บทที่ 312 นี่ไม่ใช่การรังแก แต่มันคือความรักที่มีต่อคุณ
บทที่ 312 นี่ไม่ใช่การรังแก แต่มันคือความรักที่มีต่อคุณ
เซี่ยชิงหยวนตกใจมากจนเธอกัดไหล่ของเขา
เสิ่นอี้โจวหายใจเข้าพลางจับเอวของเธอด้วยมือข้างเดียว และมองเธอพร้อมกับขมวดคิ้ว
เซี่ยชิงหยวนกัดริมฝีปาก และรู้สึกทนไม่ไหวอีกแล้ว
แต่ขาของเธอถูกตรึงไว้ จนไม่สามารถผลักเขาออกไปได้เลย
เสิ่นอี้โจวยื่นมือออกมา แล้วคลึงหัวแม่มือบนริมฝีปากของเธอ “ผมอยากทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
หลังจากพูดจบ มือที่อยู่รอบเอวของเธอก็ลูบไล้ไปที่หัวเข่า พลันแยกขาเธอออก และเข้าหาอีกครั้ง
ชายหนุ่มโน้มตัวไปใกล้ใบหูหญิงสาวตรงหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกลัว บ้านนี้เก็บเสียงได้ดีมาก ๆ เลยล่ะ”
ดีจนไม่มีใครได้ยินเธอแล้วคิดว่ามีหนูตัวใหญ่โผล่ออกจากที่ไหนสักแห่งแน่นอน
เขาหยุดชั่วครู่ “คุณไม่จำเป็นต้องอดกลั้นอีกแล้ว”
เซี่ยชิงหยวนพึมพำทันที “คุณ…คุณนี่มันชอบรังแกฉันชัด ๆ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เสิ่นอี้โจวก็หัวเราะร่าขึ้นมา
เสื้อเชิ้ตของเขายังสวมอยู่อย่างดี กระดุมทุกเม็ดยังติดครบ เห็นได้ชัดว่ารูปลักษณ์แบบนี้ไม่น่าเป็นพวกหื่นกระหายเลย เพราะงั้นใครจะคิดว่าเขาจะรังแกเธอแบบนี้?
ดวงตาฟีนิกซ์ของเขาส่องประกายและแฝงไปด้วยความอ่อนโยน แทบจะทำเธอจมน้ำตายอยู่รอมร่อ “นี่ไม่ใช่การรังแก แต่มันคือความรักที่มีต่อคุณต่างหาก”
หลังจากพูดจบ เขาก็ก้มศีรษะและจูบเธอโดยไม่ให้โอกาสให้อีกฝ่ายได้พูด
โต๊ะทำจากไม้แพร์เนื้อดี มันทั้งหนักและแข็งแรง นอกจากการสั่นสะเทือนแล้วเสียงเอี๊ยดของโต๊ะก็ไม่มีอีกด้วย
ใบไม้บนกิ่งก้านนอกหน้าต่างปลิวไหวไปตามสายลมเบา ๆ คล้องจองกับเสียงครวญครางเบา ๆ เช่นกัน…
…
เมื่อเซี่ยชิงหยวนลงไปชั้นล่าง เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว
กระโปรงที่เธอใส่ตัวเดิมมีรอยยับเต็มไปหมด ไม่สามารถใส่ได้อีก
เสิ่นอี้หลินกลับมาจากเล่นข้างนอกพอดี ทันเวลาที่เห็นพวกเขาลงมาชั้นล่างและเสิ่นอี้หลินก็ตะโกนออกมาอย่างร่าเริง “พี่ชาย พี่สะใภ้!”
เด็กชายที่เพิ่งวิ่งเข้ามาในบ้านก็ถอยตัวกลับ และมองที่เซี่ยชิงหยวนซ้ำหลายครั้ง
เซี่ยชิงหยวนเดิมทีมีความรู้สึกผิดอยู่แล้ว จึงไม่สามารถมองเข้าไปในดวงตาที่ไร้เดียงสาของเสิ่นอี้หลินตรง ๆ ได้ “มีอะไรผิดปกติเหรอ?”
เสิ่นอี้หลินส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “ใบหน้าของพี่สะใภ้แดงมาก พี่สวยมากเลยครับ”
เซี่ยชิงหยวน “…”
เมื่อกี้นี้เธอเหงื่อแตกเต็มตัวไปหมด แล้วจะไม่ให้หน้าแดงได้ยังไงล่ะ?
แม้แต่ผิวกายก็ยังเป็นสีชมพู
เสิ่นอี้โจวยกมือขึ้นที่ปิดริมฝีปากและไอเบา ๆ “ช่วงนี้พี่สะใภ้ของนายดูดีขึ้นน่ะ”
เสิ่นอี้หลินพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “อ้อ”
เขาชี้ไปที่ใบหน้าของเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม “ป้าอู๋ก็บอกเหมือนกันนะ บอกว่าผมดูดี”
เซี่ยชิงหยวน “…”
เธอเหลือบมองโคมระย้าสีสดใสที่แขวนอยู่บนเพดาน และรู้สึกว่าไม่ต้องการเผชิญหน้ากับเสิ่นอี้หลินเล็กน้อย
มือหนึ่งของเธอกำมือของเสิ่นอี้โจวแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนอีกมือหนึ่งก็นวดขมับตัวเอง “ในอนาคตตอนเรามีลูก แล้วถ้าเป็นเด็กผู้ชาย เขาคงจะถูกทุบตีไปพร้อมกับอาเล็กของเขาแน่”
พอได้ยินแบบนั้น รอยยิ้มบนริมฝีปากของเสิ่นอี้โจวยิ่งกว้างขึ้น
เขาลูบศีรษะเซี่ยชิงหยวนอย่างสบายใจ “ไม่เป็นไรหรอก การที่เด็กซน มันเป็นเรื่องธรรมชาติน่ะ”
เสิ่นอี้หลินเอียงหัว “พี่ชายกับพี่สะใภ้กำลังพูดถึงเรื่องอะไรเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวเดินลงบันไดแล้วลูบศีรษะน้องชายตัวเอง “พี่สะใภ้ชื่นชมที่นายน่ารักน่ะ”
ดวงตาของเสิ่นอี้หลินเป็นประกายขึ้นมาทันที “ขอบคุณครับพี่สะใภ้!”
หลังจากพูดแล้วเขาก็วิ่งไปที่ห้องอาหารอย่างเขินอาย
เสิ่นอี้โจวมองย้อนกลับไปที่เซี่ยชิงหยวน พลางยื่นมือออกไป “ไปกินเกี๊ยวกันเถอะ”
เซี่ยชิงหยวนจ้องเขม็งเขาครู่หนึ่ง แต่ก็ยอมยื่นมือออกไปหาบราวนี่ออนไลน์
ในขณะที่รับประทานอาหาร เซี่ยชิงหยวนก็นึกถึงเรื่องที่เธอต้องไปร่วมกินอาหารค่ำกับที่ทำงานของเสิ่นอี้โจว เธอถามว่า “คุณช่วยบอกรายละเอียดเกี่ยวกับงานตอนค่ำที่เราจะต้องไปได้ไหม?”
เสิ่นอี้โจวอธิบายทันที “เลขาธิการหยวนเชิญพวกเราไปกินอาหารเย็นที่บ้านของเขาในวันพรุ่งนี้น่ะ ฉู่ซิงอวี่กับหลิงเยี่ยก็จะไปเหมือนกัน”
หยวนหงหลี่แก่แล้วและจะเกษียณในปีหน้า ซึ่งการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนรุ่นเก่าที่กำลังจะจากไปกับคนรุ่นใหม่ที่ก้าวขึ้นมาแทนนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ
นอกจากนี้ เดิมทีฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ยถูกย้ายไปยังเมืองเตียนเฉิงผ่านทางเขา และตอนนี้พวกเขากลับมาแล้ว พวกเขาย่อมต้องไปร่วมมื้ออาหารด้วยกัน
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าเพื่อแสดงความเข้าใจ
ตราบใดที่เธอไม่ต้องไปพบฉีจิ่นจืออะไรนั่น ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา
…
หลังอาหารเย็น เซี่ยชิงหยวนกลับไปที่ห้องหนังสือเพื่อร่างแบบการตกแต่งร้านอาหารเย็นต่อ
ฤดูหนาวในมณฑลอวิ๋นจะเย็นกว่าในเมืองเตียนเฉิง หากเปิดช้ากว่านี้อาหารเย็นจะขายได้ยาก
ท้ายที่สุดแล้วใคร ๆ ก็ชอบกินอาหารร้อน ๆ ในฤดูหนาว
ร้านของเธอไม่ใช่ประเภทที่ซื้อแล้วกินในร้าน แล้วเธอจะทำยังไงเพื่อชดเชยการขายอาหารเย็นไม่ได้ในฤดูหนาวล่ะ?
ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกาย เธออาจจะทำเครื่องในเนื้อวัวและต้มหัวไชเท้าได้ก็ได้!
เมื่อก่อนตอนเธออยู่ที่เมืองกว่างโจว ที่นั่นมีหม้อเครื่องในเนื้อวัวอยู่ตามท้องถนนตลอดทั้งปี
โดยปกติแล้วมักจะเป็นหญิงชราเข็นรถเข็น โดยมีเตาถ่านไฟลุกอยู่ด้านล่าง และหม้อเหล็กขนาดใหญ่ด้านบน ซึ่งภายในหม้อมีซุปเดือดที่เต็มไปด้วยเครื่องในกับเนื้อตุ๋น เป็นเนื้อที่แทบจะละลายตั้งแต่เอาเข้าปาก แถมยังมีหัวไชเท้าที่รสชาติกลมกล่อมจากน้ำซุปที่ชุ่มฉ่ำ
เมื่อตอนชาติที่แล้วที่เธอออกมาอยู่คนเดียวแล้วเช่าบ้านอยู่ ข้างบ้านเช่าของเธอมีคุณยายข้างบ้านที่ทำต้มเครื่องในวัวและหัวไชเท้าเก่งเป็นพิเศษ
ต้มเครื่องในเนื้อวัวและหัวไชเท้าที่หญิงชราทำนั้นมีรสชาติดั้งเดิมมาก ในช่วงฤดูหนาวที่หนาวเย็นและเปียกชื้นในเมืองกว่างโจว เธอชอบมากที่จะซื้ออาหารร้อน ๆ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องในเนื้อวัวและหัวไชเท้า
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
นี่มันก็เป็นเวลานานแล้วที่เธอไม่ได้กินเลย
เซี่ยชิงหยวนเขียนสูตรต้มเครื่องในเนื้อวัวและหัวไชเท้าที่คุณยายคนนั้นเคยมอบให้เธอ
เครื่องในเนื้อวัวในมณฑลกวางตุ้งมักจะมีรสเค็มและหวาน เธอจึงต้องปรับรสชาติตามความต้องการของชาวมณฑลอวิ๋นสักหน่อย
อย่างใส่น้ำตาลกรวดน้อยลง และใส่เครื่องเทศบางชนิดอย่างพริกแห้งลงไป
นอกจากนี้ในการทำน้ำจิ้ม เธอก็ต้องปรับรสชาติให้ถูกปากคนของที่นี่ด้วย
เธอคิดดูอีกครั้ง มีลูกชิ้นต่าง ๆ อย่าง ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นเห็ด ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นเนื้อวัว…ใส่ลงไปต้มรวมกันได้
ในความทรงจำของเธอ ลูกชิ้นหมูและลูกชิ้นเนื้อเป็นอาหารพิเศษจากภูมิภาคเฉาซ่านของมณฑลกวางตุ้ง ลูกชิ้นทำมือต่าง ๆ มีเนื้อนุ่มและชุ่มฉ่ำเป็นพิเศษ
หากนำไปใส่ในซุปเครื่องในเนื้อหอม ๆ รสชาติจะสุดยอดมาก
แต่เมื่อนึกถึงราคาเนื้อวัวที่ยังสูงอยู่ เธอจึงขีดฆ่าลูกชิ้นเนื้อวัวด้วยความทุกข์ใจ
เฮ้อ…เก็บลูกชิ้นวัวไว้กินเองดีกว่า
เซี่ยชิงหยวนเขียนมันลงอย่างขะมักเขม้นตามความทรงจำของเธอ
ไม่รู้ว่าระยะเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ สีหน้าของเธอก็ดูพอใจมาก
เสิ่นอี้โจวเพิ่งอาบน้ำเสร็จและก็เข้ามาในห้อง เมื่อเห็นรอยยิ้มที่หุบไม่ลงของภรรยา เขาจึงถามว่า “พอคิดถึงร้านแล้วคุณมีความสุขมากเลยเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันแค่คิดว่าจะขายอะไรในร้านดีน่ะ”
เสิ่นอี้โจวเดินเข้ามาพลางเช็ดผม “คิดได้แล้วเหรอ?”
เซี่ยชิงยวนพยักหน้า “อื้ม”
เธอชี้ไปยังสูตรที่เพิ่งเขียนว่า “ต้มเครื่องในวัวกับหัวไชเท้า ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นปลา แล้วก็อย่างอื่นด้วย”
เมื่อมองดูท่าทางที่สดใสของเซี่ยชิงหยวนแล้ว เสิ่นอี้โจวก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปบีบแก้มของเธอ “มันเยี่ยมมาก”
เซี่ยชิงหยวนปัดป้องใบหน้าของเธอแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้ฉันจะทำอาหารให้คุณนะ”
แต่เมื่อเธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ในมื้อเย็นพรุ่งนี้จะต้องไปบ้านของหยวนหงหลี่ เธอก็ส่ายหัว “ไม่ได้สิ พรุ่งนี้เราต้องไปกินมื้อค่ำ”
เสิ่นอี้โจวนั่งข้างเธอแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้ผมจะกลับมากินอาหารกลางวันที่นี่นะ”
ร้านจะเปิดเร็ว ๆ นี้แล้ว เธอต้องรีบเตรียมอาหารต่าง ๆ ที่สามารถขายได้ ซึ่งแน่นอนว่าเขาอยากสนับสนุนภรรยาอยู่แล้ว
เซี่ยชิงหยวนลุกขึ้น แล้วนั่งคร่อมเขาพลันโอบกอดคอเขา “ขอบคุณนะคะ”
เสิ่นอี้โจวถือโอกาสโอบกอดเธอด้วยเช่นกัน “เช็ดผมให้ผมหน่อยสิ?”
เซี่ยชิงหยวนไม่ปฏิเสธ มือหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาและกำลังจะยืนขึ้น
แต่เสิ่นอี้โจวกลับจับเธอไว้ เสียงของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังโดยที่เธอไม่รู้ตัว “นั่งลงแล้วเช็ดให้ผมแบบนี้แหละ”