาจึงมอบกำไลข้อมือหยกที่กว่าตัวเองจะได้มาอย่างยากลำบากแก่เธอ
ชายชรายังคงรู้สึกอยู่ในใจว่ากำไลข้อมือหยกนั้นควรเป็นของเธอ
เมื่อได้ยินเสียงหวูดรถไฟ เขาโบกมือให้เซี่ยชิงหยวนซึ่งอยู่นอกหน้าต่าง และเมื่อเห็นดวงตาที่จริงจังของเธอ ชายชราก็อดไม่ได้ที่จะตาแดงขึ้นมา
เมื่อเห็นแบบนี้ ปี่ฟู่หมานก็อดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้น “ไหนคุณบอกว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวของคุณไง?”
เซี่ยชิงหยวนก็วิ่งตามรถไฟพลางตะโกนบอกปี่ฟู่หมาน “ศิษย์น้อง ระวังอย่าให้อาจารย์สูบบุหรี่มากเกินไป และอย่าลืมเตือนให้เขาสวมกางเกงเพิ่มด้วยเมื่ออากาศหนาวนะ!”
ปี่ฟู่หมานโบกมืออย่างไร้อารมณ์เพื่อแสดงว่าเขารู้แล้ว
จากนั้นเขาขมวดคิ้ว “ตาเฒ่า ทำไมเธอรู้ว่าคุณชอบสูบบุหรี่และมีปัญหาเรื่องเย็นขาล่ะ?”
ปี่เหลาซานไม่แน่ใจเช่นกัน “เธอน่าจะเดาได้มั้ง”
ปี่ฟู่หมานพ่นลมหายใจแล้วหันหลังให้ปี่เหลาซาน “อยากรู้เหมือนกันว่าคุณจะปฏิเสธไปได้นานแค่ไหน!”
ปี่เหลาซานพึมพำกับตัวเอง “หรือเป็นไปได้ไหมที่ฉันมีลูกสาวจริง ๆ?”
แต่มีกับใครล่ะ?
อวิ๋นซี?
หรือไฉ่เจียว?
ไม่น่าจะใช่ชุยฮวาใช่ไหม?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ปี่เหลาซานก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
…
หลังจากไปส่งปี่เหลาซานและปี่ฟู่หมาน เซี่ยชิงหยวนไม่ได้กลับไปที่ร้านตรอกเก่า แต่กลับบ้านเพื่อทำอาหาร
ทันทีที่ใส่ข้าวลงในหม้อ กงเหลียนซินก็โทรมา
กงเหลียนซินพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ที่บ้านที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จากนั้นพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ตระกูลจางมารับเซี่ยซือถง
“เธอคงนึกภาพไม่ออกแน่ว่าพวกคนตระกูลจางคว้าแขนของถงถงแรงขนาดไหนเพื่อให้ไปกับพวกเขา คนพวกนั้นไม่สนใจเลยว่าจะทำให้เด็กเจ็บรึเปล่า ถงถงกลัวมากจนน้ำตาไหล แต่จางอวี้เจียวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลับไม่พูดอะไรสักคำ แม่จับถงถงไว้และทนไม่ไหวที่จะต้องปล่อยไป”
ผู้ใหญ่ร้องไห้ เด็กก็ร้องไห้เหมือนกัน ส่วนเด็กอีกสามคนเห็นหน้ากันก็ร้องไห้ด้วยกัน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหวังผิงที่เลี้ยงดูเซี่ยซือถงด้วยมือของเธอเอง แม้แต่กงเหลียนซินที่เป็นป้าก็ยังรู้สึกไม่สบายใจที่จะดูภาพนี้
กงเหลียนซินกล่าวต่อ “พวกตระกูลจางยังบอกด้วยว่าถ้าเราคิดถึงถงถง เราก็ควรไปเยี่ยมเธอให้บ่อยๆ และซื้อของขวัญหรืออะไรสักอย่างให้เธอทุกครั้งเวลาไปเยี่ยมด้วย”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ กงเหลียนซินก็แสดงสีหน้าดูถูก “พี่เลยบอกไปว่าเวลาปกติพวกเขาไม่เคยสนใจแท้ๆ ดังนั้นตอนนี้ก็ไม่ควรพูดเหมือนตัวเองเป็นห่วงถงถงเพื่อซ่อนความคิดไร้ยางอาย!”
เซี่ยชิงหยวนเลิกคิ้ว “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่เพิกเฉยต่อพวกเขาไปก็พอ ถ้าพวกเขาทำไม่ดีจริง ๆ หลังจากนี้พี่ก็แค่ไปพาถงถงกลับมาอยู่ที่บ้านด้วยสักสองสามวันบ่อย ๆ ก็ได้”
เราคงไม่สามารถปล่อยให้ครอบครัวนั้นดูดเลือดอีกต่อไป เหมือนตอนที่ยังไม่หย่าใช่ไหมล่ะ?
กงเหลียนซินพูดถึงการไปเมืองหลวงของมณฑลอีกครั้ง “หลังจากเรื่องนี้ พี่ใหญ่ของเธอก็ไม่ต่อต้านกับการไปเมืองหลวงมณฑลมากเหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะ แต่ในทางกลับกัน พ่อแม่กลับดูไม่ค่อยเต็มใจที่จะไปเลย”
เซี่ยโยว่หมิงและหวังผิงมีความคิดอะไรอยู่ ในฐานะลูกสะใภ้เธอยังพอเดาอะไรบางอย่างได้
เนื่องจากเหตุการณ์ของจางอวี้เอ๋อและจางอวี้เจียว มันทำให้หวังผิงแตกแยกกับเซี่ยชิงหยวนโดยสิ้นเชิง
การไปที่เมืองหลวงของมณฑลย่อมนำไปสู่การมีปฏิสัมพันธ์กับเซี่ยชิงหยวนบ่อยครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความแตกแยกระหว่างแม่และลูกสาวยังไม่ได้รับการซ่อมแซม ดังนั้นหวังผิงจึงไม่สามารถพยักหน้าได้
ตอนนี้จางอวี้เจียวไม่ได้อยู่ที่ตระกูลเซี่ย หากทั้งสองคนออกไปพร้อมกับลูก ๆ ของพวกเขา จะเหลือเพียงคู่สามีภรรยาชราและเซี่ยซือเหยียนที่อยู่บ้านเท่านั้น ซึ่งเซี่ยจิงเยว่ย่อมกังวลเรื่องการจากไป
สิ่งต่าง ๆ เข้ามาเต็มไปหมดและดูเหมือนจะเป็นทางตันอีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนเข้าใจว่ากงเหลียนซินลังเลที่จะพูด
เธอครุ่นคิด “ถ้าพี่สะใภ้กับพี่ใหญ่อยากมาที่นี่ ฉันช่วยพวกพี่หาบ้านได้นะ ส่วนพ่อ เมื่อถึงเวลาเดี๋ยวฉันโน้มน้าวเองค่ะ”
กงเหลียนซินสังเกตเห็นความผิดหวังในน้ำเสียงของเซี่ยชิงหยวน และเธอก็รีบพูดว่า “ในไร่ของบ้านเรายังมีผลผลิตที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวอีกมากน่ะ ช่วงนี้พ่อแม่เลยยังปล่อยมันไปไม่ได้ เอาเป็นว่าหลังจากปีใหม่ ฉันและพี่ใหญ่ของเธอจะลองชวนพวกเขาอีกครั้งนะ”
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้กดดันอีกฝ่ายและตอบว่า “ได้ค่ะ”
เธอรู้ว่าไม่เพียงแต่หวังผิงเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเธอยังไง แม้แต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะเข้าหน้ากับหวังผิงได้ยังไงเช่นกัน
มีสุภาษิตโบราณว่า ‘พ่อแม่ทุกคนในโลกนี้ล้วนไม่ผิด’ แต่เธอกลับไม่เห็นด้วยกับมัน
ความกตัญญูได้รับการสนับสนุนมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่บางครั้งความกตัญญูก็สามารถบดขยี้ลูกหลานจนตายได้
หลังจากเจ็บมาหลายครั้ง เธอก็ไม่อาจปราศจากความแค้นได้
ทุกครั้งที่หวังผิงทำร้ายเธอ มันก็เหมือนกับการตอกตะปูไปที่ประตู ต่อให้หลังจากนั้นไม่นานหวังผิงทำดีกับเธอ มันก็เหมือนกับการถอนตะปูออก
เธอพอใจกับความรักของแม่อย่างง่ายดายและลืมความเจ็บปวดได้อย่างง่ายดาย
แต่วันหนึ่งเธอจะค้นพบว่าแม้จะดึงตะปูออกแล้ว แต่รอยแผลที่ตะปูทำไว้นั้นไม่สามารถลบออกได้
แผลเก่าเหล่านี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่สามารถให้อภัยหรือลืมไปได้ง่าย ๆ
เซี่ยชิงหยวนยืนขึ้น ไปห้องน้ำเพื่อล้างหน้า แล้วกลับไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหาร
ช่างมันก็แล้วกัน เธอคิด
เธอจะยังคงเคารพหวังผิง แต่จะไม่เปิดใจให้หวังผิงอีก
…
ในตอนกลางคืน เซี่ยชิงหยวนนอนอยู่บนเตียงมองสมุดบัญชีของเธอด้วยสีหน้าขมขื่น
เสิ่นอี้โจวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าหญิงสาวช่างน่ารักจริงๆ
เขาเดินไปนั่งลงแล้วถามว่า “เป็นอะไรเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนวางสมุดบัญชีลงและถอนหายใจ “อาจารย์ของฉันคิดว่าฉันยากจนน่ะสิ!”
ด้วยท่าทีเศร้าโศก เห็นได้ชัดว่าคำพูดของปี่เหลาซานกระทบใจเธอมาก
เสิ่นอี้โจวหยิบสมุดบัญชีของเธอมาดูเนื้อหาในนั้นแล้วพูดว่า “คุณทำเงินได้มากกว่าหมื่นหยวนในเวลากว่าครึ่งปี ซึ่งถือว่าดีมากแล้วนะ คุณยังเด็กและมีเวลาอีกมาก เมื่อถึงเวลาผมเกรงว่าคุณจะเกลียดกองกลิ่นทองแดงด้วยซ้ำ”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ไม่ ฉันจะไม่เป็นแบบนั้นแน่นอน ใครจะไม่ชอบกับการมีเงินเยอะ ๆ ล่ะ”
เมื่อเห็นว่าเธอเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาพอพูดเกี่ยวกับเรื่องเงิน เสิ่นอี้โจวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เกรงว่าผมได้แต่งงานกับสาวน้อยผู้คลั่งไคล้เงินที่สุดแล้วนะเนี่ย”
เซี่ยชิงหยวนหันหลังกลับ นอนหงายบนเตียงแล้วดึงหน้าเขา “ใช่ ๆ มันเป็นฉันเอง น่าเสียดายที่คุณไม่สามารถเปลี่ยนใจได้แล้ว!”
ฝ่ามือใหญ่ของเสิ่นอี้โจวขับมือเธอ และมุมปากของเขายกยิ้มลึกซึ้งยิ่งขึ้น “คุณเป็นคนดีมาก ผมจะเสียใจได้ยังไง”
ขณะที่เขาพูด ชายหนุ่มก็จับมือเธอแล้วพูดว่า “ภรรยา เดือนหน้าผมจะอายุยี่สิบหกแล้วนะ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “แล้วคุณต้องการอะไรเป็นของขวัญล่ะ?”
เดิมทีเธอวางแผนที่จะไปที่เมืองกว่างโจวหลังจากย้ายไปเมืองหลวงของมณฑล แล้วเลือกของขวัญวันเกิดให้กับเสิ่นอี้โจวที่นั่น
เสิ่นอี้โจวโน้มตัวเข้าหาเธอ “ผมหมายถึง ผมไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว”
เซี่ยชิงหยวน “แล้วไงอย่างไร?”
เสิ่นอี้โจว “หลังจากผมไปตรวจร่างกายรอบนี้ เรามามีลูกกันเถอะ”