บทที่ 313 ไม่ได้มึนงงแต่ควบคุมตัวเอง
บทที่ 313 ไม่ได้มึนงงแต่ควบคุมตัวเอง
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้สงสัยเขา ดังนั้นเธอจึงนั่งเช็ดผมให้ทั้งแบบนั้น
เสิ่นอี้โจวมีรูปร่างสูง เซี่ยชิงหยวนจึงต้องพยายามยืดแขนของตัวเอง
เมื่อเขาสังเกตเห็นสิ่งนี้ จึงก้มตัวลงมาหาเพื่อที่เธอจะเช็ดผมเขาได้ง่ายขึ้น
ด้วยวิธีนี้ ทั้งสองจึงใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เท่าที่เสิ่นอี้โจวมองเห็น ภายใต้ปกเสื้อของเธอเป็นผิวพรรณขาวนวล และหลังจากเขาหายใจเข้า มันก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมอบอวลอยู่เต็มจมูก
วันนี้เซี่ยชิงหยวนสวมชุดนอนแขนยาวสไตล์ตะวันตกสีขาว ซึ่งเหล่าไต้พาเธอไปเลือก
ชุดนี้จะดูหลวมหน่อย แต่เข้าทรงในจุดที่ควรเน้น เผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าของผู้หญิง และด้วยการเคลื่อนไหวของเธอ เขาจึงสามารถมองเห็นอะไรได้หลาย ๆ อย่าง
เสิ่นอี้โจวรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเพลิดเพลินกับการเช็ดผมของเซี่ยชิงหยวนได้อีกต่อไป…
จิตใจเขาเริ่มฟุ้งซ่าน
แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่ได้เหม่อลอยอีกต่อไปแล้ว แต่เขารู้สึกไม่สบายตัวจริง ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอแบบนี้
เซี่ยชิงหยวนกำลังช่วยเสิ่นอี้โจวเช็ดผมของเขา และเธอรู้สึกว่าอุณหภูมิบนอกของตัวเองเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อมองลงไป หญิงสาวพบว่าปลายจมูกของเสิ่นอี้โจวนั้นอยู่ห่างจากกายของเธอเพียงหนึ่งหรือสองเซนติเมตรเท่านั้นเอง
เซี่ยชิงหยวนหดตัวกลับโดยไม่รู้ตัว
ทว่าเสิ่นอี้โจวกลับโอบกอดหลังของเธอไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว
เสิ่นอี้โจวมองภรรยาด้วยดวงตาที่ร้อนแรง “ภรรยาของผม ไม่ต้องเช็ดผมแล้วล่ะ เราเข้าห้องนอนกันเถอะ”
แน่นอนว่าเซี่ยชิงหยวนปฏิเสธ “ไม่ ผมของคุณยังไม่แห้งเลยนะ ถ้าคุณนอนทั้งแบบนี้ ตื่นขึ้นมาคุณจะปวดหัวเอานะ”
“ไม่สำคัญหรอก” เสิ่นอี้โจวอุ้มเธอขึ้นแล้วพูดว่า “เช็ดไปก็เท่านั้น เพราะเดี๋ยวก็เปียกอีก”
จากนั้นเซี่ยชิงหยวนก็ตระหนักได้ว่าเขาหมายถึงอะไร “มันยังเปียกอยู่นะ!”
ตอนนี้เธออยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้ว พลางจ้องมองที่ขาของตัวเอง “บ่ายวันนี้คุณก็เพิ่งทำไปเอง!”
เสิ่นอี้โจวก้มลงมาเพื่อจูบเธอ “คุณจำไม่ได้เหรอว่าคุณพูดว่าคืนนี้ให้ทำซ้ำอีกครั้งน่ะ”
เซี่ยชิงหยวน “!”
นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอหมายถึง ไม่เข้าใจรึไง?
หลังจากนั้นเสิ่นอี้โจวก็พาเธอไปห้องนอนแล้ววางเธอบนเตียงอย่างรวดเร็ว
ผ้าเช็ดตัวที่ห้อยอยู่บนไหล่ของเขาถูกโยนทิ้งอย่างไม่แยแส และเขาก็โน้มตัวเข้าหาเธอ
แต่แล้วเซี่ยชิงหยวนก็ต้องรู้สึกงุนงง เมื่อได้ยินเสิ่นอี้โจวพูดว่า “เดี๋ยววันมะรืนนี้ไปโรงพยาบาลกันเถอะ”
เธอพยักหน้าเบา ๆ “อื้ม”
เสิ่นอี้โจวพูดทิ้งท้าย “แต่ไม่ใช่แค่นั้น ผมจะเอาของพวกนั้นกลับมาบ้านด้วยสักสองสามกล่อง”
…
เช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยชิงหยวนและหลินตงซิ่วติดตามป้าอู๋ไปที่ตลาดสด ในขณะที่เสิ่นอี้โจวพาเสิ่นอี้หลินไปที่โรงเรียนใหม่เพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม
สิ่งที่พวกเซี่ยชิงหยวนไปในวันนี้คือตลาดครบวงจรที่พวกเธอไม่ได้ไปเมื่อวานนี้
ป้าอู๋อธิบายว่า “ถนนอาหารที่เราไปเมื่อวานก็สามารถเดินไปถึงตลาดที่เรากำลังจะไปได้เหมือนกันค่ะ แต่เป็นการเดินบนถนนสายเล็ก ซึ่งวันนี้เราจะใช้ถนนสายหลักและใกล้กว่า”
ไม่นานนักทั้งสามคนยืนก็อยู่ใต้ป้ายสูงที่เขียนว่า : ตลาดเกษตรกรครบวงจรมณฑลอวิ๋น
เมื่อยืนอยู่ใต้ซุ้มประตู เซี่ยชิงหยวนก็ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมอยู่ข้างใน ฟังดูมีชีวิตชีวามาก
เมื่อเดินเข้าไปอีกจะพบร้านขายของมากมายสองข้างทาง ช่วงแรกจะเป็นร้านขายเครื่องเทศและของแห้งเป็นหลัก พอเดินเข้าไปอีกจะเป็นแผงขายผักและผลไม้ที่ด้านซ้ายและเนื้อแดงทางด้านขวา ด้านหลังแผงยังมีหมู วัว และแกะที่น่าจะเพิ่งถูกเชือดได้ไม่นานถูกแขวนในแนวตั้งทั้งตัวด้วย
แม้แต่เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองด้วยดวงตาที่เป็นประกายเมื่อเห็นมัน
ชาติก่อน เมื่อตอนเป็นเด็กฝึกงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองกว่างโจว เธอเคยได้ไปตลาดกับเจ้านายเพื่อซื้อของสดด้วย
ยังมีตลาดสดหลายประเภทในเมืองกว่างโจว แต่เมื่อเทียบกับในมณฑลอวิ๋นแล้วขนาดจะเล็กกว่ามาก
ในเมืองกว่างโจวและมณฑลอวิ๋น อาจกล่าวได้ว่าคนหนึ่งเป็นผู้หญิงที่ได้รับการขัดเกลาอย่างมาก และอีกคนเป็นผู้ชายที่หยาบกร้าน ซึ่งร่างใหญ่อกสามศอก
ในปีต่อ ๆ ไปเมื่อชีวิตผู้คนมั่งคั่งมากขึ้น ตลาดก็มีอุปทานล้นตลาด แต่ผู้คนในเมืองกว่างโจวก็ยังคงคำนึงถึงเรื่องงบประมาณในการซื้ออาหาร โดยปกติแล้วพวกเขาจะซื้อเฉพาะอาหารในวันนั้น และซื้อในปริมาณไม่มาก กระทั่งการขอให้เจ้าของร้านช่วยหั่น เลาะกระดูกหรือสับเนื้อก็เป็นเรื่องปกติ หรือบางทีเจ้าของร้านจะสอนวิธีทำให้ด้วย
ป้าอู๋พูดขึ้น “คุณนายคะ ที่นี่คือบริเวณขายเนื้อและผักค่ะ คุณนายกับคุณนายหญิงควรระวังสักหน่อยนะคะ เพราะพื้นจะลื่นกว่าบริเวณอื่นค่ะ”
ขณะที่พูด เธอก็ถือตะกร้าไม้ไผ่อยู่ในมือและนำทาง ขณะที่เซี่ยชิงหยวนกับหลินตงซิ่วติดตามอยู่ข้างหลัง
เมื่อเทียบกับยุคหลัง ๆ หมูในเวลานี้จะได้รับอาหารกับสารเร่งต่าง ๆ น้อยกว่ามาก และมีวงจรการเจริญเติบโตที่ยาวนานกว่า ไขมันมีสีขาวเป็นมันเงา แม้แต่หนังหมูก็ยังหนากว่าอีกด้วย
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่เนื้อบนแผงขายเนื้อด้วยความรู้สึกตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก
ใช่ มันเป็นความตื่นเต้น
ในสายตาคนชอบทำอาหาร นี่คือวัตถุดิบที่น่าอร่อย
ในสายตาของเซี่ยชิงหยวน นี่คือลูกชิ้นที่จะถูกเคลือบไปด้วยซุป
หมูคุณภาพดี เมื่อเอาไปทำลูกชิ้นจะยิ่งอร่อยมากขึ้น
ป้าอู๋มักจะมาซื้อของสดที่นี่ ดังนั้นเมื่อเดินผ่านแผงขายของที่คุ้นเคย เจ้าของร้านหลายคนก็จะทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม
ถึงอย่างนั้นป้าอู๋ก็แค่ยิ้มให้กับพวกเขาเท่านั้น ไม่พาเซี่ยชิงหยวนเดินเข้าไป แต่ถ้าเซี่ยชิงหยวนหยุดดูแผงขายไหนสักแห่ง เธอก็จะยืนข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ และรอเซี่ยชิงหยวน
เซี่ยชิงหยวนเข้าใจราคาในส่วนของเนื้อหมูคร่าว ๆ แล้ว โดยหมูหนึ่งจินราคาประมาณสามเหมา ทุกวันนี้ผู้คนในเมืองไม่ขาดน้ำมันกับน้ำเหมือนเมื่อก่อน และพวกเขาจะขอให้เจ้าของร้านทำการแล่เนื้อเพื่อเอาไขมันออกให้มากหน่อย
ในท้ายที่สุด เซี่ยชิงหยวนก็ไปยังแผงที่เพิ่งทักทายป้าอู๋ ไม่เพียงเพราะเนื้อของพวกเขาขายราคาหนึ่งหยวนยี่สิบห้าเหมาเท่านั้น แต่ยังเพราะเนื้อของร้านนี้มีคุณภาพดีอีกด้วย
เธอพูดกับป้าอู๋ว่า “ป้าอู๋คะ เที่ยงนี้เราซื้อหมูสามชั้นกันเถอะ แล้วถามเจ้าของร้านให้หน่อยนะคะว่า ถ้าเราจะซื้อหมูเป็นประจำประมาณสิบจินต่อวัน เขาสามารถลดราคาให้ถูกกว่านี้ได้ไหมคะ”
ใบหน้าของป้าอู๋เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
นี่คือการเปิดใจยอมรับตัวเซี่ยชิงหยวน
เธอซื้อหมูสามชั้น โดยเจ้าของร้านก็เลือกชิ้นใหญ่และหนาให้เป็นพิเศษ เขายังกลับข้างในออกให้ดูเพื่อแสดงให้เธอเห็นว่าไม่มีแผลหรือรอยแดงด้วย
ป้าอู๋ทำตามคำแนะนำของเซี่ยชิงหยวนและถามเจ้าของร้านเกี่ยวกับราคา ก่อนจะหันกลับมาบอกเซี่ยชิงหยวนว่า “คุณนายคะ เจ้าของร้านบอกว่าถ้าคุณซื้อสิบจินต่อวัน เขาจะลดให้สุด ๆ อยู่ที่หนึ่งหยวนสองเหมาต่อจิน ไม่เกินนั้นค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ป้าอู๋ช่วยบอกเจ้าของร้านทีว่าเราจะกลับมาซื้อแบบนั้นในอีกสองวันนะคะ”
ในความเป็นจริง เวลานี้ผู้ค้าปลีกไม่ค่อยต่อรองราคา แต่เธอทำธุรกิจด้วยการซื้อสินค้าจำนวนมาก ดังนั้นเธอจึงต้องเจรจาราคาเป็นธรรมดา
หลังจากสั่งหมู เซี่ยชิงหยวนขอให้ป้าอู๋พาเธอไปที่บริเวณขายเนื้อวัวและเนื้อแกะ
ในความรู้สึกของเซี่ยชิงหยวน คนในมณฑลยูนนานชื่นชอบเนื้อวัวเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่ร่วมกัน ผู้คนมักจะตั้งหม้อใบใหญ่ไว้ข้างถนนโดยมีฟืนเผาอยู่ด้านล่าง ในหม้อใบใหญ่มีกระดูกเนื้อวัวพร้อมเนื้อ แล้วจึงเติมเครื่องปรุงง่าย ๆ เช่น เฉ่ากั่ว*[1] สะระแหน่ และพริกต่าง ๆ ลงไปแล้วเคี่ยวไว้ หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้ซุปกระดูกวัวน้ำข้นที่แสนอร่อย
คนที่ผ่านไปมาจะซื้อซุปกระดูกวัวหอม ๆ เมื่อได้เห็น จะเห็นว่าในชามจะมีกระดูกวัวและโรยผักชีสับจำนวนหนึ่ง ซึ่งหอมอร่อยมาก
เซี่ยชิงหยวนกลืนน้ำลายขณะที่มองไปยังเนื้อวัวติดกระดูกทั้งแถว ซึ่งแขวนอยู่บนตะขอเหล็กสีเงิน
เธอตบมือตัวเอง อดทนไว้ก่อน…
เมื่อทำต้มเครื่องในวัวก็สามารถใช้กระดูกวัวทำเป็นซุปได้ แต่การซื้อกระดูกวัวทั้งแถวนั้นคงจะเกินไปจริง ๆ
เมื่อเธอกำลังจะถามราคา ก็กลับเห็นคนสองสามคนเดินเข้ามา
พวกเขาสวมเครื่องแบบ สวมหมวกพร้อมกับมีไม้อยู่ในมือ และคนในเครื่องแบบเหล่านั้นก็เดินมาหาพวกเธอในขณะที่มองไปที่แผงขายของ
ชายที่เดินนำหน้ากลุ่มเจ้าหน้าที่แต่งตัวโอ่อ่าและไร้ระเบียบที่สุด โดยกระดุมสองเม็ดบนถูกเปิดออก ซึ่งก็คือฉีจิ่นจือ
ตาของเซี่ยชิงหยวนพลันกระตุก
ลูกชายของฉีหยวนซานคนนี้มาตรวจตราตลาดสดทำไมเนี่ย?
*[1] เฉ่ากั่ว (草果) มีฤทธิ์สลายความชื้น ขับความเย็น แก้ความเย็นกระทบกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้เกิดอาการปวดท้อง จุกเสียด แน่นท้อง อาเจียน ท้องเสีย มีฤทธิ์ขับเสมหะและยังแก้ไข้มาลาเรียได้
————————————