ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 370 เจียงอวี่พบน้องสาวแล้ว

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 370 เจียงอวี่พบน้องสาวแล้ว

ตอนที่ 370 เจียงอวี่พบน้องสาวแล้ว

เมื่อซูเถาได้ยินดังนั้นก็ใจเต้นเล็กน้อย ความจริงเธอเองก็อยากที่จะเตรียมไว้สำหรับกองกำลังป้องกันตนเองของเถาหยางสักสองสามคัน

เพราะเวลาออกไปทำภารกิจ สิ่งนี้มันจะทำให้ทุกอย่างทั้งสะดวกและปลอดภัย

“หากเถ้าแก่ซูเต็มใจขายที่ดินให้ผม ผมก็จะมอบมันให้คุณสองคันถือว่าสร้างมิตรภาพ และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นรุ่นล่าสุดอีกด้วย พร้อมรับประกันการซ่อมแซมอีกสามปี” ลั่วเหยียนกระแอมออกมาเบา ๆ

หัวใจของซูเถาเต้นแรงกว่าเดิม…

ซูเถาพยักหน้า และพยายามสำรวมอาการตื่นเต้นเอาไว้ “ฉันขอคิดดูอีกที แล้วเดี๋ยวจะให้คำตอบพวกคุณทีหลัง”

หลังจากที่พวกเขาเดินทางกลับไปแล้ว เวินม่านก็เอาแต่โหยหาชีวิตในเถาหยาง หนำซ้ำเธอยังวางแผนที่จะไปที่บ้านของซูเถาเพื่อไปหาเสียวหั่วเยี่ยนในทุก ๆ วัน เธอได้ไปหาช่างไม้และป้าที่สามารถเย็บปักได้เพื่อทำของเล่นสำหรับลูกแมว เปลญวนนอน หรือคอนโดแมวไว้สำหรับแมวได้ปีนป่าย

ลั่วเหยียนไม่อยากที่จะขัดใจเธอ แม้ว่าซูเถาจะไม่ได้ปฏิเสธอย่างชัดเจน แต่เขาก็ได้ยินว่าเธอไม่ได้วางแผนที่จะขายที่ดิน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าสุดท้ายแล้วเธออาจไม่ได้ตัดสินใจที่จะขายมัน

ขณะเดียวกันพ่อของเวินม่านที่อยู่ในฉางจิงก็ได้โทรมาถามข่าวคราวของลูกสาวสุดที่รักของเขา

เวินม่านพูดถึงทุกสิ่งในเถาหยางเหมือนกับเสียงเทเมล็ดถั่ว น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้น

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ พ่อของเธอก็ถามด้วยความประหลาดใจ “เถาหยางที่มีชื่อเสียงในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ที่อยู่ถัดจากตงหยางน่ะเหรอ”

“ใช่ค่ะ พ่อก็เคยได้ยินชื่อเสียงของเถาหยางเหรอ”

เมื่อเห็นว่าพ่อของเธอสนใจ เวินม่านก็เล่าเรื่องราวที่เถาหยางให้เขาฟังต่อ และยังพูดถึงพืชคุ้มกันเถาหยางที่ต่อสู้กับพวกอันธพาลแปลกหน้า ราวกับว่าได้เห็นด้วยตาของเธอเอง

พ่อของเธอเงียบไปสักพัก และหลังจากนั้นไม่นานก็พึมพำกับตัวเองว่า

“แปลว่าข้อมูลที่สวี่ฉางส่งมาเป็นเรื่องจริงทั้งหมด”

ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเพราะทางเถาหยางได้ช่วยชีวิตลูกสาวของสวี่ฉางเอาไว้ สวี่ฉางเลยบอกเล่าทุกอย่างอย่างเกินจริงและเอ่ยชื่นชมเถาหยางอย่างออกหน้า เพียงเพราะเขาอยากที่จะตอบแทนน้ำใจของเถาหยาง

คิดไม่ถึงว่าความคิดของเขาจะผิดอย่างมหันต์

พ่อของเวินม่านไม่คิดว่าลูกสาวสุดที่รักของเขาจะโกหก เพราะว่าเวินม่านมีจิตใจดีและเป็นคนซื่อตรงตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าเธอจะมีความสุข โกรธ หรือเสียใจก็ไม่เคยแม้แต่จะโกหก

“ม่านม่าน พ่อขอคุยกับลั่วเหยียนหน่อย”

ลั่วเหยียนแอบตกใจเล็กน้อย แต่เขาก็ยื่นมือทั้งสองออกไปรับเครื่องสื่อสารด้วยมือทั้งสองข้าง และขานเรียกพ่อตาของเขาด้วยความเคารพ

“สิ่งที่ม่านม่านพูดเมื่อครู่ คุณมีอะไรจะเสริมไหม”

“สิ่งหนึ่งที่เวินม่านลืมที่จะพูดถึง คือ เถ้าแก่ของเถาหยาง เป็นเด็กผู้หญิงที่อายุยังไม่ถึง 19 ปี แต่หลังจากได้คลุกคลีกับเธอเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เถ้าแก่ซูคนนี้ค่อนข้างเป็นคนดี และก็มีความสามารถทีเดียว ผู้ใต้บังคับบัญชาดูเหมือนจะสนับสนุนเธออย่างมาก เราไม่ควรประเมินความสามารถของเธอต่ำเกินไป” ลั่วเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

เมื่อเวินม่านได้ยินสิ่งที่ลั่วเหยียนพูด ก็เสริมอีกว่า “ใช่ ใช่ ใช่ หนูชอบที่จะไปเล่นและพูดคุยกับเธอ แต่เธอยุ่งเกินไป วัน ๆ เอาแต่คอยวิ่งวุ่นไปทั่วเถาหยางและตงหยาง บางครั้งเธอก็อดหลับอดนอนทำงานข้ามคืน”

หลังจากพ่อของเวินม่านวางสายไป เขาก็เอนหลังพิงเก้าอี้และครุ่นคิดอยู่สักพัก และในที่สุดก็ลงมติ

“ให้เถาหยางเลื่อนขั้นเป็นชุมชน”

เป็นเพราะว่าเขาอายุมากแล้ว ก็เลยสับสนเลอะเลือนจนลืมไปว่าสวี่ฉางคือใคร เขาคือ ‘ดวงตา’ ของผู้นำระดับสูงสุดบราวนี่ออนไลน์

เมื่อสวี่ฉางได้ยอมรับแล้ว นั่นก็หมายความว่าผู้นำระดับสูงสุดก็ได้ยอมรับแล้วเช่นเดียวกัน

การที่เขามาคิดถึงเรื่องการลงคะแนนเสียงคัดค้านหรืองดออกเสียง พระเจ้าควรลงโทษเขาจริง ๆ

พ่อของเวินม่านถอนหายใจและดูข้อมูลที่สวี่ฉางส่งมอบให้อย่างระมัดระวัง มันไม่น่าเชื่อ และเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่คนจำนวนมากลงคะแนนเสียงคัดค้าน และมีจำนวนน้อยเท่านั้นที่เห็นด้วย

โชคดีที่บุตรสาวของเขาได้แจ้งข่าวนี้ให้เขาทราบ มันทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้นในการลงคะแนนให้เรื่องนี้

แต่เขาก็คาดว่าชื่อเถาหยางอาจทำให้เกิดพายุในฉางจิง

เพราะมันเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง เนื่องจากเถ้าแก่ของเถาหยางยังเป็นเด็กสาววัยรุ่นอายุไม่ถึงสิบเก้าเท่านั้น

……

วิลล่าของเซียวเหวินอวี้เปิดไฟสว่างทั้งคืน ดีที่มีฉนวนกันเสียงที่ทำให้แทบจะไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวด้านใน ไม่เช่นนั้นผู้เช่าจะกล่าวหาว่าเธอก่อความรำคาญได้

สตรีมีฐานะกลุ่มหนึ่งเข้าไปดื่มกันในบ้านของเธอ และหนึ่งในนั้นถามเซียวเหวินอวี้ที่ยังครึ่งเมาและครึ่งมีสติอยู่

“เหวิน…เหวินอวี้ บ้านหลังนี้เป็นของเธอจริง ๆ เหรอ รู้สึกเหมือนเพิ่งซื้อที่ดินแล้วสร้างใหม่ทั้งหลังใช่ไหม สร้างได้ดีมาก เร็วมาก ไม่อยากจะเชื่อเลย”

“จริงสิ ฉันจะโกหกทำไมล่ะ? เธอมาดื่มมาอาเจียนถึงที่นี่แล้ว ยังไม่เชื่ออีกหรือไง” เซียวเหวินอวี้จ้องมองไปที่อีกฝ่าย

แม้ว่าเพื่อนของเธอจะเมา แต่ก็ไม่สามารถหยุดการพรั่งพรูความอิจฉาได้

“มันเจ๋งมากเลย ตอนแรกฉันคิดว่าเธอต้องการซื้อที่ดินรกร้างเพื่อเป็นของขวัญให้พ่อซะอีก คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะสร้างบ้านสวย ๆ หลังนี้เพื่อยู่อาศัยเอง ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงไม่ยอมยกที่ดินผืนนี้ให้คนอื่นเหมือนกัน ไม่เว้นแม้แต่พ่อของฉันเอง แล้วนี่… เธอว่าเถ้าแก่ซูยังขายที่ดินอยู่ไหม ฉันก็อยากซื้อเหมือนกัน”

ทันทีที่เธอพูดแบบนั้น ผู้คนที่เมามายอยู่ข้าง ๆ ต่างก็เงยหน้าขึ้นมา

เซียวเหวินอวี้พูดอย่างภาคภูมิใจ “เลิกคิดเรื่องนี้ได้เลย เธอไม่ขาย ตอนนั้นใครใช้ให้พวกเธอคิดว่ามันเป็นที่ดินรกร้างกันล่ะ? นี่เป็นผลจากการมีวิสัยทัศน์ที่คับแคบ ยอมจำนนต่อโชคชะตาไปเลย”

บรรดาคนขี้เมาต่างก็ทรุดตัวลงอีกครั้ง และร้องไห้คร่ำครวญ

ในวันต่อมา ทุกคนในแวดวงคนดังทางตอนเหนือจึงรู้ว่าเซียวเหวินอวี้ได้สร้างบ้านพักส่วนตัว ไม่เพียงแต่จะมีสิ่งที่เรียกว่าโดมครอบป้องกันตามที่มีข่าวลือว่ามันสามารถป้องกันซอมบี้ได้เท่านั้น แต่มันยังสามารถป้องกันไฟและขโมยได้อีกด้วย แล้วยังได้ยินมาอีกว่าการก่อสร้างและตกแต่งวิลล่าของเธอนั้นมีสระว่ายน้ำลอยฟ้า ซึ่งมันทำให้หลาย ๆ คนต่างต้องอิจฉาตาร้อน

ลูกหลานของครอบครัวที่ร่ำรวยในวันสิ้นโลกแบบนี้ สิ่งที่พวกเขาไม่ขาดมากที่สุดก็คือเงิน และสิ่งที่พวกเขาขาดมากที่สุดก็คือชีวิตที่มีคุณภาพและความสุข

แม้แต่คุณหนูรองของตระกูลเซียว ก็เพิ่งรู้ว่าที่ดินที่น้องสาวคนที่สามของเธอซื้อได้ถูกนำมาสร้างเป็นบ้านพักสุดหรู ได้ยินมาว่าไม่เพียงแต่ปัจจัยด้านความปลอดภัยที่สูงเท่านั้น แต่นอกจากห้องธรรมดาในบ้านพักแล้ว ยังมีโรงหนังส่วนตัว สระว่ายน้ำลอยฟ้า บาร์ และยังมีห้องคาราโอเกะ ยิมออกกำลังกาย…

คุณหนูรองไม่อยากจะเชื่อกับข่าวลือนี้ จึงโทรหาเซียวเหวินอวี้เพื่อสอบถามเกี่ยวกับความจริง และถามว่าทำไมคนจำนวนมากถึงได้รับเชิญ แต่ตัวเองกลับไม่ได้รับเชิญ

เซียวเหวินอวี้ขี้เกียจเกินไปที่จะคุยกับพี่สาว ดังนั้นเธอจึงทิ้งคำสี่คำ ‘จริงตามข่าวลือ’ ไว้

สิ่งนี้ทำให้คุณหนูรองของตระกูลเซียวหายใจติดขัด

“…ช่วงนี้ฉันพอจะมีเวลาว่าง เดี๋ยวอาทิตย์นี้ฉันจะเข้าไปหาเธอ”

“ในเวลาแบบนี้พี่ควรใช้เวลากับพ่อและภรรยาใหม่ของเขาให้มากขึ้น เพราะหากเขาอารมณ์ดี ๆ เขาอาจจะแบ่งปันทรัพย์สมบัติของครอบครัวให้พี่มากขึ้นก็ได้” เซียวเหวินอวี้ปฏิเสธ

คุณหนูรองโกรธจัดกับสิ่งที่น้องสาวของเธอพูด “ไม่อยากให้ฉันไปฉันก็จะไม่ไป ใครง้อกัน! วางล่ะ!”

หลังจากวางสาย เธอก็บึ้งตึงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เดินทางไปหาน้องสาวสุดที่รักเพื่อพูดคุยเรื่องนี้ แต่เมื่อพวกเธอพบหน้ากัน บรรดาน้องสาวสุดที่รักก็พูดขึ้นมาว่า

“ได้ยินมาว่าที่ดินของพี่สามนั้นมีสิ่งปลูกสร้างที่ไม่เลวเลยล่ะ สักวันหนึ่งเธอต้องเชิญพี่ไปเป็นแขกแน่ ๆ พี่พาพวกเราไปด้วยนะ”

“…” เมื่อคุณหนูรองได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งหดหู่

ในขณะที่ซูเถาก็มีความสุขมาก เนื่องจากเธอได้รับข่าวจากเจียงอวี่ว่าเขาได้พบเจียงถงน้องสาวของเขาจริง ๆ และไม่ใช่ศพ แต่เป็นคนที่ยังมีชีวิต!

เสียงของเจียงอวี่ดังออกมาจากสายที่เธอพูดคุยกัน

“ตอนที่เราไปเจอหลุมฝังศพของเธอ เราก็ได้ทำการขุดเพื่อที่จะนำศพของเธอขึ้นมาแล้วนำร่างไปเผาและนำขี้เถ้ากลับไป แต่เรากลับไม่พบสิ่งใดอยู่ข้างใต้ ตอนแรกผมคิดว่าคงถูกซอมบี้ขุดขึ้นมากิน… แต่ในขณะที่เรากำลังจะเดินทางกลับ คนในท้องถิ่นบอกว่าเคยพบเห็นเธอมาก่อน และหลังจากที่ตามหาอยู่สองวัน เราก็พบเธออยู่ในศูนย์พักพิง…”

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็เอามือกุมหน้าอก ร่างกายสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ ความรู้สึกที่ทั้งตื่นเต้นและตกใจผสมปนเปกัน และยิ่งกว่านั้นความสุขที่เขาได้ทำหายไป มันได้กลับคืนมาแล้ว

เจียงถงซึ่งยืนอยู่ข้างเขาเนื้อตัวเปรอะเปื้อน ดวงตาที่มองเห็นได้อย่างเลือนลางของเธอมองไปยังคนที่อยู่ข้างหน้าที่กำลังร้องไห้เพื่อเธอ

พี่ชายเหรอ?

นั่นคือพี่ชายของเธอในขณะที่เธอยังเป็นมนุษย์ใช่ไหม

เพราะว่าตอนนี้…มันไม่ใช่อีกแล้ว

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
คอยดูเถอะ…วันสิ้นโลกแบบนี้ฉันจะยืนด้วยด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท