ตอนที่ 278 มาแล้วรีบไป
ตอนที่ 278 มาแล้วรีบไป
ฉินมู่หลานได้ยินเหลียงถงกล่าวดังนั้น สีหน้าก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ
“ลุงเหลียง คุณอยากจะช่วยออกแบบบ้านให้พวกเราเหรอคะ?”
เหลียงถงยกยิ้มแล้วพยักหน้าพลางเอ่ยขึ้น “ใช่ครับ ถึงอย่างไรก็ช่วยสอนเคอวั่งนอกสถานที่ได้ด้วย”
“แล้วคุณป้าล่ะคะ ช่วงนี้คุณป้าต้องพักผ่อนอยู่ที่บ้านอย่างเต็มที่” ฉินมู่หลานรู้สึกเกรงใจมากที่จะขอให้เหลียงถงมาช่วย เพราะโจวเหยียนก็เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นาน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหลียงถงก็ยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “เรื่องนี้คุณไม่ต้องห่วงหรอกครับ ภรรยาของผมมีคนคอยช่วยดูแล อันที่จริงแล้วหล่อนก็เป็นคนเอ่ยเตือนผมเอง ว่าผมเป็นอาจารย์ของเคอวั่ง หากปล่อยเอาไว้นานเดี๋ยวจะไม่ได้สอนอะไรเขาเลย”
ขณะที่ฉินมู่หลานต้องการจะพูดอะไรอีก เหลียงถงก็ยิ้มแล้วโบกมือก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลาน ต่อไปลุงจะเรียกเธอแบบนี้แล้วกันนะ ลุงตัดสินใจแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเธอสะดวก ก็พาลุงไปบ้านหลังนั้นตอนนี้เลย”
เมื่อเห็นว่าเหลียงถงตัดสินใจแล้ว ฉินมู่หลานก็ไม่พูดอะไรมาก แล้วพาเขาไปที่บ้านหลังนั้นด้วยตัวเอง
ฉินเคอวั่งรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นเหลียงถง
“อาจารย์ มาได้ยังไงครับ”
เหลียงถงได้ยินเช่นนี้ ก็ยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “แน่นอนว่าฉันมาที่นี่เพื่อสอนเธอ เพราะสำหรับเธอกับฉันยังไงก็เป็นอาจารย์กับศิษย์ จะให้เธอไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยไม่ได้หรอก”
“เอ๊ะ? สอนผม?”
ฉินเคอวั่งนิ่งไปพักหนึ่ง ช่วงนี้เหลียงถงอารมณ์ดี จึงอธิบายไปตามตรง หลังจากนั้นก็บอกว่า “ตรงนี้ยังไม่ต้องเริ่มงานหรอก เอาไว้วาดภาพออกแบบเสร็จแล้วค่อยเริ่มงาน”
ในตอนนี้เซี่ยเหวินปิงก็เดินเข้ามาด้วย ได้ยินสิ่งที่เหลียงถงเพิ่งพูดจึงทราบว่าคนผู้นี้คืออาจารย์ของฉินเคอวั่ง นอกจากนี้เขายังเป็นสถาปนิกที่เก่งกาจมากด้วย จึงยิ้มแล้วเดินมาหาข้างหน้า “สวัสดีครับ สหายเหลียง”
ฉินมู่หลานที่อยู่ด้านข้างถือโอกาสแนะนำ “ลุงเหลียงคะ นี่คือเซี่ยเหวินปิงพ่อสามีของฉันเอง ส่วนนี่คือเซี่ยเจ๋อเหว่ยพี่ใหญ่ของฉันค่ะ”
ขณะพูดก็แนะนำให้เหลียงถงรู้จักกับสองพ่อลูกตระกูลเซี่ย
เหลียงตงได้ยินว่าเซี่ยเหวินปิงเป็นพ่อสามีของฉินมู่หลาน ก็ยกยิ้มแล้วกล่าวทักทายตามอัธยาศัย “สวัสดีครับ สหายเซี่ย”
เซี่ยเหวินปิงได้ยินว่าเหลียงถงจะมาวาดรูปออกแบบบ้านให้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสงวนท่าที “สหายเหลียง แบบนั้นจะไม่รบกวนคุณเกินไปเหรอครับ”
เหลียงถงยิ้มแล้วโบกมือ ก่อนจะบอกกล่าว “ไม่รบกวนหรอก” หลังจากนั้นเขาก็มองมู่หลานแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “มู่หลาน เธอกลับไปก่อนเถอะ พวกเราอยู่ที่นี่ไม่เป็นไรกันหรอก”
เซี่ยเหวินปิงก็ยกยิ้มพยักน้าแล้วบอกเช่นกัน “ใช่แล้วมู่หลาน เธอกลับก่อนเถอะ ที่นี่มีพวกเราแล้ว”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะคะ”
ฉินมู่หลานเห็นว่าเหลียงถงอยากจะอยู่ต่อจริง ๆ และได้เริ่มพูดคุยกับเซี่ยเหวินปิงรวมถึงคนอื่น ๆ แล้ว ก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก แล้วกลับไปทันที
หลังจากฉินมู่หลานมาถึง เหยาจิ้งจือก็อดถามไม่ได้ “มู่หลาน อาจารย์ของเคอวั่งจะช่วยออกแบบให้จริงหรือ นี่…จะไม่เป็นการรบกวนเขามากเกินไปใช่ไหม”
“ลุงเหลียงตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้เป็นตามนั้นเถอะค่ะ แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปตรวจชีพจรของคุณป้าที่บ้านของพวกเขาด้วย แล้วจะทำยาที่เหมาะกับคุณป้าให้ค่ะ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานวางแผนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เหยาจิ้งจือก็อดยิ้มไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “เธอนี่เป็นนักวางแผนตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ”
ฉินมู่หลานถามเรื่องของหลี่เสวี่ยเยี่ยนแทน “พี่สะใภ้กับเสี่ยวอวี๋อยู่ที่บ้านตระกูลเหยาเป็นอย่างไรบ้างคะ จริง ๆ แล้วถ้าพวกเขาเบื่อ ก็มาที่นี่ช่วงกลางวันได้นะคะ”
พูดถึงลูกสะใภ้คนโตกับหลานชายคนโต สีหน้าของเหยาจิ้งจือก็ดูแปลกไปนิดหน่อย “พวกเขาไม่เบื่อนักหรอก ไม่รู้ว่าเสวี่ยเยี่ยนเข้ากับคุณนายได้ดีกว่าหรือยังไง ทั้งสองดูสนิทกันมากเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “เป็นแบบนี้เองเหรอคะ สงสัยเป็นเพราะพี่สะใภ้ใหญ่พูดเก่งมาก”
ถึงอย่างไรเธอกับคุณนายเหยาก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกันมากนัก
“ฉันดูคุณนายท่านแล้ว ดูเหมือนท่านจะชอบเสวี่ยเยี่ยนกับเสี่ยวอวี๋มาก เพราะฉะนั้นพวกเขาไม่เบื่อกันหรอกถ้าอยู่ที่บ้านตระกูลเหยาน่ะ”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ทันใดนั้นก็มีเสียงพูดพล่ามดังมาจากเปล ฉินมู่หลานยกยิ้มระบายเต็มใบหน้า ก่อนจะเดินตรงไปที่เปลแล้วอุ้มเฉินเฉินที่ตื่นแล้วขึ้นมาก่อน “ลูกตื่นแล้วเหรอ หิวแล้วใช่ไหมจ๊ะ”
เมื่อเด็กคนหนึ่งตื่นขึ้นมา อีกคนก็ตื่นด้วยเช่นกัน เหยาจิ้งจือจึงยกยิ้มแล้วเดินไปอุ้มชิงชิงขึ้นมาเช่นกัน “เจ้าตัวเล็กนี่ก็ตื่นเหมือนกันเหรอ พวกหลานสองคนพี่น้องนี่เหมือนกันเลยนะ”
เด็กทั้งสองคนหิวมากจริง ๆ ฉินมู่หลานจึงรีบให้นมลูก หลังจากนั้นเธอกับเหยาจิ้งจือก็อุ้มลูกทั้งสองคน เล่นกับพวกเขาสักพัก จนกระทั่งเริ่มเย็น ฉินเคอวั่งกับเซี่ยเหวินปิงก็มาแล้ว
ฉินมู่หลานเห็นเช่นนี้ ก็อดเอ่ยถามไม่ได้ “เคอวั่ง แล้วอาจารย์นายล่ะ?”
“อาจารย์กลับบ้านแล้วครับ”
“ทำไมนายไม่เชิญอาจารย์มากินข้าวที่บ้านก่อนเล่า”
ไม่รอให้ฉินเคอวั่งได้พูด เซี่ยเหวินปิงก็ได้อธิบายก่อนแล้ว “อาจารย์เหลียวรีบร้อนจะกลับบ้าน บอกว่าคงกินด้วยที่นี่ไม่ได้”
“อย่างนี้นี่เอง ตอนแรกฉันกะจะบอกท่านว่าพรุ่งนี้จะไปหาที่บ้าน แต่คุณป้าคงอยู่บ้านอยู่แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปหา” ฉินมู่หลานบอกกล่าวแล้วเอ่ยบอกทั้งสองให้ไปกินข้าวอีกครั้ง
เซี่ยเหวินปิงก็เห็นว่าเจี่ยงสือเหิงยังไม่กลับมา ก็อดเอ่ยถามไม่ได้ “มู่หลาน ตอนนี้พ่อบุญธรรมของเธอยุ่งมากเลยเหรอ ทำไมถึงไม่กลับมาบ้านเลย”
“พ่อบุญธรรมกำลังยุ่งมากค่ะ เมื่อสองวันก่อนเขาโทรศัพท์มาบอกฉันแล้ว”
เซี่ยเหวินปิงได้ยินเช่นนี้ก็พูดต่อ “ดูเหมือนว่างานของสือเหิงจะไม่ง่ายเลยนะ ฉันดูแล้วเหมือนจะลืมวันลืมคืนไปเลย”
เหยาจิ้งก็พยักหน้าเห็นด้วย และรู้สึกสงสัยว่าสามีกับคนอื่น ๆ ทำอะไรกันบ้างหลังจากที่อาจารย์ของฉินเคอวั่งไปถึง จึงอดถามไม่ได้ “อาจารย์ของเคอวั่งเริ่มวาดภาพออกแบบแล้วใช่ไหม?”
เมื่อพูดถึงเหลียงถง สีหน้าของเซี่ยเหวินปิงก็ตื่นเต้นขึ้นมา
“อาจารย์ของเคอวั่งเก่งมากจริง ๆ อธิบายทุกอย่างที่เห็นได้หมดเลย เขามีความรู้เยอะมากจริง ๆ วันนี้ก็พาพวกเราไปทำความเข้าใจกับบ้านสี่ประสานหลังนั้นก่อน จากนั้นก็พาพวกเราวัดพื้นที่กัน”
เซี่ยเหวินปิงรู้สึกตื่นเต้นมาก ฉินเคอวั่งเองก็รู้สึกตื่นเต้นมากพอกัน ซ้ำยังพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะพูดขึ้น “ใช่ครับ อาจารย์เก่งมากจริง ๆ วันนี้เขาสอนอะไรให้ผมเยอะแยะเลย ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับพื้นฐานทางสถาปัตยกรรมด้วยครับ”
เมื่อเห็นทั้งสองมีท่าทางเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็อดยิ้มไม่ได้ก่อนจะพูดขึ้น “พ่อ เคอวั่ง ถ้าอย่างนั้นทุกคนก็คอยตามติดและเรียนรู้จากลุงเหลียงให้มาก ๆ นะคะ”
หลังจากหลายคนพูดคุยกันเสร็จแล้วก็กินอาหารเย็นกัน เหยาจิ้งจือยังคงอยู่ที่นี่ต่อ ส่วนเซี่ยเหวินปิงกลับไปที่บ้านตระกูลเหยาเพียงคนเดียว
เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานกับฉินเคอวั่งก็มุ่งหน้าไปบ้างของเหลียงถงตั้งแต่เช้าตรู่
เหลียงถงกำลังจะออกไปข้างนอกพอดี เมื่อเห็นสองพี่น้องฉินมู่หลานกับฉินเคอวั่งมาหาก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย “มู่หลาน เคอวั่ง พวกเธอมาทำอะไรกัน”
ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “ฉันมาเยี่ยมคุณป้าค่ะ”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานมาหาถึงที่นี่เพื่อเยี่ยมภรรยา แววตาของเหลียงถงก็เต็มไปด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบพาคนเข้ามา
โจวเหยียนดีใจมากที่ได้พบฉินมู่หลานกับน้องชาย “มู่หลาน เคอวั่ง พวกเธอมาแล้วเหรอ”
สองพี่น้องยกยิ้มแล้วกล่าวทักทาย หลังจากนั้นฉินมู่หลานก็ตรวจชีพจรให้โจวเหยียน ก่อนจะยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “อาการของคุณป้าดีขึ้นมากแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันจะผลิตยาให้คุณป้ากินตามอาการโดยเฉพาะ ถึงตอนนั้นก็กินได้ทุกวันเลย มันจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพน่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหลียงถงกับโจวเหยียนต่างก็แปลกใจ
“มู่หลาน ขอบคุณนะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จะมีอะไรคืบหน้าทางฝั่งคุณนายเหยาไหมนะ ท่าทางจะเป็นคนชอบคนคุยสนุกอยู่
มู่หลานบริการการรักษาเต็มที่แบบนี้ ได้ใจผู้ใหญ่ไปเต็มๆ เลยล่ะ
ไหหม่า(海馬)